KRAM Phuket
KRAM จากเรือตกปลาธรรมดาสู่เรือหรูวินเทจนำเที่ยวลำแรกและลำเดียวของภูเก็ต
- นิกรมารีน ทัวร์ ภูเก็ต บริษัทนำเที่ยวทางทะเลที่ให้บริการมานานกว่า 30 ปี มีเรือของตัวเองมากกว่า 100 ลำ ถือโอกาสช่วงวิกฤตโควิด รีโนเวทเรือตกปลาเป็นเรือวินเทจเพิ่มความสะดวกสบายอย่างมีสไตล์แต่ยังคงเอกลักษณ์เดิมภายใต้ชื่อ KRAM
- มองผ่านๆ อาจเหมือนเรือหางยาวหรูที่กำลังได้รับความนิยม แต่โบ๊ท – เอ๋ย สองผู้บริหารยืนยัน KRAM คือความเหมือนที่แตกต่าง ด้วยโครงสร้างขนาดใหญ่กว่า โล่ง โปร่งสบาย ที่สำคัญพ่วงกิจกรรมทางน้ำได้หลากหลาย และยังโดดเด่นกับกิจกรรมตกปลาเหมือนเดิม
- ต้นเดือนธ.ค.เตรียมเปิดตัวเรือตกปลาสไตล์มินิมอลอีกลำชื่อ SANDDAY มีห้องนอน แอร์ จากุซซี รองรับกลุ่มไพรเวทหรือคู่รัก พร้อมโปรเจ็กต์ใหญ่ในปีหน้ากับเรือใบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
'เรือวินเทจสุดชิลลำแรกและลำเดียวในภูเก็ต'
คำโปรโมท 'KRAM' เรือไม้น้องใหม่ของนิกรมารีน ทัวร์ ภูเก็ต บริษัทนำเที่ยวทางทะเลอันดับต้นๆ ของภูเก็ตที่ให้บริการมานานกว่า 30 ปี มีเรือมากกว่า 100 ลำ หลายคนฟังแล้วอาจเอ๊ะในใจ เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมากระแสเรือหางยาวหรูได้รับความนิยมอย่างมากจนกลายเป็นกลยุทธ์ในการปรับตัวสู้วิกฤตโควิดของผู้ประกอบการหลายราย แต่ โบ๊ท-ภีร์รปัฒณ์ และเอ๋ย-กมลรวี ปภากิจยศพัฒน์ สองผู้บริหารบริษัทฯ ยืนยันเรือครามคือความเหมือนที่แตกต่าง
วิกฤตเนรมิต KRAM
2 ปีที่แล้วคงไม่มีใครปฏิเสธว่าโควิดส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างหนักหน่วง รวมถึงนิกรมารีน เมื่อเรือหลายประเภททั้งสปีดโบ๊ท เรือตกปลา เรือใบคาตามารัน พาวเวอร์คาตามารัน เรือปาร์ตี้ นับร้อยลำต้องจอดแน่นิ่ง
แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นโอกาสให้พวกเขาได้ปรับปรุง ซ่อมแซมครั้งใหญ่ มีเวลาคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน
โบ๊ท Chief Marketing Officer (CTO) และทายาทผู้ก่อตั้งนิกรมารีนฯ เล่าว่าก่อนโควิดเรือต้องออกวิ่งตลอดเกือบทุกลำ แทบไม่มีเวลาว่างเลย เมื่อเกิดโรคระบาดจึงเป็นจังหวะดีในการนำเรือมารีโนเวทใหญ่ บวกกับกระแสวินเทจกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เป็นที่มาของไอเดียนำเรือตกปลาที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงเป็นเรือไม้วินเทจ เพิ่มความสวยงาม ใส่ความสะดวกเพิ่มสบายมากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เรือตกปลาที่ทุกคนในครอบครัวไปด้วยกันได้’
“เราฉีกออกมาจากเรือตกปลาแบบเดิม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น อย่างเช่นบางคนมากับครอบครัว ผู้ชายชอบตกปลา แต่ผู้หญิงและลูกๆ ไม่ชอบก็ยังมีมุมผ่อนคลาย มีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำด้วย โดยกิจกรรมตกปลาก็ยังมีเหมือนเดิม หรือหากใครอยากไปชิล ดื่มด่ำกับบรรยากาศ สนุกกับกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตกปลา ก็เลือกใช้บริการได้เช่นกัน” โบ๊ท บอกถึงแนวคิดในการรีโนเวทเรือ
ในที่สุดออกมาเป็นเรือ KRAM ชื่อนี้ได้ไอเดียมาจากจานลายครามเพื่อสื่อถึงความเป็นไทยและเป็นองค์ประกอบหนึ่งของบริการบนเรือ
เรือตกปลา ≠ เรือหางยาว
“หลายคนเข้าใจว่าเป็นเรือหางยาวเหมือนกับลำอื่นๆ” เอ๋ย ซึ่งนั่งตำแหน่ง Chief Technology Officer (CTO) บอกถึงปัญหาที่เจอเมื่อคนเห็นจากภาพ
แต่จริงๆ แล้วครามคือเรือไม้ขนาดกลางที่ดัดแปลงมาจากเรือตกปลาและเพิ่มความสะดวกสบาย รองรับไลฟ์สไตล์หลากหลายเข้าไป โดยจุดเด่นคือโครงสร้างที่ใหญ่กว่า มีสองชั้น จุได้ถึง 20 คน ให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย สามารถเดินได้ตลอดลำหรือขึ้นไปรับลมชมวิวโดยรอบบนดาดฟ้า ขณะที่เรือหางยาวหรูที่เห็นกันจะเป็นลำเล็กๆ จุนักท่องเที่ยวได้น้อยกว่า และเพดานเตี้ยกว่า
“เราได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเรือใบที่มีห้องรับแขก และเปิดโล่งเพื่อรับอากาศในโปรแกรมวันเดย์ทริป จากรูปแบบเรือตกปลาเดิมจะมีกระจกด้านข้าง ก็ปรับเป็นแนวเอาต์ดอร์หน้าต่างโล่ง ตกแต่งให้ดูดีมีสไตล์ แต่ยังคงเอกลักษณ์แบบเดิมๆ ที่สะท้อนความเป็นไทยและท้องถิ่น” โบ๊ทช่วยเสริม
ทั้งคู่บอกว่าหากมาเห็นตัวเรือจริงจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยขนาดและโครงสร้างนี้ยังตอบโจทย์การทำกิจกรรมได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตกปลา ดำน้ำดูปะการัง ปาร์ตี้บาร์บีคิว เล่นสไลเดอร์ พายเรือยาง หรือหากต้องการเจ็ตสกีพ่วงไปด้วยก็ได้ ที่สำคัญยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปลงโซเชียลและดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติได้ในเวลาเดียวกัน บนเรือจะมีพนักงานอย่างน้อย 3 คนคอยดูแลให้บริการ
ยืดหยุ่นรับท่องเที่ยวฟื้น
ปัจจุบันเรือครามเปิดให้บริการแบบเช่าเหมาลำ 3 เส้นทางหลัก คือ 1.เกาะเฮ 2.เกาะเฮ+ชมพระอาทิตย์ตกแหลมพรหมเทพ และ 3.เกาะราชา แต่หากลูกค้าอยากไปเส้นทางอื่น เช่น เกาะพีพี เกาะไม้ท่อน อ่าวพังงา สามารถยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ ส่วนราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลา เส้นทางและกิจกรรม
“เปิดบริการมาแล้ว 1 ปีโดยยังไม่ได้ทำโฆษณาเลย ถือว่ามีการตอบรับดีทีเดียว ทั้งจากลูกค้าที่สนใจติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ และโรงแรมที่อยากให้เรือของเราไปวิ่งด้วย และพร้อมส่งลูกค้ามาให้ ยิ่งช่วงวันหยุดยาวจะเต็มตลอด หรือกรณีเรือใบของเราเต็มแล้วได้เสนอเรือครามไปแทน ลูกค้าเห็นรูปก็ชอบและตอบรับทันที”
นอกจากความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ในอนาคตอันใกล้พวกเขาวางแผนจะนำเสนอความเป็นไทยเพิ่มขึ้น ผ่านวัฒนธรรมด้านอาหาร-ขนมไทย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการ รวมทั้งอาจมีโปรแกรมจอยทริปให้ลูกค้าไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ
เรือตกปลามินิมอล…เอาใจคู่รัก
เหตุผลที่พวกเขายังไม่ควักกระเป๋าเพื่อโปรโมท นอกจากการตลาดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และเฟสบุ๊คของตัวเอง นั่นเพราะมีโปรเจ็กต์อีก 1 ลำ ซึ่งใกล้จะเสร็จเต็มทีและตั้งใจเปิดตัวอย่างเป็นทางพร้อมกันกับ KRAM
“ลำนี้จะชื่อว่า SANDDAY เป็นเรือตกปลาเหมือนกัน แต่จะร่วมสมัยในสไตล์มินิมอล มีห้องนอน แอร์ จากกุซซี สามารถนอนค้างคืนได้ กลางคืนฉายโปรเจ็กเตอร์ดูหนังได้ เพื่อรองรับตลาดที่กว้างขึ้น เหมาะกับลูกค้าแบบไพรเวทหรือคู่รัก วางแผนจะเปิดตัวประมาณต้นเดือนหน้า” โบ๊ทและเอ๋ย เล่าให้ฟัง
จากวิกฤตโควิดที่ต้องหันมาเจาะตลาดคนไทยมากขึ้น ยังทำให้พวกเขามองเห็นโอกาสและต่อเรือใบเพิ่มอีก หลังได้รับความนิยมจากคนไทยไม่น้อย จนหลายครั้งเรือใบที่มีอยู่ 10 ลำไม่เพียงพอจนต้องเรียกใช้บริการพันธมิตร
“ปีหน้าเราจะมีเรือใบอีกลำ น่าจะเป็นลำใหญ่ที่สุดในไทย จุได้มากกว่า 100 คน มีห้องนอน ห้องประชุม รองรับกลุ่มสัมมนาหรือกลุ่มไมซ์”
ฟังแล้วถือเป็นทิศทางการฟื้นตัวที่น่ายินดี สอดคล้องกับรายงานจาก Grand View Research ที่ระบุมูลค่าตลาดเรือเพื่อการพักผ่อนในปีนี้อยู่ที่ 44.28 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะขยายตัวในอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 4.73% จากปี 2565-2573 โดยหนึ่งในปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นคือการพัฒนารูปแบบเรือให้ทันสมัยเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าโดยเฉพาะในกลุ่ม Gen-Z
นับเป็นการตอกย้ำว่า ในวิกฤตยังมีโอกาสเสมอ ตราบใดที่เราไม่หยุดพัฒนา
ขอบคุณภาพจาก Nikorn Marine Tour Phuket
ที่อยู่ : 71/23 ม.4 ถ.วิเศษ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83130
เปิด-ปิด : 08:00 – 17:00 น. ทุกวัน
โทร : 076 384 211 – 2 , 076 383 951 – 2
สายด่วน : 06 1449 2265, 08 1787 1219
FB : Nikorn Marine Tour Phuket