- ระหว่างนั่งเครื่องบินเป็นช่วงเวลาที่เกิดอะไรขึ้นได้มากมาย อย่าง Jane Birkin วาดฝันถึงกระเป๋า Birkin แม้แต่ Pharrell Williams ก็ยังแต่งเพลงฮิตๆ ได้มากมาย
- เมื่อทำกิจกรรมที่ไม่ได้จดจ่อมาก สมองจะปรับไปเป็นโหมด autopilot ทำไปโดยอัตโนมัติทันที ซึ่งช่วยปลดปล่อยจิตใต้สำนึกให้ทำงาน
- อาการใจลอยหรือฝันกลางวันไปปิดโหมดความคิดจดจ่อ และเปิดโหมดความคิดสร้างสรรค์ให้โลดแล่น
MINE ซีรีส์ใหม่ที่ทำเอา The Penthouse ดูซอมซ่อเป็นห้องเช่ารูหนูไปถนัดกับความอะร้าอร่ามของบ้านช่องตระกูลแชโบลสุดร่ำรวยและความลับหลายซับหลายซ้อนเหลือเกินที่ทำให้คนดูติดหนึบ
แต่ฉากที่ทำให้คนดูต้อง pause แล้วหยุดพิศวงมากที่สุดฉากหนึ่ง เห็นจะเป็นตอนที่คุณแม่เอ็มม่า (รับบทโดย Ye Soo Jeong ที่แสดงดี๊ดี) โกยขนมที่เหลือในจานใส่ผ้าเช็ดปาก แล้วหย่อนลงไปในกระเป๋า Hermès Birkin
แม่บ้านถึงกับปากล่างร่วงไปพร้อมคนดู
ทำไมแม่ชีมีกระเป๋าเบอร์กิ้น?!?
ปริศนาว่าแม่ชีเป็นใคร ทำไมถือเบอร์กิ้นยังสร้างความฉงนให้คนดูต้องติดตาม MINE กันต่อไป แต่ถ้ารู้ว่ากระเป๋าเบอร์กิ้นเกิดมาได้ยังไง งานนี้อาจมีเหวอยิ่งกว่า
กระเป๋าแสนแพงกับถุงใส่อาเจียน
Jane Birkin นักร้องชาวอังกฤษผู้ได้ชื่อว่าเป็นสไตล์ไอคอนของโลก เดินทางด้วยเที่ยวบินจากปารีสไปลอนดอนของสายการบิน Air France ในปี 1981 เจนโชคดีที่ได้อัพเกรดตั๋ว ทำให้เธอได้นั่งติดกับผู้โดยสารชายรายหนึ่ง
ในตอนนั้นเจนจำไม่ได้ว่าเอากระเป๋าแบบไหนติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย เธอจำได้เพียงว่า กระเป๋าที่เธอใช้ใส่อะไรไปก็ร่วงหล่นไปหมด
ชายที่นั่งติดกับเจนเห็นเข้าก็พูดว่า “น่าจะใช้กระเป๋าแบบมีช่องใส่ของนะครับ”
“วันที่ Hermès ทำกระเป๋าแบบนั้น ฉันใช้แน่ค่ะ” เจนว่า
“อ่า ผมนี่ละครับคือ Hermès ผมจะทำกระเป๋าแบบนั้นให้คุณใช้”
ผู้โดยสารคนนั้นคือ Jean-Louis Dumas ซีอีโอของ Hermès ในเวลานั้น และเป็นโหลนโดยสายเลือดของ Thierry Hermès ผู้ก่อตั้ง Hermès เมื่อปี 1837
ถึงบางอ้อเสียทีว่า who is who ฌอง-หลุยส์ ดูมาส์ จึงถามเจนว่า อยากให้กระเป๋าเป็นอย่างไรละหรือ
ว่าแล้วเจนก็วาดรูปกระเป๋าลงบนกระดาษใกล้มือ ซึ่งก็คือถุงใส่อาเจียน แล้วยื่นแบบสเก็ตช์ให้นายใหญ่ของ Hermès ซึ่งรับไปดูแล้วก็บอกว่า เอาละ เดี๋ยวทำให้นะ
ไม่นานเกินรอ ฌ็อง-หลุยส์ก็ส่งกระเป๋าที่เจนออกแบบให้เธอเอาไปใช้ แต่ขอแลกกับเงื่อนไข 1 ข้อ ขอใช้นามสกุลของเจนตั้งเป็นชื่อกระเป๋า ซึ่งเจนไม่ติด แถมภูมิใจด้วย
“เวลาบินไปอเมริกา ตม.เห็นนามสกุลฉันแล้วต้องถามทุกทีเลยว่า ‘Birkin-ที่เป็นกระเป๋าน่ะนะ?’
เจนยังบอกด้วยว่าทาง Hermès ส่งเงินมาให้นัยว่าเป็นค่าตอบแทนที่เธออนุญาตให้ใช้นามสกุล Birkin ไปตั้งชื่อรุ่นกระเป๋าที่คนที่ซื้อไม่ได้เอาไปใส่ของ แต่เอาไว้ถือเพื่อประกาศบอกชาวโลกว่า ‘ฉันรวยมาก’ ‘ฉันประสบความสำเร็จมาก’ นี่ยังไม่นับว่ามีเงินแล้ว Hermès จะขายกระเป๋าให้ เป็นเรื่องบุญทำกรรมแต่งกันเลยทีเดียวว่าพนักงานของร้านจะขายหรือไม่ขายใคร
เจนครอบครอง Birkin 4 ใบในชีวิต เอาเข้าจริงแล้วเธอก็ไม่ค่อยชอบหิ้ว Birkin เสียด้วย ไม่ได้กลัวกระเป๋าเป็นรอย กลัวหาย กลัวโดนขโมย
“มันหนัก” เจนบอก
เมื่อไม่คิด ก็จะคิดออก
“เวลาผมนั่งเครื่องบินจะได้ยินเสียงอากาศที่ดัง ‘ชี่ๆๆๆๆๆๆ’ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องนานๆ รู้ตัวอีกที เนื้อเพลงหรือไม่ก็จังหวะเพลงแวบเข้ามาในหัวผมเฉยเลย” Pharrell Williams ให้สัมภาษณ์กับ The Times เมื่อปี 2013
เพลงฮิตระดับโลกกับกระเป๋าที่แพงที่สุดในโลก ทำไมเกิดขึ้นตอนระหว่างนั่งเครื่องบิน
R. Keith Sawyer นักจิตวิทยาแห่ง Washington University และผู้เขียนหนังสือ Explaining Creativity: The Science of Human Innovation อธิบายว่า เวลาเราทำอะไรเพลินๆ เช่น นั่งเครื่องบิน ขับรถ อาบน้ำ ถอนหญ้า ดึงผมหงอก ตกปลา หาเห็บหมา ฯลฯ เมื่อทำกิจกรรมที่ไม่ได้จดจ่อมาก สมองจะปรับไปเป็นโหมด autopilot ทำไปโดยอัตโนมัติทันที ซึ่งช่วยปลดปล่อยจิตใต้สำนึกให้ทำงาน คนที่ผ่านมาเห็นคุณในตอนนี้จะผรุสวาทใส่ว่า ใจลอยอีกละ ฝันกลางวันอยู่ล่ะสิ
ใดๆ ก็ตาม อาการนี้ช่วยให้สมองส่วนหน้าผ่อนคลาย จากที่ปกติจะทำตัวเป็นดั่งศูนย์บัญชาการการตัดสินใจ การวางเป้าหมายและพฤติกรรม เมื่อสมองส่วนหน้าปิดร้าน สมองส่วนเครือข่ายอัตโนมัติที่ทำงานเมื่อมีการพักผ่อนหรือ (Default Mode Network-DMN) เปิดทำการ เหมือนเปิดผอบให้เจ้าตัวความคิดออกมาโลดแล่นเต็มที่
การจดจ่อหรือพยายามคิดสุดชีวิตคือการกระตุ้นให้สมองส่วนหน้าทำงาน ข้อดีก็คือทำให้คุณละสายตาจากการดูคลิปแมวน้อยน่ารักกลับไปตั้งอกตั้งใจทำงานต่อได้ แต่ข้อเสียก็คือ มีอาการสมองตัน
เอ็ด 7 วิ ยูทูเบอร์ล้านวิว ต้นตำรับการแร็ปขายของบอกว่า ไพ่ไม้ตายเวลาต่อมครีเอทีฟตีบตันของเขาก็คือ ขับรถไปเรื่อยๆในเส้นทางที่คุ้นเคย ตามองถนน แต่สมองคิดมุขเจ๋งๆ พอคิดออกค่อยขับรถกลับบ้าน ได้งานด้วย
เพื่อความขลังยิ่งขึ้น ขอยกชื่อ David Ogilvy ผู้มีสมญานามว่า โป๊ปแห่งการโฆษณาสมัยใหม่ ที่เคยไว้ตอนไปออกรายการ The David Susskind Show ว่า
“ความคิดเจ๋งๆไม่ว่าจะในเรื่องอะไร ศาสตร์ไหนก็ตาม มาจากที่เดียวกัน – จิตใต้สำนึก ไม่มีใครคิดไอเดียที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วยกระบวนการคิดแบบมีเหตุมีผลหรอก”
บอกหัวหน้างานว่า ขอไปนั่งเครื่องบินแป๊บ ให้จิตใต้สำนึกทำงาน
ภาพกระเป๋าจาก : www.hermes.com
ที่มา:
http://fashion.telegraph.co.uk/news-features/
https://citizen.co.za/lifestyle/entertainment/
https://www.mentalfloss.com/
https://buffer.com/