ไม่เคยตกหลุมรักหาดใหญ่มากเท่านี้มาก่อนเลย และเราคิดว่าใครตามลายแทงนี้ก็จะรู้สึกเหมือนเราเช่นกัน…ONCE ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ พาทุกคนสำรวจมุมใหม่ของหาดใหญ่ในแบบฉบับครีเอทีฟ พาย้อนเวลากลับไปหาความคลาสสิกจนถึงไลฟ์สไตล์โมเดิร์น ซึ่งทริปสำรวจ ‘หาดใหญ่’ คราวนี้จุดที่ทรงพลังที่สุดคือความเก่าผสมใหม่ที่กลายเป็นเรื่องราวแสนพิเศษ ตั้งแต่ร้านรถเข็น (แต่อร่อยของแท้) ร้านลับ สเปซคูลๆ เต็มไปด้วยสีสันและมีคาแรกเตอร์ไม่แพ้ที่ไหน เป็นภาพจำของหาดใหญ่แบบใหม่แบบสับจนทำให้คุณต้องรักเมืองนี้
ร้านเก่าแก่ 1 คูหาสุดคลาสสิก ปักหมุดอยู่ใกล้ห้างโอเดียน เติมเต็มความรู้สึก ‘Nostalgia’ ได้สุดใจ รีวิวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างพากันอวยยศเอาไว้เพียบ แถมชาวหาดใหญ่ (ไกลบ้าน) ต่างก็พากันสาธยายเงาอดีตร้านอาหารเช้าแห่งนี้ด้วยความคิดถึง
ดาวเทียมเปิดกิจการมาร่วมๆ 65 ปี ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป รายละเอียดล้นเสน่ห์ ตื่นตากับคอลเลกชันธนบัตรจากทั่วโลกเต็มผนัง ขับกล่อมด้วยเพลงเก่า เราเดาว่าน่าจะยุค 70-80 มีคุณลุงบาริสตาเจ้าของร้านอายุร่วมๆ 91 ปี ยืนประจำหลังเคาน์เตอร์ ชงชากาแฟอร่อยเข้มโดนใจ แถมยังยังแข็งแรงสุดๆ ยิ้มหวานต้อนรับลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร ลูกสาวเจ้าของร้านเล่าว่า เดิมคุณพ่อเปิดร้านขายไอศกรีมมาก่อน จากนั้นค่อยๆ ปรับจนเป็นแบบทุกวันนี้ A Must คือ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ขนมปังหน้าหมูน้ำอาจาด ชาปูชิโน (เป็นชาใส่นม) กาแฟชงสดแบบแก้วต่อแก้ว การต้อนรับอบอุ่นตั้งแต่เดินเข้ายันกลับออก บอกเลยไม่มีคำว่าผิดหวังสักนิดเดียว
โฮมคาเฟ่ที่ซ่อนอยู่ในรั้วบ้านสวน คนใต้เรียกรวมๆ ว่า ‘สวนสมรม’ ได้ร่มเงาของสวนมะพร้าว มังคุด กะท้อน เสิร์ฟอาหารเช้าที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เลือกที่นั่งได้หลายมุม รับลมโชยสบายๆ จากนั้นโปรดตั้งสติเพื่อเลือกเมนูโฮมเมดโฮมใจ ถ้าเลือกไม่ถูก ใครเป็นสายแข็งมื้อเช้า เราแนะนำให้จัดซิกเนเจอร์เมนู ‘Special Set’ คละรสชาติ เกี๊ยวปั้นสด กินคู่กับไข่กุ้งและน้ำจิ้มสูตรเด็ด มาแบบชุดใหญ่เต็มคำไปก่อน ถ้ายังไม่สาแก่ใจก็ยังมีบะหมี่เกี๊ยว ไข่กระทะ โจ๊กหมู ข้าวผัดมันกุ้ง ข้าวโคโค่ปลาร้านัว ข้าว Rice a Cat คลุกปลาทูที่เสิร์ฟพร้อมเกี๊ยวโคโค่โฮมทอด กาแฟ โรตี เครื่องดื่มซิกเนเจอร์จากผลไม้ในรั้วบ้าน กินคาวจบตามด้วย ‘ไอศกรีมกะทิสด’ Flower Garden และ Coconut Island กับวาฟเฟิลไทยสไตล์ บอกได้คำเดียวอิ่มแปล้ไปยันบ่าย
ตึกแถวขนาด 2 คูหาริมถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 เรากวาดสายตาไปมองเห็นป้ายสุดคลาสสิก พร้อมตู้กระจกวางเครื่องเคราชวนน้ำลายสอ ตรงมุมบะกุ๊ดเต๋มีเตาฟืนตั้งไฟตุ๋นอย่างพิถีพิถัน น้ำซุปพิเศษตรงที่มิกซ์กันระหว่างสูตรน้ำซุปแบบสิงคโปร์ มีพริกไทย ตังกุยและกระเทียมเป็นหัวใจหลัก
‘คุณลุงชลิต’ เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ลูกค้ามาเลเซียชอบอีกแบบเลยต้องปรับใส่เครื่องยาสมุนไพรลงไปด้วย จนกลายเป็นบะกุ๊ดเต๋ในหม้อดินเผารสละมุน ทีเด็ดคือ บะกุ๊ดเต๋แห้ง ข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำเนื้อชุ่มจุ๊ยซี่หอมน้ำมันงา สืบทอดจากรุ่นคุณแม่ที่จำสูตรมาจากฮ่องกง และที่ควรสั่งอีกจาน คือ หมูกรอบผัดพริกเกลือ กินคู่กับข้าวมันเข้ากันสุดๆ ไม่มีอะไรจะกล่าวมากไปกว่านี้ เพราะความอร่อยชนะทุกอย่าง แถมบริการดี ใส่ใจลูกค้าทุกเม็ดจริงๆ
บางทีนักเดินทางอย่างเราก็ต้องการพื้นที่เพื่อพักผ่อนและได้แรงบันดาลใจบางอย่างพกกลับไปด้วย บ้านเลขที่ 33 ได้รับการรีโนเวตใหม่ จากบ้านหลังเก่าอายุกว่า 50 ปี เพื่อสร้างภาพลักษณ์มุมใหม่ของเมือง เจ้าของและสถาปนิก ตั้งใจสร้างมู้ดแอนด์โทนให้ไปในแนวอบอุ่นจากความเป็นเอิร์ธโทนแบบสบายๆ ในวันพักผ่อน เชื่อมโยงใช้คอร์ตตรงกลาง กับบ้านหลังเก่าที่ปรับหน้าตาโครงสร้าง เติมความโค้งมน มีสระว่ายน้ำ สวนเล็กๆ เชื่อมโยงด้วยงานไม้และบันไดไม้คลาสสิก มีห้องพัก 20 ห้อง 5 รูปแบบ ด้านหน้ามีคาเฟ่มีที่นั่งทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ เสิร์ฟเครื่องดื่ม ขนมสดใหม่จากเตา ใครตัดสินใจพักแรมที่นี่ น่าจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และนำไอเดียไปต่อยอดทำอะไรได้อีกเพียบเลย
คาเฟ่สไตล์วินเทจฟาร์มเฮาส์ เจ้าของตั้งใจออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ชวนแวะเข้ามานั่งแช่แอร์เย็นๆ จิบเครื่องดื่มร้อนเย็น เสิร์ฟขนมโฮมเมดสดใหม่ที่ตกแต่งอย่างตั้งใจทุกชิ้นด้วย ‘Edible Flower’ ที่นี่ดัดแปลงจากตึกเก่ากว่า 30 ปี ที่เคยเป็นศูนย์วิจัยการยาง มีตัวอาคารและบล็อกกลมๆ ที่เป็นถ้วยรองน้ำยาง อินทีเรียร์เก๋ๆ เพิ่มเติมด้วยงานไม้ แบ่งพื้นที่มุมนั่งแบบสบายๆ ตกแต่งบรรยากาศหอมหวานด้วยดอกไม้สดและดอกไม้แห้ง เห็นถึงความตั้งใจในการนำของสะสม กาชา แก้วเซรามิก จานเค้กมาใช้เสิร์ฟจริง มีขนม เครื่องดื่ม อาหารจานเดียวกินง่าย เป็นอีกสเปซที่ดีเลย สำหรับนั่งพักนั่งทำงานในพื้นที่อบอุ่นสบายๆ ใจกลางเมืองหาดใหญ่ โทนแสงอุ่นๆ ถ่ายรูปสวยทุกมุม
ถ้าถามถึงร้านระดับตำนานเก่าแก่ของเมืองหาดใหญ่ ต้องมี ‘มันเดือย’ หน้าสถานีรถไฟอยู่ในลิสต์ ขนมหวาน จากร้านริมทางที่ผันผ่านกาลเวลาขายกันมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี กลายเป็นตัวแทนความอร่อยขึ้นแท่นร้านรถเข็นที่ยืนหยัดและครองใจผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่ ดังข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ ด้วยรสชาติหวานมันจากวัตุดิบ อย่างมันเชื่อม ถั่วแดงบด ลูกเดือยราดด้วยกะทิสดเข้มข้นใส่ลงในแก้วไซส์บึ้ม ตัดเลี่ยนด้วยสับปะรดเชื่อมอมเปรี้ยวหวาน โปะด้วยน้ำแข็งบด ป้าอ้วนเจ้าของร้านเล่าว่า ขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ จากแก้วละ 50 สตางค์ จนปรับเป็น 25 บาท เลือกได้หวานมากหวานน้อย แนะนำให้หาที่นั่งซดกินที่ร้าน มันจะอร่อยเป็นพิเศษ รับลมเย็นๆ ใต้ร่มต้นโพธิ์
ทำเอานึกว่าได้วาร์ปไปญี่ปุ่นจริงๆ นะ ใครจะไปนึกว่าบ้านรูปทรงตะมุตะมิ 2 ชั้นสีขาว ใกล้แยกท่าเคียน บนถนนควนลังศรีภูวนาถตัดใหม่เชิงสะพาน จะให้กลิ่นอายคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นขนาดนี้ พอได้พูดคุยกับเจ้าของคู่รัก ‘ซูหลิงและติณ’ จนเฉลยว่าชื่อร้านมาจากชื่อลูกสาว แถมทั้งสองต่างก็คลุกคลีผูกพันอยู่กับงานญี่ปุ่น ทั้งเสื้อผ้าวินเทจ ข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์นี่เองทุกอย่างจึงมัดรวมได้สุดคิวท์
แต่ละอณูไวบ์ของร้านจึงเจแป๊น…เจแปน นอกจากจะได้นั่งลงจิบมัทฉะอุ่นๆ คุณภาพดี กินคู่กับโชกุปังโฮมเมดอบร้อนสดใหม่หลากท้อปปิงทั้งมันม่วง เนยถั่ว งาดำ ข้าวโพด ครีมสด วาฟเฟิลหอมๆ ที่ซูหลิงคัดเลือกวัตถุดิบมาอย่างดีแล้ว ยังแกล้มด้วยบทสนทนาและความเป็นมิตรยิ่งทำให้อิ่มอกอิ่มใจไปกับเมนูอร่อยๆ ที่เต็มไปด้วยแพสชั่น ไลฟ์สไตล์ การเดินทาง และการเติบโตไปในแต่ละวันของครอบครัวนี้ไปด้วย แวะมาฮ็อปที่นี่ถือเป็นชั่วโมงคุณภาพจริงๆ
ไม่รู้จะนิยามว่าเป็นอะไรดี เพราะมีดีแอบซ่อนอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์กลิ่นอาย Mid-Century เท่ยันห้องน้ำ คาแรกเตอร์ชัด ได้ลองเครื่องดื่มแต่ละเมนูได้รสชาติ มีครีเอทีฟ ไว้ใจได้เลย เซอร์วิสเป็นกันเอง สร้างสรรค์ด้วย 3 หนุ่มเพื่อนซี้ ‘มู้ดดี้ ปัณ และบอส’ เรียกว่าเป็นตัวตนและรายล้อมด้วยสิ่งที่พวกเขาสนใจ (เคย) เป็นทั้งบาร์ พื้นที่ของคนรักหนัง เวทีแสดงดนตรี สแตนด์อัพคอมเมดี และยังเป็นสเปซของนักอ่าน เพราะหนึ่งในหุ้นส่วนอย่าง ‘มู้ดดี้’ สวมหมวกอีกใบเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม ‘Hatyai Book Club’ ด้วย ในฐานะผู้มาเยือนแอบดีใจนะ ที่หาดใหญ่มีคอมมูนิตีแบบนี้ ล่าสุดขยับขยายพื้นที่เพิ่ม ใครมาไม่ต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีแย่งที่นั่งกันแล้วล่ะ
ราดหน้าที่เสิร์ฟใส่จาน เส้นยังร้อนควันฉุยๆ หน้าตาชวนน้ำลายไหล หอมกลิ่นคั่วกระทะเป็นเอกลักษณ์ เส้นเหนียวหนึบ หมูนุ่มฉ่ำ เลือกเติมเครื่องปรุงตามใจชอบ เปิดมายาวนานกว่า 40 ปี ทุกจานก่อนเสิร์ฟคุณลุงเจ้าของร้านใช้สองมือผัดขลุกๆ อยู่หน้าเตาถ่านเป็นจังหวะ รับรู้ได้ว่าแต่ละกระทะปรุงด้วยใจ จนได้ราดหน้าเส้นหอมๆ เหนียวนุ่มกำลังดี ราดน้ำแบบเข้มข้น หมูนุ่ม ตามด้วยคะน้าสดกรอบ ส่วนผัดซีอิ๊วกลิ่นหอมห่อใบตอง มีให้เลือกทั้งเส้นใหญ่ เส้นเหลือง หมี่ฮุ้น หมี่กรอบ คุณลุงบอกว่า เคล็ดลับของความอร่อยเป็นสูตรเฉพาะที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นอาก๋งที่อพยพมาจากเมืองจีน ไม่ว่าจะไปเวลาไหน ลูกค้ารอคิวเพียบทั้งไทยและเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ที่ต่างปักหมุดเอาไว้ในลิสต์ว่าต้องมากินถึงที่ให้ได้ นอกจากอร่อยแล้ว ราคาไม่แรงด้วย
นอกจากความรู้พื้นฐานที่ว่า ผ้าปาเต๊ะเป็นผ้าย้อมสีที่วาดลวดลายด้วยมือ การแวะมาทำให้ได้แง่คิดเพิ่ม 2 ข้อ หนึ่งคือผืนผ้าแบกรับประวัติศาสตร์เอาไว้ สองคือ ลวดลายของศิลปินคนหนึ่งอาจไม่มีใครวาดเลียนแบบหรือผลิตเพิ่มได้อีกเลย หลังจากศิลปินเสียชีวิตแล้ว
ผ้าปาเต๊ะ หรือผ้าบาติกเกิดจากการตักเทียนมาวาดลวดลาย จากนั้นนำไปย้อมสี หลังจากเทคโนโลยีแผ่ขยายถึงธุรกิจผ้า จากอุปกรณ์วาดเทียนด้วยมือก็กลายเป็นแม่พิมพ์ จากสีธรรมชาติก็เป็นสีเคมี แล้วแต่เจ้าของผลงานจะเลือกใช้ ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเช่นกัน และก็คงเหมือนรูปวาดทั่วไปที่คนมักบอกว่าศิลปินมี ‘ลายเส้น’ ของตัวเอง ศิลปินวาดผ้าปาเต๊ะก็ด้วยนะ
ร้านนี้ขายทั้งผ้าปาเต๊ะไทยและผ้าปาเต๊ะนำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งเน้นการวาดเขียนด้วยมือ จากวันที่เปิดร้านแรกในตลาดกิมหยงจนถึงวันที่ย้ายร้านมาอยู่ใจกลางเมืองก็ปาเข้าไปกว่า 10 ปีแล้ว ปัจจุบันร้านยังคงส่งต่อผลิตภัณฑ์มากคุณภาพและความรู้ที่พร้อมเล่าสู่กันฟังเสมอ
ก่อนหน้านี้ใครไปใครมาหาดใหญ่ก็รู้ดีว่าตึกสูงระฟ้าของ ‘ลีการ์เดนส์ พลาซ่า’ มาพร้อมกับวิวและแสงสีของดาวน์ทาวน์ มีทั้งโรงแรม ห้องประชุม และศูนย์การค้าอยู่ด้วยกัน และอยู่คู่ใจกลางเมืองหาดใหญ่มาเกือบๆ 20 ปี เวลานี้ตรงบริเวณชั้น G และชั้น 2 ปรับเป็นแกลเลอรีและอาร์ตสเปซที่พยายามปลุกเมือง ที่ผ่านมาไม่ได้แค่จัดแสดงงานศิลปะ แต่ยังก้าวข้ามไปสู่การจัดเฟสติวัล อีเวนต์ เวิร์กช้อป อาร์ตแคมป์ สร้างเครือข่ายสร้างคอมมูนิตีในหลายแวดวงทั้งในและจากต่างประเทศมาร่วมแสดง แถมยังพยายามเผยแพร่ข้อมูลองค์ความรู้ด้านต่างๆ ต่อยอดวงการศิลปะหลากหลายมิติในหาดใหญ่และภาคใต้ให้คึกคักครึกครื้นขึ้นด้วย โดยมีทีม ‘Saneha Art Community’ ช่วยสนับสนุนเรื่องข้อมูลและคอนเทนต์สุดสร้างสรรค์
เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีหลังพระอาทิตย์ตก ขอพาหลบเข้าไปยังสปีกอีซีหลังประตูสีส้ม ที่นี่คือมิวสิกบาร์ โปรเจกต์ใหม่ของปอและยูโกะ เจ้าของเดียวกับ ‘22 Nakhonnok Listening Bar’ และ ‘Nusantara.Ska’ ในย่านเก่าสงขลา ที่ตัดสินใจเปิด ‘Poco Loko’ ในตัวเมืองหาดใหญ่อีกแห่ง ด้วยความตั้งใจหลักเพื่อหลอมเป็นคอมมูนิตีฟรีสเปซของคนรุ่นใหม่ มีมิกโซโลจิสต์อารมณ์ดีชวนคุยไม่มีเหงา เสิร์ฟเครื่องดื่มหลากหลาย มีทั้งดีเจประจำบ้านและดีเจหน้าใหม่ที่หมุนเวียนกันมาปล่อยของ ท่ามกลางไวบ์แบบกันเอ๊งกันเอง รับรองว่าได้ฟังดนตรีหลากแนวจากดีเจที่ค่อยๆ วางแผ่นเสียงลงบน Turntable หย่อนหัวเข็มลงร่องอย่างช้าๆ แล้วTurn On เสียงขึ้นจนถึงขีดสุด รับรองว่าอยากนั่งแช่ปล่อยจอยไปจนกระทั่งบาร์ปิดแน่ๆ
ใครเลิฟงานเซรามิกต้องปัก! “พอตเตอร์ เฮ้าส์” อาณาจักรบ้านไม้กึ่งปูนคลาสสิกแบบเปลือย เต็มไปด้วยงานเครื่องปั้นดินเผาในซอยสาสุธรรมของ ‘อาจารย์ผดุงเกียรติ รัตนศรี’ ครูช่าง Sacit ศิลปินรุ่นใหญ่ ล่าสุดเพิ่งมี ‘โซโล เอ็กซิบิชั่นโปรเจกต์’ จัดไปเมื่อต้นปี 2567 ผลิตงานออกมามากมายทั้งขายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ามีทั้งรีสอร์ต โรงแรม ร้านอาหาร มีทั้งแบบดินเผาแดงด้าน เผาเคลือบ ประติมากรรมของตกแต่ง จานชาม แจกัน ภาชนะเครื่องใช้ และถ้วยกาแฟหลากสีสัน ดีไซน์ร่วมสมัย ใครสนใจแวะไปเยี่ยมชมได้ที่บ้าน “พอตเตอร์ เฮ้าส์” มีเซรามิกให้เลือกซื้อหลากแบบ รู้มาว่าถ้าช่วงที่อาจารย์ไม่ยุ่งยังสามารถจัด เวิร์กช้อปและเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กๆ นักศึกษา คนทั่วไปที่สนใจเรียนรู้งานปั้นด้วย
ไนต์ไลฟ์หาดใหญ่จะว่าไปก็เป็นหนึ่งในตองอูนะ นอกจากตลาดโต้รุ่ง ร้านค้าร้านอาหารยามค่ำคืน แล้ว ก็จะยังมีถนนสายหลักที่มีบาร์ใหม่ๆ ผุดขึ้นตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้คน Moonlight House บาร์ในสไตล์ City Bar ดีไซน์ร่วมสมัย นำเสนอเครื่องดื่มที่แต่ละเมนูมีคาแรกเตอร์ที่มีความ Clean & Delight แถมยังให้มีมิติที่แตกต่างกัน มีให้เลือกทั้งค็อกเทลและม็อกเทล เหมาะสำหรับนั่งแฮงก์เอาต์ สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน หรือถ้ามาคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวเหงา มีสตูลเรียงหน้าบาร์ นั่งฟังเพลง จิบไฮบอลสักแก้ว คุยกับบาร์เทนเดอร์สุดแนวก็เพลินดีนะ ส่วนกลางวันเป็นคาเฟ่
เบื้องหลังประตูสีดำ ลักษณะคล้ายประตูตู้เซฟที่มักปรากฏในภาพยนตร์ คือบาร์โทนสุขุมแต่บรรยากาศเบาสบาย ชวนให้ปลดปล่อยความหนักอึ้งในใจ คอนเซปต์ของร้านก็ตามชื่อ ร้านนี้ควรจะเป็นพื้นที่ที่ให้ลูกค้าได้พูดเรื่องของตัวเองอย่างสบายใจ จะระบายกับพนักงานก็ย่อมได้ ทุกคนพูดคุยด้วยสีหน้าสดใสเสมอ บาร์เทนเดอร์ที่นี่ถนัดการแปลงอาหารเป็นเครื่องดื่ม ใครนึกภาพไม่ออก เราขอยกตัวอย่าง น้ำแข็งไส ค็อกเทลสีอ่อนที่มีรสชาติเหมือนน้ำแข็งไสเป๊ะ ทำจากส่วนผสมหลักของน้ำแข็งไสอย่างขนมปัง นมข้น น้ำเชื่อม โดยคนชงคนเก่งได้คัดแยกไขมันออกหมดแล้ว อยากสั่งเมนูครีเอตใหม่ตามใจฉันก็ได้นะ บาร์นี้ถูกใจคนชอบลองของใหม่ชัวร์ และสิ่งบ่งบอกความใส่ใจอีกอย่างคือ ผ้าอนามัย หวี และแป้งในห้องน้ำ
หาดใหญ่มีร้านนับไม่ถ้วน แต่ถ้ากำลังมองหาร้านอาหารสุขภาพที่ดีต่อกายดีต่อใจ รวมทุกอย่างไว้ที่เดียว ที่นี่คือคำตอบ “Nutritious home-cooked meal with organic green. fresh coffee, superfood smoothie and treats” เป็น motto ที่บ่งบอกตัวตนของร้านได้ครบถ้วน
อาคารสไตล์บาร์นเฮาส์ เต็มไปด้วยสินค้าสุขภาพ มีห้องสโคบี้ที่จริงจังเรื่องคอมบูฉะ กรีนสเปซเสริมด้วยโต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่งรับลมธรรมชาติ อีกโซนแยกเป็นห้องอเนกประสงค์ ก่อนหน้านี้มีจัดเวิร์กช้อปมาแล้วบ่อยครั้งเกี่ยวกับศิลปะและเวลเนส อาหารมีครบทั้งเมนูคาวหวานเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มแทบไม่มีส่วนผสมของนมข้นหวานและครีมเทียมเลย ดูดีทั้งหน้าตาและรสชาติ เน้นวัตถุดิบดีต่อร่างกาย ที่สำคัญยังเป็น Pet Friendly ด้วยแหละ ตัวร้านอยู่ตรงชานเมือง มีที่จอดรถสะดวก
มาภาคใต้ทั้งที ได้ลองกินอาหารใต้แท้ๆ บ้างหรือยัง? ร้านอาหารโฮมคุกกิงที่ตั้งอยู่บนถนนศุภสารรังสรรค์ ใกล้แยกน้ำหมุน เป็นร้านอาหารใต้ที่กล้าการันตีว่าเป็นรสชาติคนท้องถิ่น บริหารร้านโดยไอซ์และอีฟสองพี่น้อง อีฟเป็นแม่ครัวหลักทำอาหารจากความทรงจำ ด้วยกรรมวิธีและรสชาติอย่างที่เคยช่วยทำในครอบครัว เมนูชูโรง อาทิ หมูสามชั้นคั่วน้ำปลา แกงหมูขจี หมูสับปลาเค็มทอดทรงเครื่อง กุ้งสามน้ำทอดกระเทียม ปลาหมึกไข่ต้มหวาน หอยแครงยี่สิบวิ ยำหัวปลีกะทิหมูสับ ทุกเมนูรสชาติหนักแน่น รู้เลยว่าคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี ส่วนไอซ์เป็นฝ่ายรับออเดอร์พร้อมแนะนำเครื่องดื่มชวนให้จับคู่ ทั้งคราฟต์โซดา ไวน์ ฯลฯ ร้านตกแต่งดูดีร่วมสมัย เพลงเพราะ แนะนำให้โทรจองโต๊ะไว้ก่อนมา กินเสร็จข้ามถนนไปวัดฉื่อฉาง วัดจีนเก่าแก่ชื่อดัง อีกหนึ่งอันซีนเมืองหาดใหญ่ก็ดีนะ
“A House That You Called HOME.” บูทีคโฮเต็ลในซอยลับ ราวกับเป็น Hidden Place มอบความเงียบ สงบ เป็นส่วนตัวได้ดีราวกับพักบ้านญาติ ตกแต่งจัดเต็มในทุกๆ มุมด้วยของตกแต่งร่วมสมัยในสไตล์อัตลักษณ์ถิ่นใต้ เพราะเจ้าของมีประสบการณ์ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานานกว่า 25 ปี เลยตั้งใจอยากสร้างที่พักที่เป็นมากกว่าบ้าน ออกมาเป็น บูทีคสเตย์ 3 ห้อง 3 รูปแบบ 3 สไตล์ คุมมู้ดด้วยสีเอิร์ธโทน งานไม้ แบ่งเป็นห้อง Suite ห้อง Double Bed และห้อง Family Room ห้องขนาดใหญ่ ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า เสิร์ฟเมนูสไตล์ ‘Southern Californian’ ที่ฟันธงว่ามีที่เดียวในหาดใหญ่ หน้าตาจะเป็นยังไง ต้องมาพักและลองชิมให้ถึงที่แล้วล่ะ
บรรยากาศโคซี่แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ในตัวเมืองอันแสนวุ่นวายของหาดใหญ่ นอกร้าน Lunaray เต็มไปด้วยผู้คนและเสียงรถรา แต่เมื่อประตูปิดลงตามหลัง กั้นเสียงดังจากข้างนอกเข้ามา จึงเหมือนหลุดมาอยู่โลกอีกใบที่เงียบสงบ นี่คือความประทับใจแรกต่อร้านขนมหวานแห่งนี้ เมนูต้องลองคือบัวลอย 3 สี แป้งนุ่มหนึบยิ่งเคี้ยวยิ่งเพลิน ไส้ลาวาเยิ้มเต็มปากเต็มคำแบบไม่ต้องบรรยายเยอะ อ้อ บัวลอยของทางร้านเสิร์ฟแบบร้อนเท่านั้นนะ เพื่อคงสภาพความนุ่มและความเหลวของไส้ลาวาระหว่างกินให้ได้นานที่สุด อีกเมนูห้ามพลาดคือ Ice-cream Parfait ใส่ผลไม้สดจำพวกมะยงชิดและมะม่วงในแก้วทรงสูง เจ้าของร้านทุ่มกับของหวานคุณภาพคับแก้วแต่ขายในราคาเป็นมิตรสุดๆ เลยด้วย
ใครที่เดินทางบ่อยๆ จะรู้ดีว่าหลายเมืองได้ใช้สตรีตอาร์ตเป็นเครื่องมือชวนให้คิดถึงไม่ว่าจะจอร์จทาวน์ เมลเบิร์น แตกต่างกันไปในแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับเมือง เช่นเดียวกันภาพวาดสตรีตอาร์ตบนกำแพงรอบเมืองหาดใหญ่ มีกลุ่มศิลปินร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะของตัวเองบนฝาผนังรอบตัวเมือง รวมถึงบนฝาผนังบ้านของประชาชนที่ได้ดำเนินการขออนุญาตแล้ว ถูกกระจายอยู่ทั่วเมือง ทั้งบนผนัง มุมแหงน มุมเงย กระจายอยู่ตามย่าน ตั้งแต่วัดถาวร วัดฉื่อฉาง ไปจนถึงย่านท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง ชวนให้เราได้ร่วมสำรวจ ชวนมอง ชวนเอ๊ะไปกับแต่ละภาพที่ศิลปินได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งในเชิงคุณค่าแล้ว งานทุกชิ้นที่วาดขึ้นมาต่างมีความหมายอยู่เบื้องหลัง และเอาจริงๆ จอดรถแล้วลองเดินเลาะๆ ไปตามตรอกซอกซอกในเมืองหาดใหญ่ ก็เจอ Hidden Gems ชวนแวะอีกเพียบเลย
คาเฟ่ขนมโฮมเมดที่ล้อมรั้วด้วยต้นไม้ ตัวอาคารสีขาวโปร่ง ยิ่งชูกลิ่นอายความร่มรื่นสบายใจ น่าเข้าไปหลบอากาศร้อนสุดๆ เลยล่ะ แต่ของดีไม่หยุดแค่ที่หน้าตา ขนมหวานในร้านทำจากวัตถุดิบคัดคุณภาพ จะได้เติมน้ำตาลกันแบบไม่ต้องรู้สึกผิด และขนมส่วนใหญ่เป็นโฮมเมดทั้งนั้น เจ้าของร้านยังผลักดันบาริสตาให้ฝึกฝนฝีมือชงกาแฟอย่างสม่ำเสมอด้วย แถมพากันลงแข่งงานประกวดต่างๆ จนได้แชมป์ Brewer Phatthalung & Yala 2024 มาครอง กาแฟเลยเป็นหน้าเป็นตาให้ร้านไม่แพ้ของหวานในตู้กระจกเลย มั่นใจได้ว่า ต่อให้ลูกค้าโดนตกจากภาพลักษณ์ แต่จะกลับมาซ้ำเพราะคุณภาพสินค้าแน่นอน
กำลังมองหาพื้นที่ผ่อนคลายยามค่ำคืนอยู่หรือเปล่า? ขอแนะนำ ‘Nora Bar’ ซ่อนตัวอยู่บนชั้นสองของอาณาจักร ‘Realm Songkhla’ ตึก ‘ไทยอาคาร’ จากเดิมเคยเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร ที่ชื่อ ‘มิตรแท้จักรกลการเกษตร’ ตึก4 ชั้นในความทรงจำของชาวหาดใหญ่ โครงสร้างสวยเอกลักษณ์ หลังจากได้รับการเนรมิตใหม่ก็เปลี่ยนโฉมเป็นอีกแลนด์มาร์กสุดคูลใจกลางเมืองเลยทีเดียว นอกจากคาเฟ่ ร้านอาหารแล้วชั้น 2 ยังมี ‘Nora Bar’ คุมโทนด้วยสีเขียวอมน้ำเงิน เสมือนโรงละคร ถ่ายทอดสตอรี่วัฒนธรรมของภาคใต้ออกมาในรูปแบบของการแสดงโชว์ ที่มีทั้งหนังตะลุง มโนราห์ ตารีกีปัส มโนราห์และดนตรีแจ๊ซ สายแฮงก์เอาต์จะต้องเพลินไปกับความครีเอทีฟในเมนูค็อกเทลและม็อกเทลที่ใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น บอกเลยเก๋ตั้งแต่ชื่อเรียกยันแผ่นพับเมนูป๊อปอัพ
ร้านสีพาสเทลบรรยากาศอบอุ่นใจกลางเมืองนี้มีหน้าตาแบบคาเฟ่ตะวันตก รูปอาหารในเมนูดูเผินๆ ก็เหมือนอาหารตะวันตก แต่แฝงวัตถุดิบท้องถิ่นภาคใต้ เราสั่งข้าวผัด Papardaylay มาก่อนเลย สีสันดูคล้ายข้าวผัดอเมริกัน แต่รสชาตินั้นผิดคาด กลิ่นซอสพริกศรีราชาชัดเจนอยู่ในปาก ลดทอนความเผ็ดด้วยหมูกวนชาเล่ กุ้งเนื้อแน่น ไข่ดาว และผักสลัดซอสงาญี่ปุ่น อาหารอีกจานสนองความชอบส่วนตัว นั่นคือสปาเกตตีเส้นหมึกดำเบคอน ซอสเพสโต เส้นเด้งสู้ฟันมาก กินไปก็นั่งมองพนักงานโชว์รีดเส้นสดตรงเคาน์เตอร์ไปด้วยเลย โดยรวมแล้วน่าพาคนต่างถิ่นมาลองเหมือนกันนะ วัตถุดิบท้องถิ่นที่นำเสนอผ่านรูปแบบอาหารสไตล์ตะวันตกน่ะ เข้าถึงง่ายดีเลย
ร้านนี้วัยรุ่นนั่งได้ ผู้ใหญ่กินดี ทุกหน้าเมนูของ Locals.hdy ชูวัตถุดิบท้องถิ่นชัดเจนผ่านกาแฟ เมนู Non-Coffee ของหวานจากตาลโตนด และอาหารคาวที่ใช้เนื้อปลา และวัตถุดิบอื่นๆ ของภาคใต้ แม้จะขายของดีภาคใต้เต็มที่ แต่ละเมนูถูกปรับและนำเสนอเป็นเมนูคาเฟ่ทั่วไปตามยุคสมัย ทำเอาเลือกไม่ถูกเลยว่าจะลองกินอะไรก่อนดี
ร้านแบ่งเป็น 2 โซน คือโซนคาเฟ่และโซนร้านอาหาร ทั้งสองฝั่งคั่นกลางด้วยสวนหย่อมร่มรื่น ฝั่งร้านอาหารมักมาเป็นครอบครัว อ่านเมนูแล้วก็เข้าใจว่าทุกวัยเพลิดเพลินกับอาหารใต้ได้ไม่ยาก สำหรับบรรยากาศร้านที่ตกแต่งด้วยไม้สีอ่อนดูโมเดิร์น เป็นสไตล์ร้านที่เป็นเทรนด์นิยมในปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าในคาเฟ่ส่วนใหญ่จึงเป็นวัยรุ่นวัยทำงาน
Lorem Ipsum คือศูนย์กลางอีเวนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้งดนตรีสด งานธีสิส การแสดงสดคล้ายละครเวที เวิร์กช้อป และนิทรรศการ ซึ่งฝากผลงานศิลปะไว้ตามฝาผนังอยู่จนทุกวันนี้ ชื่อร้านก็ไม่มีความหมายด้วยนะ ในวงการกราฟฟิกจะรู้กันดีว่า คำนี้ใช้จับจองพื้นที่ว่างไว้เติมเนื้อหาในภายหลัง สถานที่นี้วางตัวแบบเดียวกัน ดังนั้น หากใครกำลังหาสถานที่จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ก็ไว้วางใจ Lorem Ipsum ได้แน่นอน
ในแง่ธุรกิจ ชั้นล่างเป็นคาเฟ่ในตอนกลางวัน ส่วนชั้น 2 ทำหน้าที่เป็นห้องฉายหนัง ต้องบอกก่อนว่า Lorem Ipsum เริ่มจากเพจ เรื่องนี้ฉายเถอะ คนหาดใหญ่อยากดู ซึ่งบุกเบิกการนำหนังนอกกระแสมาฉายเป็นรอบๆ ในหาดใหญ่ เมื่อเริ่มมีฐานลูกค้าจึงหาเช่าสถานที่และย้ายมาอยู่ ณ ตึกเก่าแห่งนี้เมื่อราว 4 ปีที่แล้ว
อีกหนึ่งคาเฟ่น้องใหม่ในหาดใหญ่ ตกแต่งออกมาเป็นไวบ์ของเก่าของฝรั่ง ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ แชนเดอเลียร์ ดอกไม้ทั่วร้าน และของตกแต่งที่วางแทรกอยู่ตามซอกมุมต่างๆ แทรกกิมมิกด้วยถาดสเตนเลสตามชื่อร้าน ที่หมายถึงป้ายชื่อทหารที่ห้อยเป็นสร้อยประจำตัว ส่วนของกินที่ได้คะแนนนำกาแฟชงแบบพิถีพิถันคือ ไอศกรีมเจลาโต รสชาติมีให้เลือกหลากหลาย เนื้อเหนียวนุ่มพอดี เราสั่งแล้วถือขึ้นบันไดไปกินบนชั้น 2 ซึ่งตกแต่งจัดเต็มกว่าชั้นล่างอีกนะ มือก็ตักไอศกรีมเพลินๆ แต่ตาจดจ้องไปทั่วร้านตั้งแต่พื้นจรดเพดานเลย ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องเอาตัวเข้าไปอยู่ในนั้นเอง