About
NEWS

Specialty Coffee

แสนสิริ จับมือพันธมิตรสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม ปั้นศูนย์กาแฟครบวงจร

เรื่อง ONCE-team
Date 18-11-2025 Views 140

แสนสิริ จับมือพันธมิตรสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม ปั้นศูนย์กาแฟครบวงจร

“กาแฟที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติ แต่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย” นี่คือหนึ่งของมอตโตสำคัญในการเปิดตัว ‘ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร’ บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ของ ‘แสนสิริ’ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤจิกายนที่ผ่านมา

แสนสิริ

แสนสิริ

วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) และความร่วมมือครั้งนี้ แสนศิริ ดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ Saen Chai Estate เกษตรกรต้นแบบจาก อ.กัลยาณิวัฒนา
BEANS Coffee Roaster (บีนส์ คอฟฟี่ โรสเตอร์) และตัวแทนผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมกาแฟพิเศษไทยที่จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาโครงการศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจรนับจากนี้ไป

แสนสิริ

การเข้ามาในวงการกาแฟพิเศษครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแสนสิริ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้เคยสนับสนุนเกษตรกรดอยผาฮี้เพื่อทำ ‘แสนสิริ ซิกเนเจอร์ เบลนด์ คอฟฟี่’ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 และยังมีโครงการเพื่อสังคมที่โดดเด่นอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โครงการ Zero Dropout (เด็กทุกคนต้องได้เรียน) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และการริเริ่ม Football Academy เพื่อพัฒนาเยาวชน

แสนสิริ

แสนสิริ

ถึงแม้ว่า ‘ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร’ จะเป็นโปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมล่าสุด แต่แสนสิริก็ได้มีการสนับสนุนด้านกาแฟและชุมชนมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านั้น เช่น โครงการริเริ่มสนับสนุนกาแฟจากเกษตรกร สำหรับเสิร์ฟใน Sansiri Lounge, สำนักงานขาย, และเครือโรงแรม โครงการ Future Harvest ซึ่งสนับสนุนต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีกว่า 5,200 ต้นให้เกษตรกร 15 รายในพื้นที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เพื่อทดแทนพืชหมุนเวียนและช่วยรักษาสภาพป่า

แสนสิริ

การเปิดศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การยกระดับกาแฟธรรมดาให้เป็น Specialty Grade ที่มีคะแนน 85+ ด้วยองค์ความรู้ด้าน Farm Management ไปจนถึงการจัดการของเสีย (Waste Management) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สามารถอัปเกรดราคาขายได้สูงขึ้นถึง 3-5 เท่าตัว หรือมีมูลค่าสูงถึง 500 – 3,000 บาทต่อกิโลกรัม หากมีคุณภาพและมี Storytelling ที่น่าสนใจ

แสนสิริ

รู้หรือไม่ว่า… แม้คนไทยจะบริโภคกาแฟสูงถึง 90,000 ตันต่อปี แต่เรายังต้องนำเข้าถึง 60,000 ตัน เพราะเกษตรกรไทยสามารถปลูกกาแฟได้แค่ 30,000 ตันต่อปี และที่น่าจับตาคือ ‘ตลาดกาแฟพิเศษ’ (Specialty Coffee) ที่แม้จะมีสัดส่วนเพียง 6,000–7,000 ตัน แต่กลับมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 173% ในปีช่วง 2 ที่ผ่านมา

ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จึงตั้งใจเป็น ‘โมเดลยั่งยืนต้นแบบ’ ในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยมีแผนการดำเนินงาน 5 ปีเพื่อวางรากฐานสำคัญ

• ปี 2026-2027 วางรากฐานและขยายการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการปลูกกาแฟสู่เกษตรกรในและนอกพื้นที่
• ปี 2028 มุ่งเน้นนวัตกรรม Biochar เพื่อตรวจสอบและพัฒนาสายพันธุ์กาแฟ
• ปี 2029-2030 สร้างเครือข่ายกาแฟพิเศษในต่างประเทศ และก้าวสู่การเป็น โมเดลยั่งยืนต้นแบบศูนย์การเรียนรู้กาแฟครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ

แสนสิริ

แสนสิริ

หนึ่งในความตั้งใจสำคัญในการเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปคือองค์ความรู้ ครอบคลุมตั้งแต่ Farm Management แนวทางการ Process กาแฟ วิธีการผลิต และการต่อยอดไปสู่กาแฟพิเศษ โดยเริ่มตั้งแต่ กระบวนการคัดเลือกเมล็ด การตากกาแฟ การจัดการของเสีย เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้กาแฟธรรมดากลายเป็น Specialty ยกระดับราคาสูงขึ้น 3-5 เท่าไปจนถึงการตวรจสอบสายพันธุ์ ซึ่งจะมีวิธีการทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์

แสนสิริ

ศูนย์การเรียนรู้ฯ ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Farm Stay) เพื่อให้เข้ามาเรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟพิเศษอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างรายได้เสริมให้ชุมชน รวมถึงผู้เยี่ยมชมก็สามารถเรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟได้ตั้งแต่ต้นจนจบในที่เดียวด้วย

แสนสิริ

นอกจากนี้อาจมีการต่อยอดในอนาคตร่วมกับ BEANS Coffee Roaster แบรนด์กาแฟสเปเชียลตีที่ขยายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปแล้วประมาณ 21 สาขา โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เข้าถึงได้และมีทางเลือกหลากหลายให้ผู้บริโภค ทั้งเรื่องรสชาติ ไลฟ์สไตล์ และซับคัลเจอร์อื่นๆ ทั้งยังมีโอกาสที่จะเปิดเป็น ‘Academy’ สำหรับผู้สนใจการคั่วกาแฟไปจนถึงการเป็นบาริสตาและงานบริการเพื่อรองรับการเติบโตหากมีโอกาสขยายสาขาไปยังต่างประเทศในอนาคต รวมถึงการทำกิจกรรมเชิง CRM ร่วมกับลูกบ้านแสนสิริอีก

Tags: