About
BALANCE

Nomadland vs Vanlife

Nomadland: บ้านในรถแคมป์ของคนรักเสรี สังคมผู้สูงอายุ และรัฐสวัสดิการ

เรื่อง สุภักดิภา พูลทรัพย์ ภาพประกอบ ANMOM Date 16-06-2021 | View 2165
Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • Vanlife หรือการใช้ชีวิตในรถแคมปิ้งเป็นที่นิยมมากในหมู่ชาวมิลเลนเนียล
  • Vanlife กับ Nomadland ดูเผินๆ คือการอยู่ในรถแคมปิ้งเหมือนกัน แต่เหตุผลอาจต่างกันโดยสิ้นเชิง
  • Nomadland หนังยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ปี 2021 ตีแผ่ชีวิตจริงของคนที่ใช้ชีวิตในบ้านติดล้อในอเมริกา ซึ่งผสมผเสทั้งความอิสรเสรี ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ทุนนิยมและสวัสดิการรัฐ

วันหนึ่งบก.ให้เขียนเรื่องหนัง Nomadland ที่ได้ออสการ์หนังยอดเยี่ยมปีนี้ จึงไปหามาดู แล้วจึงคุยกับรุ่นน้องที่เป็นบัดดี้ดูหนังด้วยกันมาเกือบ 20 ปีตามธรรมเนียม แม้ว่าช่วงหลังๆ Netflix กับโควิด-19 จะทำให้เราต้องแยกกันดู

พี่: น้อง ดู Nomadland หรือยัง
น้อง: ยังเลยพี่ ดูแล้วเหรอ ดีไหมๆ
พี่: ดีๆ แหลมคมมาก แต่หลับ
น้อง: 555

No 2

บ้านติดล้อของคนเร่ร่อน

Nomadland ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Jessica Bruder นักเขียนที่ไปใช้ชีวิตเยี่ยงและอยู่กับคนที่อยู่ในรถแคมปิ้งเป็นบ้านจริงๆ อยู่หลายปี ผู้คนที่เธอเขียนถึงในหนังสือ ผู้กำกับ Chloé Zhao ก็ชวนมาเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย เช่นเดียวกับชาวรถแคมปิ้งเกินครึ่งที่ปรากฏอยู่ในหนัง ล้วนแสดงเป็นตัวเองทั้งสิ้น

 

No 1

นั่นแปลว่า Frances McDormand นักแสดงนำที่รับเป็น Fern แทบจะเป็นคนเดียวในหนังที่เป็นคนนอกสังคมรถแคมปิ้ง และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมแม่ฟรานถึงได้ออสการ์นำหญิงยอดเยี่ยมเป็นตัวที่ 3 คนอะไรแสดงเหมือนไม่ได้แสดงแต่ก็รู้ว่าแสดงอยู่

No 8

การขับรถแคมปิ้งไปปิ้งย่างคุยข้างกองไฟพลางดูดาวกลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนหนุ่มสาว เราเห็นคนใกล้ตัวเสาร์-อาทิตย์ก็ไปแคมปิ้งแถวเพชรบุรีบ้าง บ้างก็ไปเพชรบูรณ์ แล้วกลับมาด้วยแก้มเลือดฝาดและท่าทีกระตือรือร้น พวกเขาวางแผนว่าครั้งหน้าจะขับรถไปแคมปิ้งที่นั่นที่นี่อีก

ชาวคณะในหนัง Nomadland ก็เป็นเช่นนั้น ที่ไหนจอดรถได้ พวกเขาก็ขับไป เปลี่ยนวิวหน้าต่าง ‘ห้องนอน’ ไปเรื่อย บางวันอยากสมาคมก็ขับไปจอดรวมกับรถแคมปิ้งคันอื่น ชงชามานั่งคุยกันข้างรถจนดึกดื่น วันไหนไม่อยากสนทนาก็ขับรถไปจอดเปลี่ยวอยู่คนเดียวได้

Condorferry เปิดเผยสถิติของวัฒนธรรมบ้านในรถแคมปิ้งระหว่างปี 2020 – 2021 ในอเมริกาไว้ ดังนี้

• คนวัยมิลเลนเนียลกว่า 15 ล้านรายเป็นเจ้าของรถแคมปิ้ง
• อุตสาหกรรมรถแคมปิ้งมีเงินหมุนเวียน 114,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ชาวอเมริกันอาศัยในรถแคมปิ้งราวๆ 1 ล้านราย
• #vanlife มีคนติดแฮชแท็กนี้ราวๆ 6 ล้านครั้งในอินสตาแกรม
• ชาวรถแคมปิ้ง 50% พาสัตว์เลี้ยงนั่งรถไปด้วย
• มีลานจอดรถแคมปิ้ง 16,000 แห่งในอเมริกา

ทำไมต้องอยู่รถแคมปิ้ง

ก่อนการมาถึงของหนัง Nomadland ที่ถือเป็นทูตโปรโมตวิถีรถแคมปิ้ง เราได้เห็นรายการเรียลิตี้โชว์เกาหลีมากมายที่เล่นธีมนี้ อาทิ House on Wheels จนถึง Spring Camp ซึ่งล้วนได้กระแสตอบรับดีงามไปตามๆ กัน

เว็บไซต์ RVLifestyle บอกข้อดีของการอยู่ในรถแคมปิ้งว่า

• ดีต่อสุขภาพจิต เพราะสามารถขับรถไปจอดในลานแคมปิ้งที่มักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
• ดีท็อกซ์ชีวิตดิจิทัล ออกห่างชีวิตในโลกเสมือนแล้วมาคอนเน็กกับชีวิตในโลกจริงที่ได้คุยกับเพื่อนร่วมทริปตัวเป็นๆ
• ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ค่าใช้จ่ายหลักๆซึ่ งในหนังก็พูดถึงไว้เหมือนกันก็คือ ค่าน้ำมันรถกับค่าแก๊ส ขณะที่อยู่บ้านจะมีค่าใช้จ่ายจิปาถะมากมาย ตั้งแต่ค่าตัดต้นไม้ (ที่หักไปทิ่มหลังบ้านเพื่อนบ้าน) แม้แต่ค่าทิ้งขยะก็ยังต้องจ่าย
• ใช้ชีวิตมินิมัล ด้วยพื้นที่ในรถที่จำกัด ทำให้ต้องเลือกแต่ของจำเป็นติดรถเท่านั้น จากที่เคยคิดว่าต้องมีรองเท้าแตะ รองเท้าผ้าใบ รองเท้าส้นสูง รองเท้าเดินป่า รองเท้าหนัง รองเท้าส้นเตี้ยและรองเท้าในโอกาสต่างๆ นั้น ก็อาจไม่จำเป็นจริงๆ ก็ได้ถ้าอยู่ในรถแคมปิ้ง
• ไม่ต้องทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ถ้าเพื่อนบ้านชอบกระแนะกระแหนที่คุณชอบให้อาหารสัตว์จรจัด หรือเจ้าของบ้านเช่าขึ้นค่าเช่าอยู่นั่น ปัญหานี้จะหมดไปเพียงแค่คุณขับรถหนีไปอยู่ที่อื่นได้ทุกเมื่อ
• ได้ท่องเที่ยวตลอดเวลา ในเมื่อบ้านติดล้อแล้วจะจอดอยู่กับที่ไปทำไม เปลี่ยนวิวไปเลย 3 วัน 3 จังหวัด

No 7

แต่เมื่อดูหนังไปเรื่อยๆ เราก็ได้เห็นฉากที่ชาว Nomandland แจกจ่ายข้าวของในรถ (หรือบ้าน) ให้เพื่อนๆ เพราะว่าตัวเองกำลังจะตาย มีฉากที่เฟิร์นทำงานที่ Amazon แล้วโดนเลย์ออฟ (ซึ่งทางบริษัทก็ใจถึงพอที่จะอนุญาตให้หนังเข้าไปถ่ายทำในโกดังแยกสินค้าของจริงได้) ต้องไปล้างห้องน้ำ ไปทำครัว ไปตักหัวบีทใส่กระสอบ

มีฉากที่รถแคมปิ้งของเฟิร์นเสียและอาชีพใช้แรงงานไร้ทักษะของเธอไม่อาจจ่ายค่าซ่อมก้อนโตได้ สุดท้ายต้องบากหน้าไปยืมเงินพี่น้อง ซึ่งการกลับเข้าสังคม ‘ปกติ’ คนนอกอย่างเธอมิวายต้องได้ยินคำพูดประมาณว่า ทำไมเธอใช้ชีวิตแบบนี้

No 9

Nomadland มีให้หลายคำตอบเลยสำหรับคำถามนี้ ซึ่งข้อความต่อไปนี้จะว่าสปอยล์หนังหรือไม่ก็ได้ เพราะหนังไม่มีจุดพลิกผัน จุดหักมุมหรือแม้แต่จุดจบ ดูไปหลับไปยังดูรู้เรื่องเลยเอ้า
เพราะอยากมีชีวิตอิสระ เพราะถูกผลักให้ออกไปร่อนเร่ เพราะไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัว เพราะไม่สามารถมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะไม่มีอาชีพ เพราะโดนเลิกจ้าง เพราะสวัสดิการรัฐไม่เพียงพอ ฯลฯ

No 5

No 6

คนในรถแคมป์ในหนัง ซึ่งจริงๆ แล้วก็มาจากชีวิตคนจริงๆ เกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ

“ชีวิตคนที่ ‘ต้อง’ อยู่ในรถแคมป์กับไลฟ์สไตล์แบบขับรถ RV ออกไปแคมปิ้งกันเถอะ มันต่างกันโดยสิ้นเชิง”

คุณผู้กำกับเจากล่าว

No 4

“ถ้าให้แบ่งประเภท ฉันพอจะแบ่งคนพเนจรได้เป็น 2 แบบ” คุณเจาอธิบายต่อ “หนึ่งคือคนที่ใช้ถนนเป็นเส้นทางแห่งการค้นหาอะไรสักอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร คนกลุ่มนี้มีบ้านและความมั่นคงให้กลับไปหาได้ทุกเมื่อ

“แบบที่สอง คือคนที่จะปุเลงๆ อยู่บนท้องถนนตราบจนสุดทางชีวิต คนกลุ่มนี้ละที่มีจิตวิญญาณของนักพเนจรโดยแท้”

คุณอาจเป็น nomad แบบที่หนึ่งหรือสอง หรือว่าสาม ซึ่งแปลว่าอยู่บ้านเถอะ


ที่มา

https://www.indiewire.com/2020

https://deadline.com/2021

https://www.bfi.org.uk/sight-and-sound/interviews/chloe-zhao-nomadland-american-western-road-rediscovery

https://rvlifestyle.com/9-great-benefits-of-rv-travel-2021/

https://www.condorferries.co.uk/rv-

Tags: