About
BALANCE

Reflex & Flourish

เพราะไพ่ทุกใบมีคำตอบ ลองเรียนรู้ Self-coaching ผ่านไพ่ทาโรต์กับ Reflex & Flourish

เรื่อง Nid Peacock ภาพ ฉัตรชัย มาตยภูธร Date 10-12-2023 | View 3108
Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • ศาสตร์การพัฒนาตัวเองด้วยการสำรวจชีวิตในแต่ละด้าน ผ่านการตั้งคำถามและตีความรูปภาพบนไพ่ทาโรต์ ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือเชื่อมโยงเราเข้ากับความรู้สึกนึกคิดที่ซ่อนอยู่ในใจ แล้วสะท้อนออกมาด้วยการอ่านไพ่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการ Self-coaching ต่อไป

บางครั้งก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ชีวิตช่างสู้กลับใส่เราผู้เป็นเจ้าของได้อย่างแล้งน้ำใจสุดๆ ถ้าช่วงไหนเครียด วิตกกังวล จิตตก อกหัก หมดไฟ สับสนหาทางออกไม่เจอแล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าปัญหาต่างๆ จะยิ่งดาหน้าถาโถมกันเข้ามา

นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาต้องแตะเบรกให้ชีวิต แล้วกลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดโอกาสให้ได้หยุดฟังเสียงเพรียกของตัวเอง เพื่อโฟกัสกับสิ่งสำคัญที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง แล้วค้นหาวิธีที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น

กระบวนการเหล่านี้แหละที่เรียกว่า Self-coaching

ONCE พามารู้จักกับกระบวนกรสาวคนเก่ง โค้ช ดร.มะปราง - ดร.ชมพูนุท ผ่องจิตร์ ACC Coach Certified Coach Napoleon-Hill และนักอ่านไพ่ทาโรต์ด้วยใจเพื่อการพัฒนาตัวเอง เจ้าของและผู้ก่อตั้งแบรนด์ Reflex & Flourish และเป็นผู้ออกแบบเวิร์กช้อปซีรีส์ Self-coaching ที่จะพาเราท่องไปในจักรวาลใจและสัมผัสพลังอันน่าทึ่งของไพ่ทาโรต์ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดูดวงอีกต่อไป

โค้ช ดร.มะปราง

โค้ช ดร.มะปราง – ดร.ชมพูนุท ผ่องจิตร์

Hello Myself !

มะปรางสนใจด้านการตลาดมาตั้งแต่เด็กและเป็นแพสชั่นนำทางให้ได้เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล แม้จะได้ทำในสิ่งที่รัก ทว่า ระยะเวลา 23 ปีของการเป็นอาจารย์ก็ยาวนานพอที่จะทำให้เธอรู้สึกอิ่มตัวกับสายงานนี้ และเริ่มนึกอยากออกไปสำรวจโลกในมุมอื่นดูบ้าง

“การตลาดจะสอนให้เด็ก Positive เลยอยากรู้ว่าเราจะพูดอย่างอื่นนอกจากการตลาดที่ทำให้ตัวเองและคนอื่นดีขึ้นได้ไหม เลยไปปรึกษาศิษย์เก่าหลายคนที่สนิทกัน ถามเขาว่ามีอะไรจะแนะนำอาจารย์ไหม (ยิ้ม) ก็มีบอกว่าน่าจะไปสายโค้ชชิ่ง เพราะเป็นคนรับฟัง และมักมีคำถามที่ทำให้คนฟังนำไปคิดต่อหรือต่อยอดได้”

ประตูบานแรกของการเดินทางสู่โลกโค้ชชิ่งได้เปิดต้อนรับเธอแล้ว

มะปรางเรียนการโค้ชชิ่งขั้นพื้นฐานที่สถาบันจากอเมริกาชื่อนโปเลียนฮิลล์ (Coach-Napoleon Hill Institute) เธอเล่าถึงการค้นพบทางเดินใหม่นี้ให้ฟังว่า

“เรียนวันแรกก็น้ำตาหยดเปาะแปะเลย มัน Powerful มาก ทั้งที่เป็นคำถามเบสิกมากว่า ความสุขคืออะไร เราต้องการอะไรจากชีวิต แล้วให้เขียนตาม Prompt ที่ให้มา เขียนไปเขียนมา น้ำตาไหล มันคือความตื้นตันใจ ไม่ใช่เสียใจหรือทนทุกข์กับอะไร รู้สึกดีใจจังเลยที่ได้มาเจอตรงนี้ เจอสิ่งที่ใช่ นั่นก็คือตัวเราเอง ‘Hello Myself สวัสดีนะ…มะปราง’ 3 วันแรกที่เรียน อินมากกก เหมือนเป็นพลังแห่งการรับฟังและตั้งคำถาม มะปรางรู้สึกว่าเราเชื่อมั่นในกระบวนการนี้ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังมากนะ”

โค้ช ดร.มะปราง

จาก Point of You สู่ไพ่ทาโรต์

การโค้ชชิ่งมีหลายรูปแบบ มะปรางเลือกเรียนโค้ชชิ่งการ์ด Point of You จากอิสราเอล เป็นเครื่องมือที่ใช้พัฒนาความคิด กระตุ้นการทำงานของสมองสองซีก และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้ค้นพบตัวเอง รวมทั้งช่วยหาคำตอบให้กับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีการแปลการ์ดในอีกหลายๆ ภาษา

“มะปรางรู้สึก Powerful อีกแล้ว เพราะภาพถ่ายบนการ์ดพาเราไปได้ลึกกว่าการนั่งคุยถามตอบกันไปมา เรียน Session แรกก็น้ำตาซึม ร้องไห้เลย ดีใจที่ได้เจอตัวเองในอีกแบบหนึ่ง และค้นพบว่าเราอยากนิ่งสงบ อยากรู้สึกอบอุ่น และอยากอิ่มเอมใจ”

เธอย้อนนึกถึงความรู้สึกในวันนั้นด้วยใบหน้าและแววตาที่เปล่งประกายความสุขที่เก็บไม่มิด “แม้เป็นรูปเดียวกัน แต่ทุกคนตีความไม่เหมือนกันเลย นั่นทำให้มะปรางรู้เลยว่า ‘อ๋อ นี่คงเป็นความรู้สึกของเราจริงๆ สินะ’ แสดงว่ารูปภาพนั้นดึงอะไรบางอย่างในตัวเราออกมา ณ โมเมนต์นั้นเลย”

โค้ช ดร.มะปราง

เครดิตภาพ: Reflex & Flourish

แค่การดูรูปบนการ์ดจะบอกอะไรได้ขนาดนั้นเชียวหรือ?

มะปรางอธิบายเพิ่มเติมว่า ความคิดที่แวบขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพนั้น จะสะท้อนถึงสิ่งที่อาจแอบอยู่ในซอกหลืบของความรู้สึกนึกคิดของเรา และเมื่อได้พูดหรือเขียนออกมา จะเป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างรูปภาพกับความรู้สึกในใจเรา ที่ผ่านมาเราอาจไม่เคยได้ยิน ไม่เคยสังเกตเห็น หรือไม่เคยได้รับรู้การมีอยู่ของความรู้สึกเหล่านี้มาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นจึง Powerful อย่างที่มะปรางว่า

มะปรางตื่นเต้นและรู้สึกดีกับการค้นพบความรู้สึกนี้มาก จึงอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้รู้สึกอย่างเธอบ้าง “จะดีแค่ไหนถ้าคนอื่นได้รู้อย่างเราด้วย รู้สึกว่าชีวิตมีความหมายขึ้นมาเลย มันเติมเต็มสิ่งที่เราเคยถามตัวเองก่อนหน้านี้ว่า ‘จากนี้ชีวิตเราจะไปยังไงต่อ’ เพราะเรามองเห็นทางข้างหน้าแล้ว”

โค้ช ดร.มะปราง

มะปรางตั้งชื่อแบรนด์ของเธอว่า Reflex & Flourish เพราะอยากให้ทุกคนได้สะท้อน (Reflex) การตระหนักรู้ในตัวเอง​ (Self Awareness) ออกมา และเติบโต (Flourish) ด้วยการพัฒนาตัวเองต่อไป โดยได้จัดเวิร์กช้อปของเธอให้อยู่ในซีรีส์ Self-coaching ที่มีหัวข้อแตกต่างกันไป โดยนำไพ่ทาโรต์มาเป็นเครื่องมือหลักในการโค้ชชิ่ง

โค้ช ดร.มะปราง

นี่แค่เวิร์กช้อปหนึ่งที่อยู่ในหัว

เอาล่ะ ถึงเวลาที่มะปรางจะพาเราออกเดินทางสำรวจใจ ผ่านกระบวนการ Self-coaching with Tarot Cards ในหัวข้อ Planning Your Life with Tarot Cards กันแล้ว

เพื่อเป็นการไม่สปอยล์ เราขอให้เธอเล่าถึงในภาพรวม และแนวคิดในการออกแบบเวิร์กช้อปของ Reflex & Flourish

“มะปรางยังมีเวิร์กช้อปในหัวอีกเยอะแยะเลยนะ (หัวเราะ) นี่เป็นแค่เวิร์กช้อปหนึ่ง กระบวนการคิดจะคิดจากตัวเองและคนรอบข้างว่ามีอะไรเป็น Pain Point บ้าง และกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้หญิงวัยทำงาน อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป เพราะรู้สึกว่าตัวเองคอนเน็กกลุ่มนี้ได้ง่ายสุด เลยจะนึกถึงกลุ่มนี้เป็นหลักก่อน และชอบคิดว่า ‘ถ้า…ล่ะ’ ถ้าเราเลือกหน้าไพ่เองล่ะ ผลดีคืออะไร กระบวนการข้างในเกิดอะไรถ้าได้เลือกเอง แต่ถ้าตั้งคำถามแบบนี้ล่ะ ไม่ควรได้เลือกไพ่เองนะ เพราะไม่อย่างนั้นทุกคนก็จะเลือกแต่ไพ่ที่ตัวเองอ่านง่าย ส่วนลำดับการวางไพ่ หรือคำถามที่ตั้งเพื่อหาคำตอบจากไพ่ จะขึ้นอยู่กับระดับของเวิร์กช้อปด้วย”

โค้ช ดร.มะปราง

สำหรับเวิร์กช้อปการวางแผนเพื่อเติบโตและเติมเต็มในครั้งนี้ มะปรางจะพาเราเปลี่ยนมุมมองและเปิดประสบการณ์การอ่านไพ่ทาโรต์ด้วยตัวเอง เธอบอกว่าทั้งสนุกและให้แง่คิดที่ลึกซึ้ง ซึ่งนำไปพัฒนาตัวเองได้อย่างที่อาจคาดไม่ถึงเลย

ทุกคนจะต้องจัดวางไพ่เป็นแถวทั้งหมด 4 แถวตามรูปแบบที่เธอกำหนดให้ แต่ละแถวมีจำนวนใบต่างกัน การกำหนดตำแหน่งของไพ่และคำถามที่ตั้งขึ้นอย่างชัดเจน จะเป็นแนวทางให้เราจัดการกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างเป็นระบบตามกระบวนการ Self-coaching

โค้ช ดร.มะปราง

ส่วนการอ่านไพ่คือการบอกคีย์เวิร์ดจากภาพที่เห็น จากนั้นเลือกคำที่เข้ากับบริบทของคำถามที่ตั้งไว้ เพื่อใช้ตอบคำถามนั้น ซึ่งไม่มีถูกไม่มีผิด เป็นการเชื่อมโยงรูปภาพบนไพ่เข้ากับความรู้สึกและเสียงในตัวเรา เพื่อนำมาทำความรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้ง และใช้สำรวจหาวิธีในการบรรลุเป้าหมายของแต่ละคน

โค้ช ดร.มะปราง

ทั้งนี้ ไพ่ทั้งหมดของทุกแถว จะมีเพียงใบเดียวเท่านั้นที่ได้สิทธิ์เลือกเองจากทั้งหมด 78 ใบในสำรับ ซึ่งเป็นไพ่ในตำแหน่งของเป้าหมายและความสำเร็จ เราจึงควรได้เลือกด้วยความสบายใจและเป็นคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง นอกนั้นจะใช้การสุ่มหยิบไพ่ คล้ายเป็นการบังคับให้เราต้องใช้ความตั้งใจและความพยายามมากขึ้นเพื่อตีความภาพนั้นที่เราอาจไม่ชอบ ไม่อย่างนั้นทุกคนก็จะเลือกหยิบแต่ไพ่ที่ชอบและคิดว่าอ่านง่ายเสมอ

โค้ช ดร.มะปราง

สงสัยเรื่องไหน
ทาโรต์ทุกใบมีคำตอบ

ทำไม ‘ไพ่ทาโรต์ทุกใบจึงตอบคำถามที่เราสงสัยได้’ ทั้งที่ศิลปินไม่ได้วาดเพื่อไขความกระจ่างให้ชีวิตใคร แล้วทำไมไพ่ทาโรต์ถึงทำหน้าที่นี้ได้

เธอยิ้มรับคำถามที่เราส่งไปรัวๆ และอธิบายว่า “จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นไพ่ทาโรต์ จะเป็นการ์ดรูปภาพอื่นๆ ก็ทำหน้าที่เดียวกันนี้ได้ เพราะถ้าเป็นการตอบคำถามด้วยเหตุผล (Rational Mind) ก็ไม่ต้องใช้รูปภาพหรอก แต่การนำรูปภาพมาใช้เพื่อต้องการลงไปให้ลึกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจเรา รูปภาพทำให้เราลงไปแตะจิตใต้สำนึก (Subconscious Mind) ได้ง่ายขึ้น เพราะมีทั้งอารมณ์ความรู้สึกของสิ่งที่อยู่ในภาพ”

‘และเพราะเป็นรูปภาพ เราเลยกล้าพูดสิ่งที่เห็นออกมา เพราะนั่นไม่ใช่ตัวเรา’ เราถามต่อเพื่อรีเช็กความเข้าใจของตัวเอง

โค้ช ดร.มะปราง

เครดิตภาพ: Reflex & Flourish

โค้ช ดร.มะปราง

เครดิตภาพ: Reflex & Flourish

“ใช่ค่ะ เป็นการฉายภาพจิต (Projective) คีย์เวิร์ดที่พูดหรือเขียนออกมาจะสะท้อนถึงความรู้สึกในระดับจิตใต้สำนึก และเป็นประโยชน์ที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งการอ่านไพ่จะเป็นไปตามประสบการณ์ชีวิตของคนคนนั้น ส่วนการเยียวยาจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเราเข้าสู่กระบวนการ Self-coaching ที่ต้องอาศัยการตั้งคำถามเป็นสำคัญ และคำถามหลักๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับตัวเรา เพราะนี่คือกระบวนการสร้างความตระหนักรู้ในตัวเอง เพื่อการพัฒนาตัวเอง”

โค้ช ดร.มะปราง

ทั้งนี้ การอ่านไพ่เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนและเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อได้เห็นคีย์เวิร์ดและตีความภาพได้ ซึ่งควรฝึกทำเองที่บ้าน ทุกคนจึงควรมีไพ่ทาโรต์เป็นเพื่อนคู่คิด และใช้เป็นเครื่องมือในการโค้ชตัวเอง ปัจจุบันไพ่ทาโรต์มีให้เลือกมากมาย มะปรางแนะนำให้เลือกสำรับที่มีเรื่องราวและอารมณ์ที่แตกต่างกันบ้าง อย่างสำรับส่วนตัวของเธอ เป็นไพ่ที่ศิลปิน 1 คน วาดไพ่ 1 ใบ แปลว่าทั้งสำรับนี้วาดโดยศิลปินถึง 78 คน ไพ่แต่ละใบจึงเปรียบเหมือนเป็นมาสเตอร์พีซของแต่ละคน แต่เธอไม่แนะนำให้ใช้ไพ่ทาโรต์ที่เป็น Rider Waite เพราะไม่อยากให้ยึดติดกับความหมายที่ใช้ทำนายดวงที่อาจมาตีกรอบการตีความภาพได้

โค้ช ดร.มะปราง

เครดิตภาพ: Reflex & Flourish

ก่อนกล่าวคำอำลา ร่วมปีที่เธอจัดเวิร์กช้อปซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเอง มะปรางได้เห็นอะไรในสังคมไทยหรือสัมผัสถึงความรู้สึกนึกคิดจิตใจของผู้คนอย่างไรบ้าง

“เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเริ่มมองหาความหมายของชีวิตมากขึ้น แม้จะมีการงานมั่นคงก็ตาม ผู้คนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิตสูงมากๆ คนที่มั่นคงก็รู้สึกเบื่อหน่าย คนที่อยากเป็นฟรีแลนซ์ก็ไม่ Fulfill เหมือนกับว่าทุกคนยังตามหาอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร รู้แค่ว่าอึดอัดคับข้องใจ บางคนคาดหวังกดดันตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน บทบาทอะไร แต่มะปรางอยากให้ลองสังเกตตัวเองไปเรื่อยๆ สร้าง Self-awareness ให้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ฝึกฝนมากขึ้น ที่สุดเราจะมั่นใจกับเสียงที่ผุดขึ้นมาในตัวเรา”

ว่าแล้วก็ชักอยากมีไพ่ทาโรต์ไว้ในครอบครองสักสำรับหนึ่งแล้วสิเรา

สนใจอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม
Line : @reflex.flourish

Tags: