About
BALANCE

ทุกอารมณ์ของทะเล

อกหัก รัก เศร้า เหงา…ทำไมเรา (ก็ยัง) คิดถึงทะเล

เรื่อง สุภักดิภา พูลทรัพย์ ภาพประกอบ ANMOM Date 03-04-2021 | View 5029
Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • มนุษย์เราชอบไปทะเลกันตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษนักหาของป่าล่าสัตว์เมื่อ 2. 5 ล้านปีก่อน
  • เสียงคลื่น กลิ่นทะเลและสีฟ้าทางผืนน้ำมีพลังแห่งการบำบัดและเยียวยา ซึ่งส่งผลต่อคลื่นสมองและประสาทสัมผัสให้สงบผ่อนคลายได้ราวกับทำสมาธิ
  • เราโดน ‘พลังอ่อน’ หรืออิทธิพลของสื่อที่ประโคมภาพให้ทะเล = ดี ชิล น่าไป

วันหนึ่งแก๊งเพื่อนที่ไม่ได้รวมตัวกันมานาน ก็ได้ฤกษ์ประหน้ากันเมื่อได้รับข้อความว่า ‘อีฝ้ายโดนเท ไปพัทยาด่วน!’

คืนนั้นน้ำทะเลถึงกับจืดไปเมื่อเจอน้ำตาโศกของชะนีอกหัก

และเมื่อก้มลงไปลากตัวเพื่อนที่เดินดุ่ยๆกะให้คลื่นกลืนกายหยาบ ฉันก็ตระหนักได้ว่า ตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้บ่อยจัง บนหาดทรายชายทะเลเนี่ย

sea 7

ลองนึกย้อนตั้งแต่จำความได้ สังเกตไหมว่าเอะอะก็ไปทะเลตลอด พ่อหยุดร้าน แม่ได้หยุดยาว เข้าค่าย รับน้อง ฉลองเรียนจบ ไปงานแต่งเพื่อนกับสามีฝรั่ง ออฟฟิศพาไปดูงาน พาลูกไปเที่ยวเสาร์-อาทิตย์

บางทีก็แค่ขับรถไปเรื่อยๆ หรือแค่ฝันกลางวันว่าได้ไปทะเลก็รู้สึกว่าแบตเตอรีชีวิตกระดิกขึ้นมาละ หนึ่งขีด

ทั้งที่ไปแล้วก็แดดร้อน ตัวดำ เปลืองครีมกันแดด แคลเลอรีพุ่งเพราะกินอาหารทะเลทุกที แต่เราก็ยังชอบไปทะเลกันขนาดนี้…มันเพราะอะไร

sea 6

เพราะบรรพบุรุษล้านปีของเรา

Marcus Eriksen นักวิทยาศาสตร์ศึกษาซึ่งชอบศึกษาเรื่องทะเลเป็นพิเศษกล่าวว่า ย้อนไปเมื่อหลายล้านปีก่อน ตั้งแต่มนุษย์ยังเก็บของป่าล่าสัตว์ (หรือ ‘forager’ ในหนังสือ Sapiens โดย Yuval Noah Harari) ถ้าไปหากินแถวทุ่งหญ้าหรือริมน้ำก็จะเห็นศัตรู (หรือผู้ล่า) ได้ง่ายกว่า อีกอย่างคือผู้ล่าทั้งทางบกและทางน้ำไม่ค่อยจะโผล่ขึ้นมาจากน้ำเสียด้วย

ในหน้าหนาว อาหารจำพวกพืชและสัตว์นั้นหายากขึ้นหรือหาไม่ได้เลย แต่บรรพบุรุษเมื่อ 2.5 ล้านปีก่อนของเราก็ยังจับปลาได้ตลอดทั้งปี และธรรมชาติของน้ำเป็นของไหล แทนที่จะเดินหาอาหารเป็นกิโลๆ คุณบรรพบุรุษก็แค่เดินไปชายหาด (หรือริมแม่น้ำ) แล้วรอรับสิ่งที่น้ำพัดพามาให้ถึงมือเป็นพอ

sea 1

อ้างอิงจากหนังสือ Sapiens ว่ามนุษย์เริ่มมีสังคมกสิกรรมและตั้งถิ่นฐานอยู่กับที่เมื่อ 12,000 ปีนี้เอง หมายความว่ามนุษย์ประทังชีวิตด้วยการหาอาหารใกล้น้ำมานานแสนนาน อย่างน้อยๆก็ 2 ล้านกว่าปี ดังนั้นสภาพแวดล้อมริมชายฝั่งจึงสลักอยู่ในสมองมานับแสนชั่วอายุคน

เพราะเราถูกตั้งโปรแกรมมาให้รักทะเล

Wallace Nichols นักชีววิทยาทางทะเลและผู้เขียนหนังสือ Blue Mind ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างคนกับทะเล กล่าวว่า ประชากรโลกเกือบ 80% อาศัยอยู่ในรัศมี 60 ไมล์จากชายทะเล ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นองค์ประกอบ 78% และเรา ‘ลอย’ อยู่ในน้ำคร่ำในครรภ์มารดาตั้งแต่ก่อนออกมาลืมตาดูโลกเสียอีก มนุษย์กับน้ำจึงผูกพันกันระดับเซลล์เลยทีเดียว

เพราะสีฟ้าคือสีโปรดของมนุษย์

Denis Dutton นักปรัชญาชาวอเมริกันที่สนใจเป็นพิเศษเรื่องศิลปะกับวิวัฒนาการเชื่อว่า การที่เรามองว่าอะไร ‘สวย’ เป็นผลมาจากความคุ้นเคยที่อยู่ในสภาพแวดล้อมริมทะเลมาตั้งแต่มนุษย์ยังเก็บของป่าล่าสัตว์ นอกจากนี้สีฟ้ายังเป็นสีโปรดอันดับ 1 ของประชากรโลก และเมื่อให้เลือกสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกเป็นบวก เช่น สงบ สบายใจ มีความสุข ผ่อนคลาย ฯลฯภาพทะเลก็เป็นตัวเลือกอันดับ 1 เช่นกัน

sea 5

เพราะทะเลช่วยเยียวยา

Lora Fleming นักระบาดวิทยาแห่ง University of Exeter ประเทศอังกฤษ ยังโชว์หลักฐานด้วยว่า แพทย์ในศตวรรตที่ 18 เขียนใบสั่งยาให้คนไข้ ‘ไปเที่ยวทะล’ หรือไป ‘โรงพยาบาลสรง’ ซึ่งเป็นคลินิกพิเศษที่ใช้การรักษาด้วยการอาบน้ำทะเล

เสียงคลื่นที่ม้วนสาดทรายเป็นจังหวะจะโคนสม่ำเสมอช่วยปรับคลื่นสมองให้เข้าสู่ภาวะสงบสุดเซนได้ การนั่งฟังเสียงคลื่นก็คือการทำสมาธิดีๆนี่เอง Dr. Richard Shuster จิตแพทย์ซึ่งจัดพอดคาสต์ The Daily Helper กล่าว

สีฟ้าช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ผลการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารของ American Association for the Advancement of Science สรุปเอาไว้

กลิ่นทะเลยังเต็มไปด้วยไอออนลบ ซึ่งมีมากในธรรมชาติ เช่น ทะเล ภูเขาและน้ำตก เมื่อเข้าสู่กระแสเลือด ไอออนลบจะสร้างปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่ไปเพิ่มระดับเซโรโทนิน หรือฮอร์โมนแห่งความสุข ที่ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและช่วยให้ผ่อนคลายหายเครียด ผลการวิจัยใน Journal of Alternative Complementary Medicine เรียกว่า ‘การบำบัดด้วยไอออนลบ’

เพราะเราถูกหลอกให้เชื่อว่า ทะเล = ดี

คุณหมอริชาร์ดเตือนว่า จริงๆแล้วทะเลอาจเป็น ‘ยาหลอก’ ให้เราคาดหวังไปเองก็ได้ ถ้าได้ไปทะเลก็จะสงบผ่อนคลาย ซึ่งเป็นผลของสื่อต่างๆที่นำเสนอภาพทะเลไปในทำนองนั้น เช่น

The Beach ที่ทำให้ฝรั่งแห่มาเที่ยวทะเลไทย รวมถึงหนัง Finding Nemo Life of Pi ที่ให้ภาพทะเลสวยงามและสัตว์น้ำน่ารักสุดแสนจะเป็นมิตร (ซึ่งจะเปลี่ยนใจทันทีเมื่อดู Jaws ฉลามงาบคน)

เมื่อเสิร์ชคำว่า songs about sea ใน Google ก็โชว์ผลลัพธ์ 86.6 ล้านลิงค์มาให้ภายใน 0.76 วินาที

 

sea 3

เพลงไทยก็ไม่น้อยหน้า มีการรวบรวบเพลงที่เหมาะจะฟังเมื่อไปเที่ยวทะเลมากมาย เลยเลือกหนึ่งเพลงมาฝาก

‘ไปพีพี กระบี่ ภูเก็ต อื้อหรือจะไปฟูลมูนจะพาไปเที่ยวกันให้เข็ด ร็อกคาล์มมิ่งที่อ่าวพระนางสกรูบ้าไดร์ฟวิ่ง ก็เลือกเอากันสักทาง ใกล้เข้ามาอีกนิดทุนน้อยไม่ค่อยมี ชะอำก็พอได้ หัวหินก็พอดี…’
(เพลงปลาการ์ตูน โดย สิงโตนำโชค)

sea 4

ร่ายรายชื่อหาดทรายชายทะเลมายั่วกันขนาดนี้ เซลล์รักทะเลที่ตกทอดกันมา 2.5 ล้านปีในตัวเราก็ถูกปลุกให้ลุกไปจองโรงแรม แพ็กกระเป๋า และกว่าจะรู้ตัว…

เท้าก็ย่ำทรายไปแล้วเรียบร้อย

ที่มา

  • https://www.nbcnews.com/better/health/what-beach-does-your-brain-ncna787231
  • https://www.inc.com/jessica-stillman/this-is-why-you-love-beach-so-much-according-to-science.html
  • https://www.livescience.com/37819-health-benefits-living-near-ocean.html
Tags: