Maxdicine Journey
‘แม็กซีน’ สาวเฮลท์ตี้ที่เคยขี้โรคและใช้ชีวิตสุดโต่งจนต้องยกเครื่องสุขภาพเป็นการใหญ่
- คุยกับแม็กซีน – อินทิพร แต้มสุขิน ถึงแต่ละช่วงจังหวะชีวิตที่ต้องเผชิญกับโรคต่างๆ และประสบการณ์การใช้ชีวิตสุดโต่งที่ให้บทเรียนครั้งสำคัญกับเธอ รวมถึงการปฏิวัติตัวเอง หันมาเรียนรู้วิธีดูแลสุขภาพให้สมดุล
ถ้าพูดถึงคอนเทนต์ ครีเอเตอร์สายสุขภาพ แม็กซีน-อินทิพร แต้มสุขิน สาวหน้าใส ผมสั้นตากลมโต เจ้าของลักยิ้มสองข้างเป็นหนึ่งในนั้น โดยเฉพาะคลิปเดินดุ่มไปเด็ดสารพัดผักสดจากต้นกินอย่างชื่นมื่น ช่วยปลุกกระแสผู้ชมไม่เว้นแม้คนที่เคยเป็นเด็กเขี่ยผักทิ้งอย่างเราให้อยากกินผักตาม เห็นความคลั่งผักของเธอแล้ว ผนวกกับที่เจ้าตัวบอกอีกว่า ‘ไม่มีผักไหนที่ไม่กิน!’ เราเลยขอยกตำแหน่งตัวมัมสายกินผักให้เลย
นอกจากกินผักเก่ง กินผักได้น่าอร่อยแล้ว แม็กซีนยังมีเทคนิคและวิธีการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจจากประสบการณ์มาแบ่งปันผู้ชมชาวช่อง @Maxdicine Channel ทางยูทูบอยู่เสมอ
แต่กว่าจะเป็นสาวเฮลท์ตี้อย่างที่เห็นกัน เชื่อไหมว่าแม็กซีนเคยเป็นคนป่วยที่มีหลายโรครุมเร้ามาก่อน แต่เธอกลับตัดสินใจโยนยาทั้งหมดทิ้ง แล้วเลือกที่จะปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเองแทน
อะไรทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาหักดิบชีวิตตัวเองอย่างนั้น แล้วใช้วิธีไหนและทำอย่างไรถึงผ่านความเจ็บปวดทรมานนั้นมาได้ แม็กซีนขอเล่าเอง
บ่มเพาะความเครียด…บ่อเกิดแห่งโรค
เล่าชีวิตวัยเด็กให้ฟังหน่อย
แม็กโตมากับคุณพ่อซึ่งเป็นคนเพอร์เฟกชันนิสต์ แม็กมีพี่สาวคนหนึ่ง เขาจะเรียบร้อย เชื่อฟังคุณพ่อ แต่เราค่อนข้างเกเร เล่นซนเหมือนเด็กผู้ชาย แต่ทุกวันจะตื่นตีห้าครึ่งก่อนนาฬิกาปลุก เพื่อทำกับข้าวให้คุณพ่อกับพี่สาว แล้วค่อยอาบน้ำไปโรงเรียน ชีวิตต้องมีตารางสิ่งที่ต้องทำตลอด แล้วต้องทำก่อนหรือล่วงหน้าเสมอ ตอนเด็กแม็กเล่นกีฬาเยอะ ทั้งตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ ขี่ม้า เทนนิส
อย่างนั้นก็น่าจะแข็งแรงสิ
อย่างที่บอกว่าคุณพ่อเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ ค่อนข้างเครียด เจ้าอารมณ์ เราอาจจะติดนิสัยเครียดและกลายเป็นเด็กขี้โมโหโดยไม่รู้ตัว ทุกซัมเมอร์ท่านจะส่งไปอเมริกา ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น แต่จะให้เงินไปก้อนนึง เอาไปใช้อะไรก็ได้ ให้จัดการเองทั้งหมด ถ้าซื้อยาซื้อของกลับมาขาย ก็ได้กำไรส่วนนี้ไป ความที่เรามีมายด์เซ็ตแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก บวกกับเล่นกีฬาออกกำลังกายเยอะ ทำให้เป็นคนเครียดอยู่ข้างในค่อนข้างเยอะ
ความเครียดของเด็กแสดงออกยังไงบ้าง
ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่า OCD (Obsessive-Compulsive Disorder หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ) แต่น่าจะติดนิสัยนี้จากคุณพ่อมา ต้องวางทุกอย่างเป๊ะ เลื่อนไม่ได้ ข้าวของต้องวางเป็นระเบียบ เสื้อผ้าต้องเรียงตามสี แต่ไม่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ผิดปกติ รู้แค่ว่าคุณพ่อดุ เข้มงวด แต่พี่สาวจะคนละขั้วกัน เขาเรียบร้อย ตามใจพ่อ แต่แม็กมีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างเยอะ มีความต่อต้าน
มารู้ตอนไหนว่าตัวเองเครียด
แม็กปวดท้องตั้งแต่ 8 ขวบ เหมือนอาหารไม่ย่อย แต่ความที่เรามีร้านขายยา ปวดท้องก็แค่หยิบยามากิน แล้วก็เป็นแบบนั้นมาตลอด เลยคุ้นชินกับการไม่สบาย และตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็น รู้แค่ว่าถ้าปวดท้องก็กินยา
อะไรที่บอกให้รู้ว่าการปวดท้องของเรามันไม่ปกติแล้วนะ
ตอนนั้นอยู่อเมริกา ไปดูเบสบอลกับพี่สาว แม็กปวดท้องมากจนล้มตัวลงนอน ต้องส่งโรงพยาบาล เลยได้รู้วันนั้นว่าเราเป็นกระเพาะอักเสบ เพิ่งมารู้ตอนโตว่าสาเหตุไม่ใช่การกินข้าวไม่ตรงเวลา แต่เป็นความเครียดที่ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงที่ท้อง พอมองย้อนกลับไป ร่างกายส่งสัญญาณมาตลอด เพราะทุกครั้งที่อารมณ์แปรปรวนจะส่งผลกับท้องทันที บวกกับการใช้ชีวิตซึ่งเป็นพฤติกรรมสะสม หมอทุกท่านจะบอกว่ารักษาไม่หายนะ ทำได้แค่กินยาตามอาการ ก็รักษาแบบนั้นเรื่อยมา
เหตุการณ์นั้นทำให้ดูแลตัวเองมากขึ้นไหม
เรียกว่ามียาเตรียมพร้อมไว้ในกระเป๋าตลอดมากกว่า ตอนนั้นเริ่มเข้าวงการบันเทิงแล้ว เห็นคนอื่นเขาผ้อมผอม ก็อยากผอมมั่ง เพราะเราค่อนข้างอวบมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ยิ่งออกกล้องยิ่งดูบวม เพื่อนในวงการก็แซว ตอนนั้นแทบไม่กินอะไรเลย แล้วเราเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้ว การดูแลตัวเองก็แย่มากๆ วันหนึ่งถ่าย Coffee Prince อยู่ ปวดท้องกำเริบต้องไปหาหมอ พอส่องกล้องก็เจอว่าติดเชื้อเอชไพโลไรอีกแล้ว (H.Pylori-แบคทีเรียที่ทำให้กระเพาะอักเสบ) หมอให้ยามากินเหมือนเดิม แต่ครั้งนั้นออกจากโรงพยาบาลแล้วโยนยาทิ้งทั้งหมดเลย
เพราะ…?
พอปวดท้อง ก็กินยาลดกรด ถ้าท้องอืด ก็กินยาขับลม ท้องผูกก็กินยาระบาย พอแน่นท้องก็กินยาช่วยย่อย แต่กินแล้วก็ขับถ่ายไม่ค่อยดี ต้องกินยาถ่ายอีก ชีวิตแม็กวนลูปอย่างนี้ กินยาแบบเดิมมา 20 ปีแล้ว ยังไม่ดีขึ้น แปลว่านั่นไม่ใช่ทางแก้ที่ดีพอ หรือเรายังทำอะไรบางอย่างผิดไป พอโยนยาทิ้งก็ไม่มีช้อยส์อื่น ปีนั้นคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง ทั้งที่ไม่กินเหล้าและไม่สูบบุหรี่ แต่ท่านชอบกินเนื้อสัตว์ ของทอด และเป็นคนเครียดที่ทุกอย่างต้องเป๊ะ ที่สุดคุณพ่อเสีย ทำให้แม็กตระหนักว่าสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือทางออกเดียวของเรา คือต้องกลับมาปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต แต่แม็กดันรักสุขภาพแบบผิดๆ กลายเป็นการใช้ชีวิตแบบสุดโต่งไปเลย
สัญญาณเตือนจากร่างกาย
ชีวิตสุดโต่งของแม็กซีนเป็นยังไง
ช่วงอายุ 25-26 ปี กำลังจริงจังกับการทำงานสายองค์กรมาก แต่ถึงจะเครียดและซีเรียสกับการทำงาน แต่ก็ชอบปาร์ตี้ด้วย (ยิ้ม) เลิกงานดื่มสังสรรค์กับเพื่อนถึงเที่ยงคืนตี 1 แต่ก็อยากดูแลสุขภาพด้วย กินวีแกน ต้องชั่งอาหารก่อนกิน เพราะกลัวอ้วนกินแต่ผักต้ม ไก่ต้ม ปลานึ่งตลอด ถ้าต้องกินแคลอรี่จะเก็บไว้สำหรับการดื่มกับเพื่อน ช่วงนั้นฝึกวิ่งมาราธอนกับโค้ชชาวญี่ปุ่นอยู่ ก็ต้องตื่นตี 4 ไปซ้อมวิ่งถึง 6 โมง แล้วเวทเทรนนิ่ง เล่นโยคะต่อถึง 7.30 น. บ้าพลังมาก แล้วค่อยอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน เลิกงานก็ต้องว่ายน้ำก่อนแล้วค่อยไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อนๆ ดูฟิตจริง ผอมจริง แต่ส่องกระจกเห็นถุงใต้ตาดำ หน้าเหี่ยว ไม่สดใสเลย แต่ก็ยังไม่ยอมหยุด
เพราะไม่คิดว่าจะส่งผลเสียกับตัวเองหรือเปล่า
ไม่สน ทำเพราะอยากทำ ถามว่ารู้ตัวไหม รู้นะ เราเพลียตลอดเวลา เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ฝืนทำทุกอย่าง จริงๆ การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่แม็กทำ ทุกอย่างต้องเป๊ะตามโปรแกรมที่วางไว้ ยิ่งเพิ่มความเครียดให้ร่างกาย ไหนจะเครียดจากงานอยู่แล้ว นอนก็น้อย ยังตื่นไปวิ่งอีก ยังไงก็ต้องป่วยเข้าสักวัน
แต่ก็ยังใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่
(พยักหน้ารับ) จนอายุ 27 ปี แม็กเมนส์มาปีละครั้ง เลยไปตรวจสุขภาพดู ในใจคิดว่าตัวเองแข็งแรงมาก เพราะเรากินดี ออกกำลังกายจริงจังสม่ำเสมอ แต่กลายเป็นว่า Growth Hormone เหมือนคนอายุ 80 หมายความว่าร่างกายเราฟื้นฟูไม่ได้แล้วนะ นอกจากโรคกระเพาะและโรคเครียดที่เป็นอยู่แล้ว ยังนอนไม่หลับ สารหนูเป็นพิษในเลือด ต้องล้างโลหะหนักออกจากร่างกาย แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เป็นไรอยู่นะ (หัวเราะ) เพราะเป็นอะไร หมอสั่งยาให้หมดเลย นอนไม่หลับก็มียาให้ ต่อมหมวกไตเพลียก็มียาให้ ก็กินยาแล้วใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ถ้างั้นอะไรทำให้เปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่
แม็กเป็นสะเก็ดเงินกับลมพิษพร้อมกัน ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาการโรคสะเก็ดเงินเหมือนมีมดไต่ที่ตัว ส่วนที่หัวก็จะแดงๆ เหมือนคนเป็นรังแค ช่วงนั้นใส่เสื้อสีดำไม่ได้เลย เพราะจะเห็นชัด ตามตัวจะเป็นวงๆ คันมากจนหงุดหงิด บวกกับเป็นลมพิษ มันแย่มาก แล้วแม็กเป็นบ่อยมาก ฝนจะตกทีไร ลมพิษจะขึ้นหน้าขึ้นคอ นอนไม่ได้เลย เป็นชีวิตที่ทรมานมาก
เหมือนเป็นสัญญาณเตือนและการประท้วงจากร่างกายเลย
ใช่เลย เพราะผิวเราเป็นเมสเซนเจอร์ที่ดี วันไหนกินของทอด ร้อนในจะขึ้น เพราะร่างกายเราร้อน หรือการเป็นลมพิษ แปลว่าข้างในร้อนและชื้นมากไปแล้วนะ หรือการที่เราเป็นสิวทั้งที่ไม่ใช่ช่วงเมนส์จะมา แปลว่าเราต้องทำอะไรที่ไม่สมดุล แม้ตอนนั้นแม็กเริ่มเฟดจากวงการบันเทิงแล้ว แต่การเป็นสะเก็ดเงินกับลมพิษส่งผลกระทบกับเราอยู่ดี เพราะมันคันมาก ลุกขึ้นมาร้องไห้เลย จนต้องไปหาหมอ พอหมอได้รู้การใช้ชีวิตของเรา หมอไม่จ่ายยาให้เลย แต่ให้เรากลับมาปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เพราะโรคผิวหนังเกิดจากพฤติกรรมล้วนๆ แม็กเลยตัดสินใจว่าถึงเวลากลับมาฟังร่างกายตัวเองแล้ว
แปล ‘สาร’ จากร่างกายด้วยวิธีไหน
ใช้การสังเกตเป็นหลักเลย ดูว่าพฤติกรรมไหนที่ทำแล้วโรคกำเริบ เพราะร่างกายพยายามส่งสัญญาณบอกเรามาก แต่ถ้าเรากินสเตียรอยด์หรือยาแก้แพ้ เหมือนเราไปชู่ว์ (ทำท่าจุ๊ปาก) ว่าเงียบๆ อย่าแสดงพิรุธอะไรนะ แล้วอีกอย่างคือสังเกตว่ามีพฤติกรรมไหนที่เราชอบทำ เพราะเราจะทำซ้ำๆ อย่างแม็กไม่นอนดึก ไม่กินอาหารแปรรูป แต่ชอบดื่มเบียร์ ซึ่งมียีสต์ คนเป็นโรคผิวหนังส่วนใหญ่จะแพ้ยีสต์ และแม็กเป็นคนเครียด ต้องปรับเรื่องอารมณ์ ปรับการหายใจให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นเลือดจะข้นและมีความเป็นกรดสูง
เกิดมาเพื่อป่วย…เพื่อแบ่งปัน
แม็กพูดเสมอว่า ‘รู้สึกขอบคุณที่ตัวเองป่วย’
(ยิ้มรับ) ถ้าตอนนั้นไม่ป่วย จะไม่มีวันเข้าใจการฟังร่างกายตัวเอง หรือการบาลานซ์ชีวิต 27 ปีที่ใช้ชีวิตแบบขาดสมดุล ทำไม่ดีกับร่างกายซ้ำๆ สะสมมานาน พอได้ฝึกการหายใจ ปรับพฤติกรรม ใส่ใจอาหารการกิน ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ ทำ แม็กเริ่มศึกษาหาความรู้จากศาสตร์ดูแลสุขภาพแบบต่างๆ แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเองแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ก็หายขาดจากทุกโรคที่เป็น แถมยังได้ความรู้กลับมามากมาย ลองคิดดูสิว่า ถ้าแม็กใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วไปป่วยตอนแก่ คงจะลำบากกว่านี้เยอะ เลยรู้สึกว่าโชคดีที่เราป่วยตอนอายุยังน้อย ยังมีโอกาสให้ได้แก้ตัว
กลายเป็นสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
แม็กแก้ไปทีละเปลาะ เป็นการเรียนรู้ร่างกาย พอเรากินข้าวเป็นเวลา ก็ไม่ค่อยปวดท้องละ ส่วนความเครียด แม็กจะใจเย็นก่อนกินข้าว เพราะถ้าเครียด เลือดจะวิ่งไปที่ตับแล้วไม่ปล่อยน้ำย่อยออกมา ถ้ากินข้าวตอนเครียด ระบบการย่อย การดูดซึม การเผาผลาญจะแย่มาก มายด์เซ็ตในการกินไม่ใช่กินเพื่อให้สวยแต่เป็นการกินเพื่อสุขภาพ
เล่าถึงกระบวนการเรียนรู้การดูแลสุขภาพกายใจในแบบของแม็กซีนหน่อย
เริ่มจากหาหมอฝรั่งด้าน Holistic ก่อน เขาให้ล้างโลหะหนักในเลือด ให้กินวิตามิน แม็กรู้สึกว่าคนเราชอบคิดว่าต้องเติมอะไร ต้องเสริมอะไร แต่ไม่เคยคิดจะเอาอะไรที่อยู่ในร่างกายออกมา การที่เราเป็นโรคต่างๆ เกิดจากการที่ใส่อะไรที่มันท็อกซิกเข้าไป พูดให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนน้ำครำที่ดำอยู่ เติมน้ำสะอาดยังไง ก็ยังดำ ฉะนั้น เราต้องทำยังไงเพื่อเอาน้ำดำนี้ออกมาก่อน แล้วค่อยๆ ใส่น้ำสะอาดเข้ามา
แม็กบังเอิญไปเจอศาสตร์แพทย์แผนไทยที่ให้ความสำคัญกับการล้างพิษ ซึ่งตรงกับแนวคิดการเอาออกสำคัญไม่แพ้การนำเข้าในความคิดของแม็ก เลยเริ่มศึกษาการรักษาด้วยวิถีธรรมชาติ ได้ไปล้างพิษกับอาจารย์ที่อยู่อุดรฯ แล้วก็ได้ไปอยู่ที่ลพบุรีเพื่อศึกษากับอาจารย์ของอาจารย์ท่านนั้นอีกที ที่นั่นเป็นเหมือนศูนย์การเรียนรู้ แม็กไปคนเดียว ไปอยู่ ไปเรียน ไปศึกษาเพิ่มเติม แล้วแม็กก็เอ๊ะว่า ศาสตร์บางอย่างไม่ว่าจะของไทยหรือฝรั่งก็ยังอธิบายโรคบางอย่างไม่ได้ เช่น โรคภูมิแพ้ เลยไปศึกษาศาสตร์แพทย์แผนจีนอีก แล้วเอาความรู้ทั้งหมดมายำๆ แล้วปรับใช้กับตัวเอง
จากประสบการณ์หรือสิ่งที่เราศึกษามา อะไรคือความเข้าใจผิดในการดูแลสุขภาพ
ส่วนตัวคิดว่าการฝากความหวังไว้กับอาหารเสริมแทนอาหารจากธรรมชาติ เพราะสุดท้ายสิ่งที่เราเติมเสริมเข้าไปจะไปเพิ่มภาระให้ตับไตของเรา หลายคนเข้าใจว่ายิ่งกินวิตามินเยอะยิ่งดี โดยไม่ต้องกินอาหารจากธรรมชาติเลย ทั้งที่วิตามินคือผลิตภัณฑ์เสริมไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหาร
อีกอย่างคือค่านิยมการเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า 0 Cal 0 Fat เพราะกลัวอ้วน เลยไม่อยากได้แคลอรี่ แต่ถ้าพลิกฉลากอ่านดูจะเห็นว่ามีทั้งน้ำตาล สารปรุงแต่ง สารทดแทนเพียบ ไม่อยากให้คิดว่ากิน 0 Cal 0 Fat จะดีกว่า อย่างโยเกิร์ตมีไขมันดี พอเอาออกก็ต้องเติมอย่างอื่นเพื่อให้รสชาติอร่อย สารพวกนั้นอันตรายกว่าเป็นไหนๆ
เป้าหมายในการดูแลสุขภาพของแม็กคืออะไร
เราจะเอาสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย แล้วหันมาฟังร่างกายให้มากขึ้น และไม่ทำพฤติกรรมเดิมซ้ำอีก พอศึกษาไปได้สักระยะ แม็กเริ่มอยากช่วยคนอื่น อยากแบ่งปันสิ่งที่เรารู้เพื่อช่วยคนอื่น อย่างโรคสะเก็ดเงิน ตั้งแต่เกิดมาแม็กไม่เคยได้ยินคำนี้เลย จนตัวเองเป็น ถึงได้รู้ว่ามีคนเป็นแบบเราเยอะมาก เลยอยากศึกษาให้รู้จริงเกี่ยวกับโรคนี้ จะได้มั่นใจที่จะบอกคนอื่นว่า ‘ยูหายได้นะ’ ถ้ายินดีปรับชีวิต
ดูแลจิตใจตัวเองยังไงบ้าง
จิตใจคือสิ่งที่ปรับยากที่สุดสำหรับแม็ก เพราะเป็นคนใจร้อนมาก ตอนเด็กถ้าโมโหจะเขวี้ยงของลงพื้นเลย พร้อมระเบิดอารมณ์ ฟิวส์ขาดตลอดเวลา วิธีปรับของแม็กคือพยายามมีสติ ดูลมหายใจ และฝึกทำอะไรให้ช้าลง แต่ก่อนวันนึงต้องทำให้ได้ 10 อย่าง เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว แต่นี่ไม่ใช่สูตรตายตัวในการดูแลจิตใจที่ทุกคนต้องทำตาม แค่เป็นวิธีที่เวิร์กสำหรับแม็ก แต่ถ้าให้แม็กแนะนำวิธีง่ายๆ แค่เราดูมือถือให้น้อยลง ไม่เล่นมือถือก่อนนอน และไม่หยิบมือถือมาเล่นเป็นอย่างแรกหลังตื่น เท่านี้ก็ช่วยให้เรามีสมาธิดีขึ้นได้ ควรฝึกจิตให้ช้าลงด้วยการทำอะไรทีละอย่าง
แค่ ‘ปรับ’ ชีวิต ‘เปลี่ยน’
ช่วยแชร์ประสบการณ์ถึงคนป่วยที่อาจกำลังท้อแท้กับโรคที่รักษาไม่หายของตัวเอง
แม็กเรียนรู้จากการที่ป่วยหลายโรคว่า ถ้าเราเชื่อว่าจะหาย เราจะหายได้ แม็กเชื่อว่าทุกโรคหายได้ อย่างน้อยก็ต้องดีขึ้น เพราะมายด์เซ็ตเป็นสิ่งสำคัญ ทุกวันนี้เรามีเซลล์หลายโรคอยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะแสดงอาการหรือไม่ เมื่อไหร่ที่เราอ่อนแอ โรคจะปรากฏออกมา แต่เป็นแล้วไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องแพนิก การเจ็บป่วยไม่ใช่คำสาป แต่เป็นโอกาสให้เราเรียนรู้และฟังร่างกายตัวเอง เพื่อที่จะกลับมาแข็งแรงขึ้น ขอให้เชื่อว่าหายได้ ถ้าเรายินดีที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อะไรทำไม่ได้ กินไม่เป็น ความเชื่อนี้จะลบข้อจำกัดเหล่านั้นออก เมื่อรักตัวเองมากพอ เราจะทลายแบร์ริเออร์นั้นได้
แล้วใครที่ยังไม่ป่วยล่ะ อยากบอกอะไรเขา
ยุคนี้เราโชคดีที่ข้อมูลการดูแลสุขภาพมีเต็มไปหมด เข้าถึงได้ง่าย อย่างช่อง @Maxdicine Channel ทางยูทูบที่แม็กทำ อยากให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย สนุก และใกล้ตัว อย่าเครียดจนเกินไป ทำทุกอย่างให้บาลานซ์ อยากให้มองเป็นการประดับความรู้ เก็บใส่ไว้สักลิ้นชัก เผื่อว่าวันหนึ่งเราอาจต้องดึงลิ้นชักนี้ออกมาใช้
การดูแลสุขภาพที่ทำได้จริงและไม่ยากอย่างที่คิดคืออะไร
(ใช้เวลานึกทบทวนอยู่ครู่นึง) ถ้าบอกว่า ‘ยูนอนเร็วสิ’ ‘กินผักสิ’ สำหรับแม็ก มันง่ายมาก แต่ความยากง่ายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความชอบแตกต่างกัน ฉะนั้น เชื่อว่าทุกคนพอรู้หลักการกันอยู่แล้วว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดีกับร่างกายบ้าง แต่อยากแนะนำให้เริ่มจากทำลิสต์สิ่งที่อยากปรับเปลี่ยนตัวเอง แล้วเลือกมา 1 ข้อ ไม่ต้องทำทุกข้อพร้อมกัน ไม่ต้องกินผักวันละ 400-500 กรัม ไม่ต้องเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม ไม่ต้องเลิกดื่มกาแฟใส่นม แต่ให้เลือกสิ่งที่คิดว่าทำได้ง่ายสุดสำหรับตัวเองมาทำก่อน เป็นนิสัยเล็กๆ แล้วทำให้ต่อเนื่องสัก 14 วัน ลองปรับเปลี่ยนดู แล้วเราจะภูมิใจในตัวเองเมื่อทำสำเร็จ แล้วจะไปเพิ่มข้อ 2 3 4 …. ที่อยู่ในลิสต์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่แม็กปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นเวอร์ชันไหน
ณ จุดนั้นกลัวตาย (หัวเราะ) เลยทำทุกอย่างพร้อมกันเลย เพราะยินดีที่จะปรับ แล้วไม่คิดว่ามีอะไรยากเลย เพราะใจเราอยากหายป่วย นึกถึงคนที่อยากสวย สามารถหาเวลา 1-2 ชั่วโมง ไปทำผมทำเล็บได้ง่ายมาก เพราะยูอยากสวย บางคนไปนวดตัวเพื่อลดเซลลูไลต์ เพราะอยากผอม จะใช้เวลากี่ชั่วโมงก็ได้ แม็กเองก็เหมือนกัน ความอยากหาย เลยทำได้หมด อะไรก็ได้
ถามถึงพี่เฟิด Slot Machine นักร้องของน้องรักคนนี้หน่อยว่า แม็กช่วยดูแลสุขภาพเขายังไงบ้างไหม
ด้วยอาชีพที่ทำงานกลางคืนเลยนอนดึก แม็กพยายามดูแลในส่วนที่ทำได้ อย่างอาหารการกิน โชคดีที่เขากินง่าย ชอบกินผักเหมือนกัน และเป็นบัดดี้ลองเมนูแปลกๆ ด้วยกัน ความเป็นนักร้องต้องทำงานในช่วงที่ร่างกายควรได้พักผ่อน เขาจึงมีความเป็นกรดในร่างกายเยอะ จะให้เขาเลี่ยงผักไนต์เฉด (Nightshade ผักที่เติบโตได้ดีในตอนกลางคืนที่แสงน้อย เช่น กลุ่มมะเขือ มะเขือเทศ มะเขือยาว มะเขือม่วง แตงกวา พริกหวาน แตงโม มัน ฯลฯ) แล้วปรุงอาหารที่มีความเป็นด่างมาชดเชยแทน
เห็นความเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างไหม
พี่เฟิดสุขภาพดีขึ้น เมื่อก่อนเขาเป็นสะเก็ดเงินแต่ไม่รู้ตัว เพราะคิดว่าเป็นเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dematitis : โรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน การอักเสบที่ผิวหนังที่มีความมัน) แต่เราเคยเป็นเลยบอกเขาว่าน่าจะเป็นสะเก็ดเงินนะ ก็ให้เขาปรับแค่พฤติกรรมเดียวคือไม่ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง แม้จะเป็นกาแฟดำก็ตาม เพราะกาแฟมีความเป็นกรดสูง แล้วปรับอาหารช่วยด้วยอีกทาง ก็หายเลย ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว ส่วนพฤติกรรมก็มีปรับให้มีกิจกรรมอื่นทำบ้างเพื่อเพิ่มความสดชื่น จากที่เคยเพลียตลอดเวลา เพราะตื่นแล้วเตรียมไปเล่นคอนเสิร์ตอย่างเดียวเลยในแต่ละวัน
สิ่งหนึ่งที่เห็นคือแม็กใช้ชีวิตง่ายๆ ที่ชวนให้ผู้ชมรู้สึกว่าทำตามได้จริง
(ยิ้ม) ดีใจที่คนดูรู้สึกอย่างนั้น แม็กเองบางวันก็นอนดึก เพราะไปดูพี่เฟิดเล่นก็มี แต่คีย์สำคัญคือเราต้องไม่ทำเป็นนิสัย ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้เป๊ะตลอดเวลา เรายังเป็นมนุษย์ มีกิเลส คนลดน้ำหนักยังมีวัน Cheat Day ให้ได้กินตามใจชอบเลย แค่รู้ตัวว่าวันไหนเราทำตัวเกเร หลังจากนั้นต้องค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายกลับมานะ
อย่างการกิน แม็กมีเทคนิคส่วนตัวคือการจัดลำดับอาหารที่กิน ด้วยการกินผักก่อนเป็นอย่างแรกในทุกมื้อ แล้วค่อยตามด้วยเนื้อสัตว์ แป้ง ไขมัน การกินแบบนี้จะช่วยให้เราขับถ่ายดีขึ้นเยอะเลย หรือสาวๆ ที่ชอบกินของหวาน แม็กจะมีแอปเปิลไซเดอร์ ไม่ก็น้ำส้มสายชูหมัก เท 1-2 ช้อนโต๊ะผสมน้ำสักแก้ว ดื่มก่อนกินของหวาน เป็นหลักการเดียวกับการกินผักก่อน หรือหนุ่มๆ ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ก็ต้องดื่มน้ำด้วย เพื่อช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ เท่านี้เราก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
อยากรู้ว่าจริงไหม ไปลองทำกันดูนะ
เร็วๆ นี้แม็กซีนจะมีรายการใหม่ชื่อ ‘MVP กับ แม็กซีน’ ทางยูทูบ MVP มาจาก Maxdicine Vegetable Pharmacy เชิญแขกรับเชิญมาพูดคุยกัน ว่ามีปัญหาสุขภาพด้านไหน แล้วแม็กซีนจะจ่ายผักให้ตามอาการ และอาจมีการนำผักนั้นมาทำอาหารหรือเครื่องดื่มเป็นไกด์เมนูให้ด้วย อย่าลืมติดตามชมกันละ
Instagram (@maxdicine)
Facebook (@umeverse168)
Tiktok (@maxdicine)
Youtube (@Maxdicine Channel)