About
BUSINESS

โชคดี สติ สัมภาระ

อัคระ แบงค็อก แบรนด์ของใช้ไลฟ์สไตล์ครีเอทข้อความแทนใจโดนๆ เพื่อคนสู้งาน

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • อัคระ แบงค็อก แบรนด์ของใช้ไลฟ์สไตล์ทั่วไปที่นำเอาตัวตน ความรู้สึก โควตคำพูดที่ ปอม-อัครพล ปานกุล เจอในชีวิตประจำวัน มาออกแบบให้เป็นฟอนต์แบบไทยๆ บนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่กระเป๋าผ้า เสื้อยืด ไปยันของทุกอย่างที่ขายให้คนใช้ได้ หรือจะไม่ขายเลยก็ยังได้

ฉันไม่อยากเป็นคนเก่ง ฉันอยากเป็นคนรวย ฉันเหนื่อย

ปวดหลัง

คนขยันไม่อดตาย แต่อดนอน

เหล่านี้คือโควตคำพูดที่ถูกสกรีนอยู่บนผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ‘อัคระ แบงค็อก’ แบรนด์ของใช้ไลฟ์สไตล์ทั่วไปที่อ่านแล้วอาจฟังดูธรรมดา หรือเป็นคำที่เราเคยได้ยินในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน คำสั้นๆ นี้กลับรู้สึกกระแทกเข้าไปในใจอย่างบอกไม่ถูก

ใครจะคิดว่าเพียงแค่ตัวหนังสือไม่กี่คำจะมาสร้างมูลค่าให้สินค้าได้

ONCE พามาคุยกับปอม-อัครพล ปานกุล ถึงเรื่องราวการเดินทางของ อัคระ แบงค็อก ตั้งแต่วันที่มีแค่ปอมเป็นผู้ริเริ่มแบรนด์ จนถึงวันที่เจอวิกฤตแต่ต้องพาทุกคนที่ทำงานด้วยกันไปต่อให้ได้ และวันนี้ที่อยากให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้โดยไม่ต้องรู้ว่าใครเป็นคนสร้าง

อัคระ แบงค็อก

อัก-ขะ-ระ แบง-คอก

หน้าตึกของออฟฟิศ อัคระ แบงค็อก เขียนเป็นตัวหนังสือฟอนต์เดียวกันกับที่แบรนด์ใช้เป็นชื่อตึกว่า เจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย อัคระแบงค็อก ภายในออฟฟิศตกแต่งด้วยสีขาวล้วนอย่างเรียบๆ เราเห็น ปอม-อัครพล ปานกุล เจ้าของแบรนด์ กำลังตรวจเช็กความเรียบร้อยของกองกล่องพัสดุอย่างขะมักเขม้น ปอมปลีกตัวมาเพื่อจะได้เข้ามานั่งคุยกับเราในห้องประชุมขนาดย่อมชั้นบน

เจ้าของแบรนด์เล่าให้เราฟังว่า จบจากเพาะช่าง สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ ก่อนทำแบรนด์อัคระจริงๆ ปอมทำงานบริษัทมาก่อน แต่ระหว่างทำงานก็ขายของตามกระแสตลาดออนไลน์ในช่วงนั้นไปด้วย

อัคระ แบงค็อก

“เราออกจากที่ทำงานที่แรกมาก็ไปซื้อผ้าตามพาหุรัดแล้วก็มาตัดกระเป๋าขาย ขายได้อยู่ประมาณ 2 ปี ก็เจ๊ง มันคงถึงเวลาของมัน เพราะตอนนั้นเราไม่มีประสบการณ์ในการขายของ หรือประสบการณ์อะไรเลย เงินได้มาเท่าไหร่ก็ใช้หมด”

หลังจากล้มลุกกับธุรกิจขายกระเป๋าผ้า ปอมก็กลับไปทำงานในบริษัทนิตยสารออนไลน์ และบริษัทเอเจนซีโฆษณาอยู่กว่า 3 ปี ซึ่งระหว่างนั้นก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการทำแบรนด์

อัคระ แบงค็อก

เมื่อถึงช่วงคาบเกี่ยวระหว่างงานประจำในบริษัทโฆษณา และ อัคระ แบงค็อก ที่กำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้ปอมเกิดคำถามว่า เขาจะรับภาระงานที่หนักขึ้นเป็นสองเท่านี้ไหวไหม แต่พอลองชั่งน้ำหนักในใจ กลับพบว่าถึงจะต้องเสี่ยงกับเส้นทางใหม่ในการออกมาขายของ แต่การทำแบรนด์ที่เป็นสิ่งที่รักย่อมมีน้ำหนักมากกว่า

แม้การตัดสินใจทั้งหมดจะเกิดช่วงที่กำลังมีโรคระบาดโควิด-19 ที่ภาวะการว่างงานเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพึงปรารถนา แต่ปอมรวบรวมกำลังใจและความรักที่มีต่องานดีไซน์ พาตัวเองออกจากเซฟโซนของงานประจำ มาเป็นเจ้าของอัคระเต็มตัวในที่สุด

อัคระ แบงค็อก

โชคดี

ลายแรกของแบรนด์เริ่มมาจากคำว่า โชคดี บนกระเป๋าผ้า ซึ่งปอมได้แรงบันดาลใจมาจากถุงกระดาษโชคดีของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสมัยก่อน ปอมถูกใจในดีไซน์ถุง อีกทั้งยังรู้สึกว่าคำเหล่านี้ยังทันสมัยอยู่แม้เวลาจะผ่านมานาน

เมื่อกระเป๋าผ้า โชคดี ได้รับความนิยมมากขึ้น ลาย โชคดี สติ สัมภาระ จึงถูกพัฒนามาอยู่บนเสื้อยืดและผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกเรื่อยๆ และคำอื่นๆ ก็ตามมามากมายแทบนับไม่ไหว

อัคระ แบงค็อก

“ปัจจุบันไอเดียของคำในแต่ละลายมาจาก 3 กลุ่มหลักๆ คือ คำมงคล คำที่คอลแล็บกับอินฟลูเอนเซอร์หรือคนในกระแส และสุดท้ายคือ คำสนุกๆ ตามเทรนด์ความรู้สึกของคนทั่วไป

ปอมเล่าว่า กลุ่มคำมงคล เช่น คำว่า โชคดี รวย จะนิยมในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีอยู่ตลอดทั้งปี ฐานลูกค้ามีทั้งที่ซื้อให้ตัวเอง ให้เจ้านาย ลูกน้อง หรือคนอื่นๆ เพื่อเป็นการอวยพร เป็นของขวัญ

ส่วนคำที่เป็นการคอลแล็บกับอินฟลูเอนเซอร์ คนในกระแส เช่น ลาย ฉันปวดหัวมากนะ อัคระแบงค็อก x รัตนา ปอมมองว่ามันเป็นไวรัล 2 -5 เดือน คำพวกนั้นมันก็จะถึงเวลาหมดเทรนด์ไป ก็จะไม่ได้กลับมาผลิตต่อ

อัคระ แบงค็อก

แต่กลุ่มคำสุดท้ายปอมให้นิยามว่าเป็นคำสนุกๆ ซึ่งเราสนใจมากเป็นพิเศษ จนเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มาคุยกับปอมในครั้งนี้เลย

“คำกลุ่มสุดท้ายนี้จะสังเกตจากความรู้สึกของคนในสังคม คนรอบข้างเราเขารู้สึกยังไง บางทีแค่ความรู้สึกของเราเองที่ใช้คุยกับลูกน้อง เช่น กูอีกแล้วเหรอ เรายังเอามาใช้เลย เพราะปัจจุบันเรายังทำดีไซน์อยู่คนเดียวทั้งหมดจริงๆ” ปอมเล่าด้วยน้ำเสียงติดตลก

อัคระ แบงค็อก

“จริงๆ เราคาดหวังให้ทุกคำทุกโปรดักต์มันออกมาดีที่สุดอยู่แล้ว แต่มันจะมีความไม่คาดหวังอยู่บ้าง เช่น กูอีกแล้วเหรอ ฉันยังไหว ฉันเหนื่อย อันนี้ไม่ได้คาดหวังเลย ทำแค่เพราะรู้สึกเองจริงๆ แต่สุดท้ายมันไปกระทบความรู้สึกลูกค้าที่เป็นพนักงานด้วยเหมือนกัน”

อัคระ แบงค็อก

คำที่มาจากความรู้สึกคนทำงานจริงๆ มาเป็นลายบนแก้วเก็บความเย็นที่คนทำงานและคนทั่วไปใช้อยู่แล้ว ทำให้คำที่ไม่ได้คาดหวังมากมายนัก ทำยอดไปกว่า 2,000 ใบ ภายใน 1 เดือนเลยทีเดียว

อัคระ แบงค็อก

Believe you can
And You’re halfway there

เมื่อมีโปรดักต์จำนวนมากกว่า 15 รายการ บวกกับกลุ่มคำที่หลากหลาย ทั้งคำมงคลสำหรับผู้ใหญ่ วัยคนทำงาน คำสนุกก็จะเป็นวัยรุ่น คำที่คอลแล็บกับศิลปินอินฟลูเอนเซอร์ก็จะมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ นั่นทำให้อัคระมีทาร์เก็ตที่กว้างมาก

กลายเป็นว่าการออกสินค้าแต่ละครั้ง ปอมและทีมงานต้องปรึกษากันว่า คำนี้ออกมาเพื่อใคร เพื่ออะไร หรือบางทีไม่ต้องออกมาเพื่อใครเลย แค่เป็นแพสชั่นที่อยากออกก็มี เพราะเขารู้สึกว่าแฟชั่นมันเร็ว มาก่อนได้ก่อน ฉะนั้น การออกแบบกลางคืนสั่งผลิตตอนเช้า จึงเกิดขึ้นได้บ่อยมากในออฟฟิศนี้

อัคระ แบงค็อก

“โลกของแฟชั่นมันไม่ใช่การตามเทรนด์ มันเป็นการอยู่กับเทรนด์ให้ได้ อาจจะมีบางครั้งที่เราออกมาช้า เพราะบางโปรดักต์ต้องผ่านวิธีการผลิตที่นานเท่านั้นเอง”

อัคระ แบงค็อก

ระหว่างคุยกันเราก็ลอบมองกระบอกน้ำสีครีมลาย ฉันยังไหว ที่ปอมพกติดตัวมาด้วยเป็นระยะ พลางคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าอัคระมีคำที่เป็นภาษาอื่นบ้างนอกจากภาษาไทย

จนปอมเฉลยว่าเขาก็มีความคิดอยากเปิดไลน์ผลิตเป็นคำภาษาต่างประเทศเช่นกัน เพราะความต้องการของตลาดที่กว้างขึ้น สินค้าของเขาวางขายอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยว ยิ่งล่าสุดปอมแง้มๆ ว่า อัคระกำลังจะได้ไปวางขายที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยลายทั้งหมดที่ยังเป็นภาษาไทย ไม่ได้มีการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นเลย น่าสนใจที่แม้ต่างภาษา แต่จุดร่วมของอารมณ์ความรู้สึกที่ถ่ายทอดลงบนโปรดักต์ของ อัคระ แบงค็อกนั้นเชื่อมถึงทุกคน

ไม่ต้องยืนในที่ที่ดีที่สุด
จงยืนในที่ที่เรามีความสุขก็พอ

“เราทำด้วยความรู้สึกว่าแบรนด์เรายังเป็นความสุขของเราอยู่ ดูจากไอจีได้เลย อาจจะมีงานลูกค้าบ้าง แต่มันจะมีสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยากฮาร์ดเซลล์เกินไปด้วย เราอยากมีงานศิลปะที่เป็นแกลเลอรีอยู่ในไอจี”

หากได้ลองเข้าไปเลื่อนอินสตาแกรมของแบรนด์ ก็เป็นอย่างที่ปอมพูดจริงๆ ที่เราจะเจอทั้งช่องทางการขายสินค้า และม็อกอัพสินค้าที่ปอมได้ไอเดียจากสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อกที่เขาเจอระหว่างอยู่บนท้องถนน ป้ายที่แปะตามเสาไฟฟ้า เหล่านั้นถูกปอมเก็บเอามาไว้ต่อยอด และออกแบบเล่นๆ จนบางครั้งมีคนมาขอซื้อ แต่ก็ต้องปฎิเสธไป เพราะไม่ได้ผลิตออกมาจริงๆ

“เราอยากให้ยูสเซอร์ของเรากดเข้ามาในไอจีแล้วได้แรงบันดาลใจไป เอาสิ่งที่แบรนด์นี้ทำออกมาเล่นๆ ไปเป็นไอเดียในงานของเขาต่อได้ อาจจะไม่ต้องซื้อก็ได้ แค่มานั่งดู แต่ก็ยังกดติดตามเราอยู่ก็พอ”

อัคระ แบงค็อก

สติ

นั่งคุยกันจนเวลาล่วงเลย ปอมสรุปรวมเหตุการณ์ต่างๆ ที่มาผ่าน ทั้งการข้ามผ่านการเปลี่ยนงาน ทั้งการฝ่าวิกฤตธุรกิจช่วงโรคระบาด จนในอนาคตเจ้าตัวก็ยังไม่รู้จะเจออะไรอีก แต่ยังไม่ทันขาดคำ เขาก็นึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ไฟไหม้โกดังเย็บผ้าของแบรนด์เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา

“หลังจากได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุไฟไหม้ ผมมาจากคอนโดที่พักอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึก ใส่แว่นอันนึง เดินออกมาดูแบบงงๆ มันไม่มีคำถาม ไม่มีคำตอบ ไม่มีภาพในหัว เพราะคงไม่มีใครคิดว่าเดี๋ยวปีหนึ่งจะต้องเจอไฟไหม้ในชีวิต มีแต่คำว่า สติ แค่สติอย่างเดียวที่ต้องกำมันไว้ให้ได้ ถ้าเราไม่มีสติ เดินมาแล้วเราน้ำตาไหล แล้วลูกน้องเราที่ยืนมองอยู่จะเป็นยังไง ในเมื่อพี่มัน เจ้านายมันยังไปต่อไม่ได้เลย สติตอนนั้นทำให้เดินตบไหล่ทุกคน ถามว่าเป็นอะไรไหม โดนอะไรไหม โอเคหรือเปล่า ถ้าโอเคงั้นไปต่อกัน ก็ไปต่อเลย”

ปอมเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า ภาพที่เห็นเป็นภาพตึกที่ถูกฉีดน้ำอัดเข้าไปในทุกตารางนิ้ว มีเพียงจักร 4 ตัวที่ทีมงานดึงออกมาได้ ซึ่งก็ต้องถูกฉีดน้ำซ้ำเพื่อกันไม่ให้ไฟลามในภายหลัง หลังจากผ่านช่วงเช้าไปได้ไฟจึงสงบ ปอมก็พาทีมงานประชุมวางแผนต่อทันที โดยจะย้ายทุกอย่างมาที่ตึกหลัก ของกว่า 90% ต้องทิ้งไปจากทั้งที่ถูกไฟไหม้และถูกฉีดน้ำใส่

“มันทำได้แค่เราต้องเข้มแข็งมากกว่าคนอื่น เพราะว่าเราต้องพาทุกคนไปต่อ”

อัคระ แบงค็อก

หลังจากผ่านเหตุการณ์ไฟไหม้มาได้ จึงเกิดเป็น อัคระ แวร์เฮาส์ ตึกใหม่ที่รีโนเวตได้เดือนกว่าๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา

แม้จะรับรู้ได้ว่าปอมเล่าเหตุการณ์ยากๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เพราะผ่านทุกอย่างมาได้แล้ว แต่เราก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ด้วยการขอให้ปอมในฐานะเจ้าของแบรนด์ที่ผ่านอะไรมาเยอะ ให้กำลังใจคนทำธุรกิจเสียหน่อยก่อนจบ

อัคระ แบงค็อก

“เรารู้สึกว่าธุรกิจมันยาก การแข่งขันมันสูง โซเชียลมีเดียเร็วมาก 1 วินาที คนเลื่อนผ่านแล้วผ่านเลย เห็นคือเห็น ไม่เห็นก็ไม่เห็น มันไม่ได้สู้กับแค่ตัวเรา กำลังใจ คนรอบข้าง ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ เราเลยอยากให้คนทำธุรกิจสู้ๆ จริงๆ เลย และที่สำคัญคือต้องมี สติ”

อัคระ แบงค็อก

อ่านมาถึงส่วนท้ายของบทความแล้วยังไม่เห็นภาพของปอมก็อย่าสงสัยไป เพราะปัจจุบันปอมขอหลบอยู่เป็นเบื้องหลังอย่างเต็มตัว ปล่อยให้ทุกคนได้รู้จัก อัคระ แบงค็อก ในฐานะแบรนด์ๆ นึงให้มากขึ้นเท่านั้นเอง

“ปัจจุบันเรายังรู้สึกว่าเราเป็นแค่แบรนด์เล็กๆ คนเข้ามาเห็นสินค้าแบบนี้ ฟอนต์แบบนี้ แต่เขาก็ยังจำไม่ได้ว่านี่คือของของแบรนด์เรา เราเลยตั้งใจทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดจากแพสชั่นของเรา ในอนาคตคงอยากให้ทุกคนรู้จักแบรนด์ อัคระ แบงค็อก เพิ่มมากขึ้น แค่นั้นเลยครับ”

ใครจะที่สนใจสินค้าของ อัคระ แบงค็อก สามารถเข้าไปติดตามได้ที่ Instagram : akkara.bangkok
สินค้ามีวางจำหน่าย ดังนี้
• ร้าน Rancharm Store สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 4 และเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 4
• ร้าน Frank garcon สาขา สยาม และ สาขา เมกกาบางนา

Tags: