หากใครเป็นนักอ่านงานเขียนสายปรัชญาจะทราบว่า จอห์น เกรย์ คือนักปรัชญาคนดังที่มีชั้นเชิงในการนำเสนอแนวคิดเชิงปรัชญาให้เข้าใจง่าย อย่างเล่มนี้ก็นำปรัชญามาเล่าเปรียบเทียบกับวิถีชีวิตและมุมมองของแมว ทำให้เราเข้าถึงและเข้าใจได้มากขึ้น
แต่ถ้าใครไม่สันทัดงานเขียนแนวนี้ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะในเล่มไม่ได้พูดถึงนักคิด หรือแนวคิดทางปรัชญาอย่างเดียว ยังมีการอ้างอิงถึงวรรณกรรม สังคม วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับแมวอีกหลายเรื่อง จึงดูเหมือนเป็นนิยายซ้อนหนังสือปรัชญา
ที่สำคัญผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจให้คำตอบกับแนวคิดที่เสนอไว้ในเล่ม แต่เหมือนเป็นการชวนให้ผู้อ่านได้ลองขบคิดมากกว่า นี่จึงเป็นความสนุกจากการอ่านเรื่องนี้ในความรู้สึกของเรา เพราะได้ท้าทายตัวเองให้คิดตาม แล้วตั้งคำถามกับเรื่องที่อ่านว่า เราคิดเหมือนหรือต่าง หรือกำลังเป็นอย่างที่ผู้เขียนบอกหรือเปล่า โดยรวมแล้วเป็นหนังสือปรัชญาที่อ่านเพลินเกินคาดมาก
อ่านแล้วอาจนึกอิจฉาชีวิต ‘นายท่าน’ ที่บ้านมากขึ้นก็ได้นะ
พลิกหนังสือ
เป็นอีกครั้งที่เราเจอชื่อและปกหนังสือตกเข้าอย่างจัง
หากใครเป็นนักอ่านงานเขียนสายปรัชญาจะทราบว่า จอห์น เกรย์ คือนักปรัชญาคนดังที่มีชั้นเชิงในการนำเสนอแนวคิดเชิงปรัชญาให้เข้าใจง่าย อย่างเล่มนี้ก็นำปรัชญามาเล่าเปรียบเทียบกับวิถีชีวิตและมุมมองของแมว ทำให้เราเข้าถึงและเข้าใจได้มากขึ้น
แต่ถ้าใครไม่สันทัดงานเขียนแนวนี้ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะในเล่มไม่ได้พูดถึงนักคิด หรือแนวคิดทางปรัชญาอย่างเดียว ยังมีการอ้างอิงถึงวรรณกรรม สังคม วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับแมวอีกหลายเรื่อง จึงดูเหมือนเป็นนิยายซ้อนหนังสือปรัชญา
ที่สำคัญผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจให้คำตอบกับแนวคิดที่เสนอไว้ในเล่ม แต่เหมือนเป็นการชวนให้ผู้อ่านได้ลองขบคิดมากกว่า นี่จึงเป็นความสนุกจากการอ่านเรื่องนี้ในความรู้สึกของเรา เพราะได้ท้าทายตัวเองให้คิดตาม แล้วตั้งคำถามกับเรื่องที่อ่านว่า เราคิดเหมือนหรือต่าง หรือกำลังเป็นอย่างที่ผู้เขียนบอกหรือเปล่า โดยรวมแล้วเป็นหนังสือปรัชญาที่อ่านเพลินเกินคาดมาก
อ่านแล้วอาจนึกอิจฉาชีวิต ‘นายท่าน’ ที่บ้านมากขึ้นก็ได้นะ