ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล

ก่อนได้รับขนานนามว่า “ซูเปอร์สตาร์เมืองไทย” พี่เบิร์ดมีสตอรี่ชีวิตอันเป็นที่จดจำและเต็มไปด้วยแง่คิด จากวัยเด็กที่เติบโตในย่านสลัมบางแค  จนมีโอกาสเข้าวงการบันเทิงจากการได้พบกับผู้จัดละคร วรายุฑ มิลินทจินดา และมีโอกาสเล่นละครเรื่องแรกในชีวิต คือ น้ำตาลไหม้ ในปี 2526 ก่อนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยมรางวัลเมขลา

ในปี 2527 เริ่มมีผลงานในวงการบันเทิงเรื่อยๆ ทั้งยังได้ร่วมประกวดร้องเพลงเวทีสยามกลการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในวงการเพลงในฐานะศิลปินแกรมมี่ นับแต่นั้นมา

ผลงานละครที่สร้างชื่อเสียงที่สุดคือบทบาท โกโบริ จากละครเรื่องคู่กรรม และผลงานเพลงอัลบั้มแรกคือ หาดทราย สายลม สองเรา เป็นศิลปินชายที่มียอดจำหน่าย 5 แสนตลับคนแรกของแกรมมี่  โดยซิงเกิลแรกที่เผยแพร่คือ “ด้วยรักและผูกพัน” “ฝากฟ้าทะเลฝัน” “บันทึกหน้าสุดท้าย” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง

นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลจากหลากหลายสาขา อาทิ รางวัลดาวเทียมทองคำ โค้ก มิวสิค อวอร์ด ของเพลง ‘ขอบใจจริงๆ’ และเพลง ‘เสียงกระซิบ’ รางวัลโทรทัศน์ทองคำและเมขลา ดารานำชายดีเด่น จากละคร ‘คู่กรรม’ ปี 2533 พิธีกรสปอตโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่า จากรายการดิสคัฟเวอรี สารคดีดังก้องโลก ปี 2543 รางวัล MTV ASIA AWARD สาขาศิลปินไทยยอดนิยมเพลง แฟนจ๋า ปี 2547 เป็นต้น  รวมทั้งคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ก็มีผู้ชมสูงสุดของไทย

จากชื่อเสียงที่ยาวนานทำให้สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติและสมาคมนักข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทยให้ฉายาพี่เบิร์ดว่า ‘ดาวค้างกรุ’ (ปี 2548) และ ‘ป๋าพันปี’ (ปี 2550) ขณะที่ผลสำรวจความนิยมของโพลล์แห่งหนึ่งพบว่า พี่เบิร์ดมีภาพลักษณ์ทั้งด้านความกตัญญู ความสามารถในการร้องเพลง การพัฒนาตนเอง การให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม และการเป็นแบบอย่างที่ดี ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

นี่ยังไม่นับรวมถึงความมีวินัยและเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตเชิงบวกให้กับผู้คนรายล้อม ซึ่งเรามักได้เห็นและได้รับผ่านบทสัมภาษณ์เรื่องราวชีวิตและผลงานของพี่เบิร์ดอยู่เสมอ และเมื่อเข้าไปสำรวจ Instagram ส่วนตัว (@birdthongchai) ก็ยิ่งช่วยการันตีภาพลักษณ์ดังกล่าวได้ดียิ่งขึ้น ทั้งคาแรกเตอร์ของความสนุกสนาน ความอบอุ่น เป็นมิตรกับทุกคน เป็นเสมือนบุคคลผู้เชื่อมต่อทุกรอยยิ้มและความทรงจำดีๆ เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหญ่แต่ไม่เคยเฉา ยังคงใส่ใจดูแลสุขภาพและยังคง Young at Heart ตลอดเวลา

ด้วยภาพลักษณ์และภาพจำเหล่านี้ ทำให้พี่เบิร์ด ยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลที่ครองใจผู้คนในหลากหลายเจเนอเรชั่น เป็นตัวแทนของความสุขและความน่าเชื่อถือที่ยังขายได้

เจาะตลาด 4 กลุ่มหลัก

ในแง่ของนักการตลาดยุคนี้ สิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ การมีตัวตนบนโซเชียลมีเดียที่แข็งแรงและมีผู้ติดตามจำนวนมากของแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยแบ่งได้ตั้งแต่ระดับ Nano-influencers มียอดผู้ติดตามอยู่ที่ 1,000-10,000 followers ไปจนถึง Mega-influencers มียอดผู้ติดตาม 1,000,000+ followers บนพื้นฐานการเลือกที่เหมาะกับสินค้า แนวทางการโปรโมต และกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก

สำหรับกรณีของ ททท. X พี่เบิร์ด ในครั้งนี้ เป็นการเลือกอินฟลูฯ ในระดับ Mid-tier influencers ที่มีผู้ติดตาม 50,000-250,000 followers มุ่งเน้นการสื่อสารไปยังทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมแคมเปญโฆษณาชุด ‘โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ’ พร้อมด้วยเพลง ‘ไปกันอีกสักที…ก็ดีนะ’ ที่ร้องโดยพี่เบิร์ด

พี่เบิร์ดถือเป็นศิลปินที่สามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวไทยได้ทั้ง 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้หญิง กลุ่ม Gen Y กลุ่ม Multi-Gen และกลุ่ม Active Senior ซึ่งครองสัดส่วน 70% ของประชากรไทย เห็นได้จากคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ดในแต่ละครั้งจะมีแฟนเพลงทุกเพศทุกวัย พร้อมการนำเสนอที่ครอบคลุมทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง และกิจกรรม TikTok Challenge ให้ทุกคนมีส่วนร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวของตนผ่านเพลง ‘เก็บ’ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

นี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักของ ททท.ในการแต่งตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งนี้ โดยตั้งเป้าปี 2566 จะมีการท่องเที่ยวในประเทศ 135 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 8.8 แสนล้านบาท

คาแรกเตอร์แห่งความทรงจำดีๆ

“เบิร์ดเป็นผู้สร้างความสุขผ่านเสียงเพลง ซึ่งเมื่อได้ยินเพลงของเบิร์ด-ธงไชย ก็ทำให้นึกถึงความทรงจำและช่วงเวลาดีๆ ในช่วงเวลานั้นเสมอ ตรงกับคอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์โฆษณา ‘โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ” ททท.พูดถึงแบรนด์แอมบาสเดอร์ล่าสุด

หากจะเปรียบว่าพี่เบิร์ดเป็นเสมือน Soft Power ของ ททท. ในการสื่อสารแคมเปญครั้งนี้ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงเพลงจากพี่เบิร์ดมักจะส่งต่อความสุข สนุกสนาน รวมไปถึงความอบอุ่นและเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะใน Gen B ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะในแคมเปญนี้

ที่สำคัญ การตลาดแบบปากต่อปากจากซูเปอร์สตาร์ที่ชื่นชอบและมีภาพลักษณ์ที่ดี ยิ่งถือเป็นรูปแบบการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การรับรู้และความสนใจในจุดหมายปลายทางที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ

ข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่า 77% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหลังจากได้ยินเรื่องนี้จากคนที่พวกเขาไว้วางใจ และภาพลักษณ์ของซูเปอร์สตาร์ชื่อ ธงชัย แมคอินไตย์ คือคำตอบที่ ‘ใช่’ สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้

เอเชียกับแอมบาสเดอร์ซูเปอร์สตาร์

การใช้ซูเปอร์สตาร์โปรโมตการท่องเที่ยวในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญและมีประสิทธิภาพที่หลายประเทศใช้มาตลอดหลายยุคหลายสมัย ด้วยหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์สามารถเชื่อมโยงทางอารมณ์และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว มีส่วนร่วมในการตลาดแบบปากต่อปาก ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ตลอดจนการส่งต่อประสบการณ์ที่ทัชใจนักท่องเที่ยว

สำหรับในเอเชียก็มีหลายประเทศที่ใช้แบรนด์แอมบาสเตอร์เป็นคนดังของประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเกาหลีใต้ ที่อาศัยกระแสเกาหลีฟีเวอร์ ใช้ซูเปอร์สตาร์เคป๊อปและดาราซีรีส์หลายคนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์โปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศ อาทิ BTS และ Blackpink รวมถึงนักแสดงและนักแสดงละครยอดนิยมอย่าง Lee Min-ho และ Song Hye-kyo

ปรากฏการณ์ ‘BTS Tourism Effect’ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาหลีเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นยุคทองของการท่องเที่ยวเกาหลี โดยเฉพาะจากประเทศที่มีฐานแฟนคลับ BTS ที่เหนียวแน่น แฟนๆ หลายคนได้รับแรงบันดาลใจให้ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในมิวสิกวิดีโอ เช่น แม่น้ำฮัน พระราชวังคยองบกกุง และสถานที่สำคัญอื่นๆ ในกรุงโซล

ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลักษณ์เชิงบวกของ BTS ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์โดยรวมของเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นวงการเคป๊อบ ความบันเทิงและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ขณะที่ ฮิโรชิ อาเบะ นักแสดงชื่อดังของญี่ปุ่นก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์จากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม มรดก และความสวยงามตามธรรมชาติอันรุ่มรวยของญี่ปุ่น ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ รวมถึงแคมเปญทางโซเชียลมีเดียและการท่องเที่ยว สารคดี แม้กระทั่งเพื่อนร่วมชาติอาเซียนอย่างมาเลเซีย ก็ใช้ชื่อเสียงของ Scha Alyahya นักแสดงและผู้จัดรายการทีวีโปรโมตการท่องเที่ยวเช่นกัน

ประเทศไทยเอง ก่อนหน้านี้ ททท. เคยร่วมงานกับตัวท็อปของวงการในยุคปัจจุบันอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ และ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยวผ่านกลยุทธ์การใช้อิทธิพลของซูเปอร์สตาร์ไม่ต่างกัน

หลังได้ชมภาพสวยๆ กับเพลงเพราะๆ และบรรยากาศแห่งความสุขในภาพยนตร์โฆษณา ‘โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ’ แล้ว ยอมรับว่าชวนให้หวนนึกถึงทริปเที่ยวครั้งก่อนๆ จนปลุกความรู้สึกอยากออกไปเที่ยวอีกครั้ง แต่จะปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้คึกคักและกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องได้ตามเป้าหมายที่ ททท.วางไว้ได้หรือไม่…คงต้องรอดูกันต่อไป

ถึงตอนนั้น…เราจะได้รู้ว่าพี่เบิร์ดยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ค้างฟ้าสำหรับคนรุ่นใหม่อยู่หรือเปล่า?

อ้างอิง : https://www.lightspeedhq.com/blog/how-to-find-an-influencer/?

https://music.trueid.net/th-th/detail/

https://www.thaiticketmajor.com/artist/thongchai-mcIntyre.html