เพราะนี่ไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนธรรมดา แต่มีความคลาสสิกระดับโลก เพราะเขียนมาตั้งแต่เมื่อกว่าศตวรรษที่ผ่านมา!!! ถ้าไม่เจ๋งจริงคงไม่ครองใจนักอ่านรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้หรอก...จริงไหม เป็นเรื่องน่ายินดีที่ภาษาไทยเราก็เป็น 1 ในอีกกว่า 50 ภาษาที่แปลเรื่องนี้ให้คนไทยได้สัมผัสวรรณกรรมชิ้นเยี่ยม
เนื้อเรื่องเป็นการผจญภัยของหนูน้อยโดโรทีกับเจ้าโตโต้ สุนัขของเธอ ทั้งคู่ติดอยู่ในบ้านที่ถูกพายุไซโคลนพัดหอบจากทุ่งหญ้าสีเทาหม่นแสนแห้งแล้งไปยังดินแดนมหัศจรรย์แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยงาม ทำให้ได้พบกับสหายใหม่อย่างหุ่นไล่กาไร้สมอง ชายตัดไม้ดีบุกไร้หัวใจ และเจ้าสิงโตขี้ขลาด จากนั้นก็มีเหตุให้พากันออกเดินทางเพื่อไปตามหาพ่อมดออซ ผู้มีเวทมนตร์บันดาลให้สมปรารถนาในสิ่งที่หวังได้
อาจดูเหมือนนิทานก่อนนอนในวัยเยาว์ แต่รู้หรือไม่ว่า การอ่านหนังสือที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยพัฒนาสมองได้นะ และหากได้ลองขบคิดดูก็จะพบแง่คิดมุมมองชีวิตที่ผู้เขียนฝากไว้ในเหตุการณ์ต่างๆ ระหว่างการเดินทางแสนยาวไกลนั้น
พลิกหนังสือ
คุณอาจเคยรู้จัก ‘พ่อมดแห่งออซ’ ในเวอร์ชั่นหนัง การ์ตูน หรือแอนิเมชั่น แต่ก็อยากให้ได้อ่านดูบ้างว่าอรรถรสความสนุกเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
เพราะนี่ไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนธรรมดา แต่มีความคลาสสิกระดับโลก เพราะเขียนมาตั้งแต่เมื่อกว่าศตวรรษที่ผ่านมา!!! ถ้าไม่เจ๋งจริงคงไม่ครองใจนักอ่านรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้หรอก...จริงไหม เป็นเรื่องน่ายินดีที่ภาษาไทยเราก็เป็น 1 ในอีกกว่า 50 ภาษาที่แปลเรื่องนี้ให้คนไทยได้สัมผัสวรรณกรรมชิ้นเยี่ยม
เนื้อเรื่องเป็นการผจญภัยของหนูน้อยโดโรทีกับเจ้าโตโต้ สุนัขของเธอ ทั้งคู่ติดอยู่ในบ้านที่ถูกพายุไซโคลนพัดหอบจากทุ่งหญ้าสีเทาหม่นแสนแห้งแล้งไปยังดินแดนมหัศจรรย์แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยงาม ทำให้ได้พบกับสหายใหม่อย่างหุ่นไล่กาไร้สมอง ชายตัดไม้ดีบุกไร้หัวใจ และเจ้าสิงโตขี้ขลาด จากนั้นก็มีเหตุให้พากันออกเดินทางเพื่อไปตามหาพ่อมดออซ ผู้มีเวทมนตร์บันดาลให้สมปรารถนาในสิ่งที่หวังได้
อาจดูเหมือนนิทานก่อนนอนในวัยเยาว์ แต่รู้หรือไม่ว่า การอ่านหนังสือที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยพัฒนาสมองได้นะ และหากได้ลองขบคิดดูก็จะพบแง่คิดมุมมองชีวิตที่ผู้เขียนฝากไว้ในเหตุการณ์ต่างๆ ระหว่างการเดินทางแสนยาวไกลนั้น