

No Place Like Home
‘บ้านมะกอก’ ไอเดียสเปซของ ‘โจ้ – นก’ เติมเต็มความมั่งคั่ง ลักชู และชีวิตติดบ้าน
- หลังจากรอคอยเวลาที่เหมาะสม โจ้กับนกตัดสินใจซื้อทาวน์โฮมย่านลาดพร้าว บ้านหลังนี้เพิ่งสร้างใหม่ แต่ทั้งคู่ไม่ลังเลที่จะทุบ-ยุบ-ทับ-ต่อเติมให้ตรงใจ แต่กลับไม่รีบร้อนเร่งตกแต่งบ้าน เพื่อรอและคัดสรรเฉพาะสิ่งที่ใช่เท่านั้น
จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อคู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกันกลับมีฝันเรื่องบ้านที่ต่างกันสุดขั้ว
โจ้ - พัทธ์ เพชรทอง บรรณาธิการบริหาร Esquire Thailand คนล่าสุด ฝันอยากมีบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมาตลอด ขณะที่ นก-กนกพร ศรีนาค ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ฝ่ายการตลาด บริษัท บีโอ เมริเยอร์ (ประเทศไทย) กลับแอบเทใจให้โมเดิร์นคอนโด
แล้วทำไมบ้านหลังแรกของพวกเขาถึงมาลงเอยที่ทาวน์โฮม 3 ชั้นย่านลาดพร้าว ?
มาตามเรื่องราวการเดินทางกว่าจะมาเป็น ‘บ้านมะกอก’ และค้นหาความหมายของบ้านหลังแรกนี้กัน
ถึงเวลาต้องมีบ้าน
เส้นทางสู่การมีบ้านเริ่มต้นจากความฝันที่ต่างกัน โจ้อดีตช่างภาพหนุ่มสายแฟชั่นผู้เติบโตมากับแม่ซิงเกิลมัมในห้องสตูดิโอเล็กๆ ฝันอยากมีบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ขณะที่นกผู้จัดการสาวบริษัทธุรกิจเมดิคัลที่เคยอยู่ทาวน์เฮาส์กับครอบครัวมาตลอด คิดอยากมีคอนโดเพื่อความคล่องตัว
ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ยังเช่าบ้านอยู่ เพราะโจ้อยากเก็บเงินก่อน แต่นกไม่เห็นด้วย “บอกโจ้ว่า ถ้ายังไม่ทำอะไรจะไปซื้อคอนโดอยู่เองแล้วนะ เพราะไม่อยากจ่ายค่าเช่าไปเรื่อยๆ เอาไปผ่อนคอนโดดีกว่า”
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อเพื่อนสนิทในแก๊งที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันมานานถึง 5 ปี ประกาศจะย้ายออก พอดีกับที่เจ้าของก็กำลังอยากได้บ้านคืน โจ้หัวเราะเล่าว่า “ทีนี้ก็บ้านแตก แต่นกน่าจะถูกใจ เพราะไม่อยากจ่ายเงินเช่าบ้านแล้ว”
สถานการณ์นี้เร่งให้พวกเขาต้องรีบหาที่อยู่ของตัวเอง โจ้ยืนยันว่า “ถ้าต้องผ่อนยังไงก็ต้องบ้าน” ขณะที่นกเอง “ถ้าโจ้อยากอยู่บ้าน นกก็ไม่ติด” ทั้งคู่ตั้งงบซื้อบ้านไว้ที่ 6-10 ล้านบาทตามฐานเงินเดือนและไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ คือ ทำเล – ต้องเดินทาง (เข้าเมือง) สะดวก เพราะโจ้ไม่ขับรถ แต่ต้องมีที่จอดรถให้นก (ผู้เคยเผชิญสงครามแย่งชิงที่จอดรถขั้นดุเดือดตอนอยู่บ้านเช่า)
โจทย์นี้สวนทางกับบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่โจ้อยากได้ ด้วยบ้านในเมืองราคาสูงเกินงบ แม้จะเปิดใจสำหรับบ้านมือสองในซอยอารีย์หรือประดิพัทธ์ที่ชอบ แค่ราคาที่ดินเปล่าก็สูงถึง 30 ล้านแล้ว เป็นคนอื่นคงหาทางออกด้วยการออกไปย่านชานเมืองที่บ้านราคาบ้านจับต้องได้มากขึ้น แต่ไม่ใช่สำหรับคู่นี้
“คงเป็นความฝังใจของเรา ผมเคยอยู่ร่มเกล้า ออกจากบ้าน 6 โมงเช้า เพราะมีสอบที่จุฬาฯ ตอน 9 โมง ปรากฏผมมาไม่ทัน ช้าไป 20 นาทีเลยหมดสิทธิ์เข้าสอบ” นกพยักหน้าเข้าใจและเสริมว่า “ส่วนบ้านนกอยู่ฝั่งกรุงเทพตะวันออก เคยเจอรถติดหนักจนต้องจอดรถทิ้งกลางทาง แล้วโบกมอเตอร์ไซค์บึ่งไปให้ทันนัด เราเลยจะไม่ออกไปอยู่ไกลแบบนั้นอีก”
ปรับความฝันให้เข้ากับความจริง
เพื่อความสะดวกของโจ้ที่ไม่ขับรถ ทั้งคู่มุ่งหน้าหาบ้านย่านรามคำแหง-ลาดพร้าว ก็ยังไม่เจอหลังที่ใช่ แต่จู่ๆ โชคชะตาก็เข้าข้าง “ผมออกกำลังกายเสร็จตอนค่ำ กำลังออกจากสถานีห้วยขวางกลับบ้าน รอบข้างมืดๆ ไม่ค่อยมีคน แต่ป้ายโฆษณาหนึ่งสว่างเด่นมาก เหมือนซีนในหนังเลย” โจ้หัวเราะก่อนเล่าต่อ “ผมรีบโทร.บอกนกว่า มีหมู่บ้านในลาดพร้าว 80 ทะลุมาจากรัชดา-ห้วยขวางได้ ราคาสตาร์ตแค่ 4.5 ล้าน”
ราคาได้ – ทำเลใช่ – ได้บ้านใหม่ด้วย สองคนตื่นเต้นและมีความหวังขึ้นมา แทบรอให้ถึงสุดสัปดาห์เพื่อเข้าชมโครงการจริงไม่ไหว แต่เมื่อไปเห็นบ้านจริง กลับไม่เป็นอย่างที่คิด “ความรู้สึกแรกคือ… ช็อก! ความประทับใจแรกแย่มาก ทางเข้าเป็นซอยโรงงาน ดูยึกยือ ไม่น่าเดินเข้ามาได้ อย่างที่ทุกคนพูดว่า ใครจะนึกว่าจะมีหมู่บ้านในนี้” โจ้เล่าให้ฟัง “แต่พอเข้ามาถึงหมู่บ้าน ผมชอบแฮะ! บ้านเรียงเป็นแถวตรง ดูเป็นระเบียบ ไม่รุงรังดี”
เมื่อเข้าไปในบ้าน โจ้ถูกใจโครงสร้างที่มีเพดานสูง เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนสเปซใช้สอย “ทาวน์โฮมส่วนใหญ่มักทำบันไดไว้กลางบ้าน แต่หลังนี้บันไดอยู่ชิดฝั่งนึงเลย ผมค่อนข้างชอบการจัดสเปซแบบนี้” แม้ต้องยอมตัดใจจากบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมาเป็นทาวน์โฮม โจ้ก็ขอเลือกเฉพาะหลังริมเท่านั้น “อย่างน้อยฝั่งนึงก็จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่ติดกับใคร”
จุดเด่นของหมู่บ้านนี้คือเพิ่งเปิดขายได้ปีเดียว พวกเขาจึงโชคดีได้เข้ามาดูบ้านขณะสร้างเฟสใหม่ “เลยได้เห็นโครงสร้างบ้านเต็มๆ เหมือนเห็นผ้าใบเปล่า พอเห็นโครงสร้างกับความสูงเพดาน ก็คิดออกเลยว่าจะปรับเปลี่ยนตรงไหนได้บ้าง ส่วนไหนไม่ต้องการยังนำมาต่อรองราคาบ้านได้ด้วย
“หลังเข้ามาดูบ้านแค่ 2 วัน เราก็จิ้มเลือกหลังริมแล้ววางมัดจำเลย เร็วมาก ทุกคนช็อกตกใจ” นกเล่าพร้อมหัวเราะ
เขียวมะกอก…บอกตัวตน
เมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน สายตาจะหยุดอยู่ที่ผนังสีเขียวมะกอกที่ดูแปลกตา แต่ชวนให้สบายตาอย่างประหลาด “ผมอยากให้บ้านหลังนี้ ‘สบายตา สบายใจ สบายตัว’ พอเข้ามาแล้วก็โลกของผมเลย ผมตีความคำว่า ‘สบาย’ เป็นโทนสีนี้” โจ้เล่าถึงแรงบันดาลใจ
สีเขียวมะกอกนี้เกิดจากการผสมผสานสีโปรดของทั้งคู่คือสีเขียวกับสีน้ำเงิน แล้วค่อยๆ ปรับเฉดจนได้โทนสีที่ใช่ “ทีแรกกังวลกันว่าจะเขียวไปไหมนะ หรือจะหม่นไปหรือเปล่า เพราะเลือกจากตัวอย่างสีขนาดเล็กๆ ไม่รู้ว่าพอทาผนังทั้งบ้านจะออกมาเป็นยังไง” นกเล่า แต่เมื่อทาจริง กลับได้โทนเขียวกำลังดี ไม่เข้มจนปวดหัว ไม่ซีดจนดูหมอง
นอกจากสีที่ถูกใจแล้ว โจ้ยังใช้เทคนิคการทาสีผนังแบบทูโทนเขียว-ขาวมาแบ่งโซนแทนการกั้นห้อง เพื่อให้บ้านดูโปร่งโล่งรับกับเพดานที่สูงเกือบ 3 เมตร สีขาวที่เลือกใช้อยู่ใน Pantone เดียวกับสีเขียว เติมความรู้สึกอบอุ่นจากสีน้ำตาลของพื้นไวนิลลายไม้ที่มีพื้นผิวนุ่ม ไม่ลื่น เดินสบายเท้า และช่วยลดแรงกระแทกหากลื่นล้ม ดีกว่าพื้นลามิเนตเดิมของโครงการที่เสี่ยงลอกและบวมเมื่อโดนน้ำ แต่อันนี้ช่างปูเสร็จแล้ว เลยตัดสินใจให้ปูทับไปเลย
“ผมเชื่อว่า บ้านจะสวยง่ายมากถ้าพื้นกับผนังสวย เมื่อสองอย่างนี้ลงตัว ยิ่งได้เพดานสูงด้วย ยิ่งปรับแต่งง่ายเลย ผมเลยใส่ใจกับสองส่วนนี้เป็นพิเศษ”
การได้เข้ามาดูบ้านตั้งแต่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้เขาปิ๊งไอเดียและจินตนาการได้ชัดเจนกว่าการซื้อบ้านสำเร็จรูป ขณะที่นกขอแค่พื้นที่ใช้สอยที่สะดวกและลงตัว โชคดีที่ทั้งคู่มีรสนิยมใกล้เคียงกัน โจ้จึงรับหน้าที่ดีไซน์เลย์เอาต์และฟังก์ชันทั้งหมด
“ถ้าเราซื้อตอนสร้างเสร็จแล้ว คงต้องรื้อทำใหม่เยอะ งบคงบานปลาย” แต่ “ซื้อปุ๊บทุบปั๊บยังมีอยู่จริง” โจ้หัวเราะเขาดีไซน์พื้นที่ทั้ง 3 ชั้นให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน ชั้นล่างเป็นโซนครัวและโต๊ะอาหาร ชั้นสองเป็นลิฟวิงรูมและมุมทำงาน ส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องนอน แต่ละโซนไหลลื่นเชื่อมต่อกัน สะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้านผ่านทุกรายละเอียด

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง
ครัว – Game Changer ที่ไม่คาดคิด
สิ่งแรกที่โจ้ทำหลังซื้อบ้านคือเปลี่ยนประตูหน้าบ้านให้ใหญ่และสูงขึ้น “ผมชอบบ้านที่โปร่งและชอบแสงแดด อยากมองออกไปข้างนอก แม้วิวจะเป็นแค่บ้านข้างๆ ก็เถอะ การมีแสงส่องเข้าบ้าน ทำให้ผมรู้สึกดี น่าจะเป็นบ้านเดียวในหมู่บ้านที่ไม่ทำหลังคาโรงรถ”
จุดเด่นของชั้นล่างคือพื้นที่เปิดโล่งที่มีโต๊ะอาหารเป็นศูนย์กลาง แม้ตั้งใจให้ห้องนั่งเล่นหลักอยู่ชั้น 2 แต่เมื่อเพื่อนๆ มาบ้าน ก็มักนั่งเล่น – กิน – เมาท์กันที่ชั้นล่าง “วันแรกที่ย้ายเข้ามา เรายังไม่มีโต๊ะอาหารเลย ต้องนั่งกินข้าวกับพื้น” นกเล่าด้วยรอยยิ้ม “เพราะเราไม่อยากรีบซื้อของมาแค่เพื่อให้มี แต่อยากรอให้เจอของที่ใช่จริงๆ แม้จะต้องนั่งกินกับพื้นไปก่อนก็ยอม”

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง
การต่อเติมสำคัญของบ้านคือโซนครัวด้านหลัง โดยก่อผนังเพิ่ม 3 ด้าน วางงานระบบน้ำไฟใหม่หมด เปลี่ยนจากพื้นที่ซักล้างเดิมที่โล่งแจ้งมีเพียงปั๊มน้ำ ให้กลายเป็นครัวร้อนครบครัน ติดประตูกระจกเพื่อแบ่งโซนครัวกับพื้นที่ซักล้างที่เพื่อรักษาความเอาต์ดอร์ไว้
แต่แล้วก็เกิดความผิดพลาดครั้งแรก เพราะความชอบแสงธรรมชาติ โจ้ตัดสินใจเปลี่ยนจากการก่อผนังปูนทึบทั้ง 3 ด้าน มาติดบล็อกแก้วแทน เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาได้ แต่โจ้ลืมคิดไปว่า บล็อกแก้วให้แสงผ่านได้จริง แต่ลมกลับเข้าออกไม่ได้ด้วย
“มาฉุกคิดได้ตอนเห็นช่างปาดเหงื่อก่อปูนติดบล็อกแก้วอยู่ ผมยอมเสียค่าบล็อกแก้วที่เพิ่งทำเสร็จและเสียค่าแรงเพิ่ม ให้ช่างทุบทิ้งออกหมด แล้วเปลี่ยนมาติดหน้าต่างแทน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้”
“โซนครัวเป็นสิ่งที่นกอยากได้ เพราะสเปซที่โครงการให้มา เหมาะแค่ใช้ไมโครเวฟ ต้มผัดแกงทอดไม่ได้” ในท้ายที่สุด ครัวเสร็จออกมาสวยสมใจ หายเหนื่อยจากการเลือกทุกอย่างเอง รวมถึงลายกระเบื้องปูพื้น และกลายเป็นพื้นที่ที่ใช้งานคุ้มค่ามากที่สุดในบ้าน “Game Changer มาก ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำอาหาร พอมีครัว กลายเป็นว่าผมชอบทำอาหารเฉยเลย”
ครัวกลายเป็นพื้นที่ที่เปลี่ยนชีวิตพวกเขาโดยไม่คาดคิด โดยเฉพาะโจ้ที่ตอนนั้นเพิ่งออกจากงานประจำและกำลังมองหาสิ่งที่อยากทำ ก็เจอช่วงโควิด-19 พอดี “ผมเห็นนกอบขนมปัง แล้วเห็นรูปพายสวยดีเลยลองทำ ปรับสูตรไปมาจนนำไปสู่ธุรกิจเล็กๆ อย่าง ‘เอะอะอบ’ ที่รับออเดอร์พายไม่ต่ำกว่า 200 ถาด โจ้หัวเราะก่อนเล่าต่อ “ตอนทำครัว ผมยังปฏิเสธไม่เอาเตาอบ แต่สุดท้ายกลายเป็นผมใช้เยอะกว่านกอีก ผมพูดเลยว่า ‘ถ้าของอะไรในครัวพังไป ผมไม่เสียใจเลย เพราะใช้งานเกินคุ้ม’”

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง
พื้นที่ส่วนตัวที่ออกแบบเพื่อความสุข
ขึ้นมาถึงชั้น 2 ในฐานะทาสแมว เราแอบปลื้มกับมุมเล็กๆ ติดหน้าต่างที่โจ้ให้ช่างเอาราวกั้นออก แล้วจัดเป็นที่วางที่นอนของแกนดัล์ฟ เจ้านายสี่ขาสีขาวดำที่ครองใจทั้งบ้าน ชั้นนี้โจ้ทุบผนังออกให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบชั้นลอย ผนังยังใช้สีเขียวมะกอกเป็นหลัก แต่แอบเติมผนังขาวมาสร้างมิติที่น่าสนใจ
จุดสะดุดตาคือโซฟาหนังกลับสีน้ำตาลเข้มที่โซนลิฟวิงรูมและมุมดูหนัง “นี่คือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรกของบ้าน ราคาถือว่าแพงสำหรับเราตอนนั้น แต่ผ่านมา 6 ปีแล้วยังรู้สึกว่าสวยและอยากนั่งทุกครั้ง นี่แหละคือความคุ้มค่า” โจ้เล่าพร้อมลูบมือไปตามพนักพิง “ดัล์ฟไม่ค่อยไปนอนที่นอนตัวเอง แต่ชอบมานอนขดบนโซฟา แต่ไม่ต้องกังวลว่าดัล์ฟจะมาลับเล็บข่วนโซฟาไหม เพราะดัล์ฟจะข่วนก็เฉพาะหนังเทียมเท่านั้น” (หัวเราะ)
ถัดมาคือมุมทำงานส่วนตัวที่นกรีเควสต์ โจ้ใช้ชั้นหนังสือทรงสูงกั้นแบ่งพื้นที่กับโซนลิฟวิงรูม “โต๊ะทำงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนก เราวางแผนตั้งแต่ต้นว่า แต่ละส่วนจะใช้ทำอะไร ทุกอย่างต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง” ส่วนห้องที่เหลือในชั้นนี้ตั้งใจให้เป็นห้องแขก แต่ตอนนี้เป็นห้องเก็บของไป ก่อน”

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง
ชั้น 3 คือห้องนอนใหญ่ที่เกิดจากการรวม 2 ห้องเข้าด้วยกัน ยังคงสีเขียวมะกอกและเพิ่มม่าน Pitch Black ที่ปิดแล้วมืดสนิท “อยากเข้าห้องมาแล้วรู้สึกง่วงนอน ม่านช่วยให้พักผ่อนได้เต็มที่”

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง
อีกตัวช่วยสำคัญของการนอนให้มีคุณภาพคือฟูกที่หนาพิเศษจากแบรนด์เครื่องนอนดัง “ผมว่าที่นอนเปรียบเหมือนแท่นชาร์จแบตของเรา ถ้าชาร์จดีก็เหมือนเราให้รางวัลตัวเองทุกวัน” ความสะดวกสบายยังขยายไปถึงตู้เย็นมินิสีครีมสำหรับแช่ครีมบำรุงผิว “บ้าน 3 ชั้น ถ้าอยากทาครีมเย็นๆ จะลงไปข้างล่างก็ไม่สะดวก” ถึงอย่างนั้น โจ้ก็รออยู่หลายปีกว่าจะเจอตู้เย็นสีครีมอย่างที่อยากได้

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง
ส่วนสุดท้ายคือตู้เสื้อผ้าบิวต์อินขนาดใหญ่ที่ปิดหน้าต่างฝั่งหนึ่งไปเลย “นี่เป็นเฟอร์นิเจอร์บิวต์อินชิ้นเดียวในบ้าน ปกติแนะนำทุกคนว่า ‘อย่าบิวต์อิน’ เราจะปรับเปลี่ยนมุมได้ตลอด แต่ตู้เสื้อผ้านี้ต่างออกไป เพราะเราเสื้อผ้าเยอะมาก ถึงกับต้องรีวิวเสื้อผ้ากันทุกปี การจัดระเบียบดีๆ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ” โจ้ยืนยัน

เครดิตภาพ: โจ้ – พัทธ์ เพชรทอง
บ้านกับความผูกพัน
จากประสบการณ์ 6 ปีในการเป็นเจ้าของบ้าน โจ้กับนกได้เรียนรู้บทเรียนที่อยากแบ่งปัน
รู้จักตัวเองก่อนเลือกบ้าน การเลือกบ้านสักหลังไม่ใช่เพียงเรื่องงบประมาณ แต่ต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แท้จริง พวกเขาแนะนำให้ ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด หาข้อมูลอ้างอิง และไปเดินงานแฟร์บ้านเพื่อเก็บข้อมูลและอัปเดตความรู้
ใจเย็นในการตัดสินใจ ไม่ต้องรีบร้อนแต่งบ้านให้เสร็จทีเดียว ควรค่อยๆ เลือกสิ่งที่ใช่จริงๆ โจ้เล่าว่า “บ้านคือที่เราอยู่จริง ไม่ใช่การเซ็ตถ่ายรูป ฉะนั้น ไม่ต้องรีบ ของทุกอย่าง คิดให้ดีก่อนซื้อ” สิ่งที่เลือกต้องมีฟังก์ชันใช้งานจริงได้ด้วย ไม่ใช่แค่สวยแต่รูป
วางแผนการเงินระยะยาว ต้องมองไกลและวางแผนการเงินให้เหมาะกับการผ่อนบ้าน โจ้ยังเตือนคนรุ่นใหม่ว่า “ถ้าไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ควรใช้ชีวิตก่อน ผมไม่เห็นด้วยกับการรีบมีภาระในชีวิตด้วยการผ่อนบ้าน แต่ไม่ให้โอกาสตัวเองในการออกไปเห็นโลก” โจ้ยังเล่าถึงรายการการเงินในเน็ตฟลิกซ์ที่บอกไว้ว่า ทุกคนต้องนิยามความมั่งคั่งของตัวเองให้ได้ สำหรับโจ้การมีบ้านคือความมั่งคั่ง
บ้านคือการลงทุนในคุณภาพชีวิต สำหรับโจ้และนก บ้านมะกอกหลังนี้ไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่มอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ทั้งคู่ การเป็นหนี้ก้อนใหญ่จึงกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าใน “ผมไม่รู้ว่าคนอื่นตีความคำว่าหรูหราไว้ยังไง แต่สำหรับเรา การทำสลัดผักกินเองที่บ้าน เลือกได้ว่าอยากใส่ผักอะไร นี่คือความหรูหรา จนไม่คิดว่าตัวเองจะได้ชีวิตแบบนี้ บ้านทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น”
นกเสริมด้วยรอยยิ้ม “จากที่เคยนัดเพื่อนไปกินข้าวนอกบ้าน กลายเป็นเพื่อนๆ มาที่บ้าน เราแฮปปี้มากกว่าที่จะปาร์ตี้ที่บ้านมากกว่า ไปไหนก็รู้สึกคิดถึงบ้าน” นกบอกพร้อมรอยยิ้ม
บ้านหลังนี้อาจไม่ใช่บ้านที่สมบูรณ์แบบ ยังมีบางมุมที่รอการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับโจ้และนก นี่คือพื้นที่ที่พวกเขา “รู้สึกสบายตัวสบายใจ” และ “อยากกลับบ้าน” ซึ่งอาจเป็นนิยามที่แท้จริงของบ้านที่สุด