ความรักในสินค้ามือสอง

ตอนนี้กระแสสินค้ามือสองกำลังแรงดีไม่มีตก โดยเฉพาะเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ กะพริบตาแป๊บเดียวราคาขยับขึ้นอีกแล้ว นี่เป็นโอกาสที่หลายคนกระโดดเข้ามาร่วมลงทุนสนามสินค้ามือสอง แต่สำหรับมะปราง การแต่งกายด้วยเสื้อผ้ามือสองไม่ได้ต่างอะไรจากการมองเห็นพี่สาวตัวเองนัก

“เรากับพี่อายุห่างกัน 15 ปี พี่ชอบใส่ยีนส์มือสองมาก แล้วก็เคยเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสองมาก่อน ตอนนั้นเรามองว่ามันเท่มาก พอเห็นพี่เคยเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสองมาก่อน ก็เลยอยากลองทำตามบ้าง”

มะปรางได้รับอิทธิพลความรักในสินค้ามือสองมาจากพี่เต็มๆ จนกระทั่งวันหนึ่งความรักเริ่มเป็นรูปร่าง กลายมาเป็นแอ็กเคานต์ออนไลน์ในชื่อกลิ่นสีและกาวแป้ง

ตอนแรกมะปรางลุยเข้าวงการเสื้อผ้ามือสองแบบซื้อมาขายไป ส่วนเรื่องกำไรไม่ต้องพูดถึง เธอเล่าขำขัน พอทดลองหยิบจับไอเดียจากแฟชั่นโชว์ ร่วมกับสไตล์การแต่งตัวของเพื่อนๆ มาวาดภาพออกแบบเสื้อผ้ามือสอง จนกลายมาเป็นคอลเลกชัน ‘จีบด้าย’ เสื้อจับจีบเข้ารูปพอดีตัว ให้ความรู้สึกเฟมินีนแต่ก็สามารถนำไปหยิบใส่เข้าคู่กับชุดอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสนุกในการแต่งตัวในอีกหลายมิติได้

อีกคอลเลกชันคือ ‘ใส่สวย’ เสื้อสายเดี่ยวคละลวดลาย มีให้เลือกหลายสีสัน สดใส พาสเทล ‘แบกหาม’ สินค้าขายดีที่ทำให้ยอดฟอลผู้ติดตามในอินสตาแกรมจากหลักพัน พุ่งสู่หลักหมื่นในเวลาไม่ถึงเดือน

แบกหามแตกต่างจากจีบด้ายและใส่สวย เพราะมันคือกระเป๋าที่ทำมาจากผ้าเช็ดหน้า 5 ผืน ซึ่งตั้งต้นมาจากความอยากลดการใช้ถุงพลาสติก ตอนแรกเธอแก้ไขปัญหาถุงพลาสติก ด้วยการนำผ้าหนึ่งผืนมาห่อให้มีลักษณะคล้ายกล่องเบนโตะ เพื่อห่อหุ้มเสื้อผ้าไว้ด้านใน จากนั้นก็แถมผ้าเบนโตะผืนนั้นไปให้ลูกค้าแบบฟรีๆ

“ผ้า 1 ผืนก็ราคา 15 บาทแล้วนะ ส่วนถุงพลาสติก 1 ถุง ราคามันไม่เกิน 1 บาทด้วยซ้ำ คำถามคือแล้วทำไมเราเลือกทำแบบนี้ หนึ่งคือเพื่อความสบายใจด้วยแหละ เราอยากเลิกใช้ถุงพลาสติกจริงๆ ส่วนสองคือเราสร้างร้านเสื้อผ้ามือสองขึ้นมา เพื่ออยากวนใช้ผ้าที่มันล้นโลกอยู่แล้ว แต่เวลาเราส่งของให้ลูกค้า เรายังใช้ถุงพลาสติกอยู่เลย ซึ่งแบบนี้ก็ไม่ถูกต้อง”

มะปรางไล่เรียงเล่าเรื่องถึงที่มาของเสื้อผ้าและสิ่งของรอบกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ขอย้ำอีกทีว่าไม่ใช่แค่บางส่วนเท่านั้น แต่ทั้งหมดมันคือสินค้ามือสองทั้งสิ้น

แฟชั่นคือความสนุก

มะปรางเล่าย้อนกลับไปช่วงเหตุการณ์วันแรกที่เริ่มก่อร่างร้านเสื้อผ้ามือสอง เธอใช้เวลาเดินทางถึง 7 ชั่วโมง เพื่อไปเลือกผ้าทุกผืนด้วยตัวเอง แน่นอนว่าพอเป็นหน้าใหม่ในวงการสินค้ามือสอง ของที่ได้กลับมาก็เป็นของเหลือจากลูกค้าเจ้าประจำ หรือบางที่ก็ไม่ยอมปล่อยของให้ แต่เพราะความรักกับความขยันของมะปราง พ่อค้าแม่ค้าเริ่มเอ็นดูขึ้น จากตอนแรกที่ซื้อผ้าได้เพียงแค่ 30 ผืน สู่การเหมาผ้าถึง 3,000 ผืน เพื่อไปสร้างสรรค์ให้กลายเป็นเสื้อผ้ามือสอง

“เราสร้างกลิ่นสีและกาวแป้งมาจากความรักในเสื้อผ้ามือสอง พอมาลองออกแบบเสื้อผ้าก็รู้สึกสนุกมาก เลยอยากให้ทุกคนสนุกกับการแต่งตัวไปกับเราด้วย”

เมื่อก่อนมะปรางไม่มั่นใจการแต่งตัวของตัวเอง ถ้าเปิดตู้เสื้อผ้าสมัยนั้นจะเห็นเสื้อผ้าโทนสีดำกับกางเกงสีเขียวเป็นหลัก เพราะมีปมในใจที่โดนล้อมาตั้งแต่เด็ก จนวันหนึ่งเธอกล้าปลดล็อกความกลัวในใจ แล้วหวังว่าเสื้อผ้าลายดอกไม้สีสันสดใสจากกลิ่นสีและกาวแป้ง คงจะทำให้ใครหลายคนกล้าออกจากความกลัวของตัวเองได้

แฟชั่นคือตัวบ่งบอกตัวตนของผู้นั้นได้เป็นอย่างดี มะปรางจึงเปิดพื้นที่ให้ทุกคนมาเลือกผ้าแบบที่ชอบ เพื่อมาสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าและกระเป๋าแบกหาม กฎกติกาง่ายๆ แค่ทุกคนเลือกผ้ามา 5 ผืน ระบุลวดลายไว้ว่าผืนไหนอยู่ด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลัง และถ้าใครอยากอยากมีกระเป๋าแบกหามก็เลือกผ้ามาเลย 3 ผืน จากนั้นก็รอให้มะปรางเสกผ้าเช็ดหน้ามือสองให้กลายเป็นสินค้าที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกได้เลย

“เรามีความเชื่อสุดใจว่า เสื้อผ้าที่มีอยู่บนโลกนี้เพียงพอสำหรับมนุษย์ทุกคนแล้ว ยิ่งถ้าเรานำเศษผ้าบางส่วนมาดีไซน์ใหม่ ใช้ซ้ำวนไปเรื่อยๆ เผลอๆ ผ่านไป 10 ชาติ เสื้อผ้าก็ยังไม่หมดไปจากโลก”

ใครอยากได้เสื้อผ้ามือสอง หรือกระเป๋าแบกหามที่ทำมาจากผ้าเช็ดหน้า อย่าลืมไปติดตามกลิ่นสีและกาวแป้งไว้นะ เพราะเขาจะมีประกาศกำหนดการออกอีเวนต์ทุกเดือน จะได้ไปเลือกผ้าแบบที่ชอบ พร้อมกับดูมะปรางเปิดจักรเย็บผ้าแบบสดๆ แถมได้สินค้าที่เราเลือกออกแบบเองกลับบ้านไปอีกด้วย หรือถ้าใครรอไม่ไหวก็ไป F เสื้อผ้าของกลิ่นสีและกาวแป้งก่อนก็ได้นะ