คิด – สนุก

“เราเป็นเพื่อนกันมานาน ทำงานนิตยสารด้วยกัน พอนิตยสารปิดตัวลงทุกคนก็ต่างไปมีเส้นทางของตัวเอง แยกย้ายไปทำงานอื่น แต่เรารู้สึกว่ายังอยากมีงานกับเพื่อนอยู่ อยากทำอะไรที่สนุกด้วยกัน” พิ้งค์ย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นการรวมตัวกันของเธอและแอร์

“เมื่อก่อนเราจะเล่นพินเทอเรสต์กัน แล้วมีกระแสเวิร์กช็อปจากต่างประเทศ ตอนนั้นประเทศไทยยังไม่ค่อยมีเลยเริ่มคิดทำเวิร์กช็อป” เพราะตอนนั้นพวกเธอไม่ได้ต้องการที่จะทำอะไรขาย เพียงแค่อยากสนุก แอร์เล่าต่อ “เมื่อ 6 – 7 ปีก่อนช่วงเวลาว่างไม่ค่อยมีอะไรทำ ไม่ได้มีนิทรรศการ อีเวนท์มากมายเหมือนตอนนี้ คาเฟ่ก็ไม่ค่อยมี เลยอยากทำอะไรสักอย่างให้ช่วงเวลาที่แสนเซ็งนั้นเป็นช่วงเวลาที่ให้ความสุขกับเรา”

เวิร์กช็อปแรกจึงเกิดขึ้นในปี 2016 เป็นกิจกรรมจัดดอกไม้ “เวิร์กช็อปแรกของเรา ไม่รู้จะประชาสัมพันธ์ยังไงให้คนรู้จัก ง่ายที่สุดคือชวนเพื่อนที่ทำวงการมีเดียมาร่วมสนุกกัน ช่วยประชาสัมพันธ์ แล้วก็เริ่มเป็นที่รู้จัก”

จนถึงตอนนี้เป็นเวลา 6 ปีแล้วที่ Sugar & Spice Club เติบโตมา ตลอดเวลาพวกเธอคิดเพียงว่า ‘เดือนนี้เราจะทำอะไรกับเพื่อน ครั้งนี้เราจะสนุกอะไรกับเพื่อน’ ทุกเวิร์กช็อปที่จัดจึงจะมาจากความชอบของสองสาวเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น จัดดอกไม้ เขียนตัวอักษร งานเซรามิก

Sugar & Spice Club จึงเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้ได้ใช้ช่วงเวลากับสิ่งที่ชอบ ที่มีความสุข แต่ก็มีเป้าหมายว่าอยากทำให้เป็นธุรกิจที่เติบโตได้จริง ๆ เลยนิยามตัวเองว่าเป็นเวิร์กช็อปเอเจนซี่ คือเป็นเอเจนซี่ที่มีลูกค้าติดต่อมา ว่าอยากจัดเวิร์กช็อปอะไร แบบไหน สองสาวก็จะทำเนรมิตให้เกิดขึ้น

สำคัญ – บรรยากาศ

Sugar & Spice Club สร้างสรรค์เวิร์กช็อปในลักษณะหมุนเวียนตามฤดูกาล (POP-UP Workshop) ไม่สร้างสตูดิโอเป็นหลักแหล่ง เพราะไม่ได้อยากจริงจัง เพราะว่าถ้าจริงจังแล้วจะไม่สนุก

สิ่งหนึ่งที่พิ้งค์และแอร์ให้ความสำคัญคือสถานที่ บรรยากาศ ต้องดี ต้องกลมกลืน เพื่อให้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคลาส “เราคิดตลอดว่าคนที่มาจะได้ความรู้สึกแบบไหนไป จะคิดแบบนี้เป็นหลัก” พิ้งค์กล่าว ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่จัดเวิร์กช็อปบ่อยๆ เพราะต้องคิดเยอะ กว่าจะหาสถานที่ที่เข้ากับเวิร์กช็อปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย “เราไม่ได้ทำบ่อย แต่ทุกครั้งที่ทำคือเราตั้งใจทำให้มันเกิดสิ่งใหม่ๆ เกิดคุณค่า”

“อีกอย่างที่ทำให้เราต่างจากเวิร์กช็อปอื่นๆ คือเราเป็นคนจัด แต่เราไม่ได้เป็นคนสอนเอง คือเราทำได้แต่สอนไม่เป็น” แอร์ว่า เพราะถ้าอยากให้บรรยากาศดี การเรียนมีความสุข ครูต้องสอนเป็น สอนสนุก ซึ่งก็ถือเป็นความยากอีกอย่างคือต้องตามหาครูที่พร้อมจะทำให้ทุกคนสนุก ให้รู้สึกเหมือนไม่ใช่ห้องเรียน

“แอร์ไม่อยากให้คนที่มาเรียนเครียดว่าต้องทำให้ได้ เลยพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น เพลงก็จัดเพลย์ลิสต์เอง มีช่วงให้พัก มีอาหารว่างอร่อยๆ” เราพยักหน้าเห็นด้วย เพราะการเรียนต้องไม่เครียดเกินไป เพื่อที่สมองจะได้ซึมซับความรู้ได้อย่างเต็มที่

ต่อยอดความคราฟต์

พอเริ่มรู้จักวงการงานคราฟต์มากขึ้น พวกเธอก็เริ่มคิดทำอะไรที่สนุกขึ้นไปอีก สู่แบรนด์ Sugar & Spice Good Life ขายผลิตภัณฑ์ที่มีความคราฟต์ไม่ว่าจะเป็นสบู่แท่ง เทียนหอม ที่รองแก้วโครเชต์ สิ่งที่สะดุดตาเราสุดๆ คงเป็นสบู่ก้อนกลมๆ ที่น่ารักจนอยากจับจองมาเป็นเจ้าของ สบู่ Felted Soap มีความโดดเด่นและแปลกตาตรงที่ห่อหุ้มด้วยและตกแต่งลวดลายด้วยเส้นใยเฟลท์จากขนแกะ ถักทอจนกลายเป็น Felted Soap

แอร์เป็นผู้ออกแบบ เธอวาดลายและส่งแบบให้คุณป้าชาวลิทัวเนียเป็นผู้ประกอบร่าง ห่อหุ้มสบู่ด้วยการนำขนแกะมาทอเป็นผืนด้วยเทคนิคโบราณที่เรียกว่า Wet felt (Wet felt คือการทำให้ขนสัตว์ติดกันกลายเป็นผ้าหนึ่งผืน) แล้วค่อยนำมาทำลวดลายด้วยการปักโดยใช้เข็มจิ้มๆ หรือที่เรียกว่า needle felting เสร็จจึงนำส่งกลับมายังประเทศไทย บอกเลยว่ากว่าจะได้มาแต่ละก้อนต้องใช้เวลาพอสมควรเลย

นอกจากจะมีหน้าตาที่น่ารักจนไม่กล้าหยิบมาใช้แล้ว คุณประโยชน์ยังไม่เป็นรองเพราะเป็นสบู่ที่ทำจากส่วนผสมธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์บำรุงผิวอย่างอ่อนโยนให้ความชุ่มชื่นจากส่วนผสมของน้ำมันมะกอก แถมเส้นใยขนแกะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอีกด้วย

เราเองก็มีโอกาสได้ไปรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ที่เวิร์กช็อปของ Sugar & Spice Club เป็นเวิร์กชอปจัดดอกไม้ที่พิเศษมาก เพราะเป็นคลาสเรียนแบบ 2 in 1 เรียนรู้การจัดช่อมินิบูเก้ทั้งดอกไม้ไทย อีกทั้งยังมีอาหารว่าง 2 มื้อถูกใจวัยรุ่นวัยกินอย่างเราเลยทีเดียว แถมทุกคนยังเป็นกันเองสุดๆ อีกด้วย

หากใครอยากใช้เวลาสนุกๆ เราอยากแนะนำให้ลองมาสัมผัสสิ่งใหม่ๆ กับบรรยากาศของ Sugar & Spice Club อย่างที่แอร์บอก “อยากให้มาเจอเพื่อนใหม่ตรงหน้า ว่าคนที่ชอบอะไรเหมือนกับคุณเป็นยังไง อยากให้มาเจออะไรใหม่ๆ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปพร้อมกับเพื่อนใหม่ๆ บางทีเราก็ได้เพื่อนเพิ่มขึ้นด้วย”