ทว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีการนำมาแปลเป็นภาษาไทย โดยคุณปิยะภา ริ้วพิทักษ์ นักแปลที่มีรางวัลสุรินทราชา ประจำปี พ.ศ.2562 จากสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย การันตีความสามารถ จึงเป็นโอกาสดีที่นักอ่านไทยจะได้เข้าถึงวรรณกรรมคุณภาพของนักเขียนชาวนอร์เวย์ที่ชื่อ คนุต ฮัมซุน
ในบทนำของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงนักเขียนผู้ล่วงลับท่านนี้ไว้ว่า “กลวิธีการประพันธ์ที่ท้าทายอารมณ์ผู้อ่านอยู่เสมอเกือบจะทุกตัวอักษร นำเสนออารมณ์ที่น่าฉงนฉงาย ทำให้คนอ่านตั้งคำถามไปด้วยกันกับตัวละคร ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ...เปิดทางให้ผู้อ่านอย่างเราๆ มองกันได้หลากหลายมุม การตีความที่เป็นอิสระของผู้อ่านคือความสนุก”
เพียงเท่านี้ก็เชิญชวนให้อยากสัมผัสวรรณกรรมอมตะแนวสัจนิยม ที่เป็นเสมือนจดหมายรักจากคนุตถึงประเทศของเขา ฉากหลังในเรื่องจึงเป็นภูมิประเทศอันงดงามด้วยเทือกเขา พงไพร และธารน้ำแข็งอันเวิ้งว้างสุดตาทางตอนเหนือของยุโรป
แม้จะเป็นฉากที่เคยเป็นจริงเมื่อร้อยปีล่วงมาแล้ว แต่การได้จินตนาการตามไปก็พาเราย้อนเวลากลับไปได้เช่นกัน
พลิกหนังสือ
วรรณกรรมเรื่องนี้ได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ.1920 หรือเมื่อศตวรรษที่แล้ว
ทว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีการนำมาแปลเป็นภาษาไทย โดยคุณปิยะภา ริ้วพิทักษ์ นักแปลที่มีรางวัลสุรินทราชา ประจำปี พ.ศ.2562 จากสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย การันตีความสามารถ จึงเป็นโอกาสดีที่นักอ่านไทยจะได้เข้าถึงวรรณกรรมคุณภาพของนักเขียนชาวนอร์เวย์ที่ชื่อ คนุต ฮัมซุน
ในบทนำของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงนักเขียนผู้ล่วงลับท่านนี้ไว้ว่า “กลวิธีการประพันธ์ที่ท้าทายอารมณ์ผู้อ่านอยู่เสมอเกือบจะทุกตัวอักษร นำเสนออารมณ์ที่น่าฉงนฉงาย ทำให้คนอ่านตั้งคำถามไปด้วยกันกับตัวละคร ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ...เปิดทางให้ผู้อ่านอย่างเราๆ มองกันได้หลากหลายมุม การตีความที่เป็นอิสระของผู้อ่านคือความสนุก”
เพียงเท่านี้ก็เชิญชวนให้อยากสัมผัสวรรณกรรมอมตะแนวสัจนิยม ที่เป็นเสมือนจดหมายรักจากคนุตถึงประเทศของเขา ฉากหลังในเรื่องจึงเป็นภูมิประเทศอันงดงามด้วยเทือกเขา พงไพร และธารน้ำแข็งอันเวิ้งว้างสุดตาทางตอนเหนือของยุโรป
แม้จะเป็นฉากที่เคยเป็นจริงเมื่อร้อยปีล่วงมาแล้ว แต่การได้จินตนาการตามไปก็พาเราย้อนเวลากลับไปได้เช่นกัน