อย่างน้อยการเข้ารอบการประกวดหนังสือสองรายการ และการได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อีกหลายภาษา แล้วได้ไปอยู่ในร้านหนังสืออีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ก็น่าจะบอกเราเป็นนัยๆ ได้ถึงความ ‘ไม่ธรรมดา’ ของหนังสือเล่มนี้
นี่คือการประเดิมเขียนนวนิยายเรื่องแรกของผู้เขียน ซึ่งเธอตั้งใจเขียนสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีกับชีวิต ในห้วงเวลาที่ตัวเองกำลังจะสูญเสียบิดาไป โดยเรียงร้อยสิ่งที่พบเจอระหว่างทางในชีวิตจริงใส่ลงไปในตัวละครสำคัญของเรื่อง คือ ฮาโรลด์ ฟราย ชายสูงวัยผู้ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างเนิบช้าและแสนธรรมดาอยู่กับภรรยา ก่อนที่ผู้เขียนจะให้ ‘จดหมายบอกลาตาย’ ของอดีตเพื่อนร่วมงานที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายของฮาโรลด์ เป็นเหมือนเสียงปืนที่ปล่อยนักวิ่งออกจากจุดสตาร์ท เพื่อให้เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องได้ดำเนินไปนับจากนั้น
ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นหลังได้รับจดหมายฉบับนั้น เหตุการณ์ในเรื่องจะทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้มากน้อยเพียงใด หรือจะให้แง่คิดมุมมองอะไรกลับมาบ้างหรือไม่
อยากให้ได้ลองอ่าน แล้วค้นหาคำตอบนั้นด้วยตัวคุณเอง
พลิกหนังสือ
อย่าเพิ่งขวัญผวาไปกับคำว่า “ความตาย” จนปล่อยเรื่องนี้ผ่านสายตาไป เพราะกว่าจะมาเป็นหนังสือเล่มนี้นั้น ผู้เขียนใช้ศรัทธาในชีวิตอย่างแรงกล้าจนสุดตัว
อย่างน้อยการเข้ารอบการประกวดหนังสือสองรายการ และการได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อีกหลายภาษา แล้วได้ไปอยู่ในร้านหนังสืออีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ก็น่าจะบอกเราเป็นนัยๆ ได้ถึงความ ‘ไม่ธรรมดา’ ของหนังสือเล่มนี้
นี่คือการประเดิมเขียนนวนิยายเรื่องแรกของผู้เขียน ซึ่งเธอตั้งใจเขียนสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีกับชีวิต ในห้วงเวลาที่ตัวเองกำลังจะสูญเสียบิดาไป โดยเรียงร้อยสิ่งที่พบเจอระหว่างทางในชีวิตจริงใส่ลงไปในตัวละครสำคัญของเรื่อง คือ ฮาโรลด์ ฟราย ชายสูงวัยผู้ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างเนิบช้าและแสนธรรมดาอยู่กับภรรยา ก่อนที่ผู้เขียนจะให้ ‘จดหมายบอกลาตาย’ ของอดีตเพื่อนร่วมงานที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายของฮาโรลด์ เป็นเหมือนเสียงปืนที่ปล่อยนักวิ่งออกจากจุดสตาร์ท เพื่อให้เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องได้ดำเนินไปนับจากนั้น
ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นหลังได้รับจดหมายฉบับนั้น เหตุการณ์ในเรื่องจะทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้มากน้อยเพียงใด หรือจะให้แง่คิดมุมมองอะไรกลับมาบ้างหรือไม่
อยากให้ได้ลองอ่าน แล้วค้นหาคำตอบนั้นด้วยตัวคุณเอง