Smile, You’re in Charoenkrung
ธุรกิจนอกตำราของ Fotoclub BKK ร้านล้างฟิล์มที่ขอสร้างชมรมถ่ายภาพให้คนเห็นค่างานศิลป์
- ชวนมองภาพธุรกิจนอกตำราของ Fotoclub BKK ร้านล้างฟิล์มที่ทำมากกว่าแค่ล้างฟิล์ม เรียกตัวเองว่าเป็นดั่งชมรมถ่ายภาพ และบันทึกเรื่องราวของสมาชิกทุกคนที่สะพายกล้องผ่านมายังย่านเจริญกรุง
Fotoclub BKK คือร้านล้างฟิล์มที่มีตัวหนังสือสีแดงเขียนเป็นคำว่า เจริญกรุง บนตึกสูงสามชั้น ตั้งเด่นอยู่ตรงหัวมุมถนนเจริญกรุง 32 ภายในร้านตกแต่งด้วยภาพถ่าย Steve McCurry ขณะชะเง้อมองเข้ามาที่ร้าน ฟิล์มในตู้วางเรียงราย มีตั้งแต่ Film Never Die ไปยันฟิล์มเอฟเฟกต์ฝีมือคนไทย
เรามีนัดคุยกับ เจต-สุรเจต โภคมั่งมี หุ้นส่วนเจ้าของร้าน Fotoclub BKK
แรกเริ่มเจอกัน แทนที่จะเปิดประเด็นเรื่องธุรกิจร้านล้างฟิล์ม เจตเลือกพาเราไปยังชั้นสอง ก่อนจะจำลองการกำเนิดกล้องถ่ายภาพให้เราดู
ในห้องที่ถูกทำให้มืดที่สุด และเหลือไว้เพียงช่องเล็กๆ ให้แสงลอดผ่านเพียงจุดเดียว ลำแสงนั้นสะท้อนภาพถนนเจริญกรุง 32 กลับมาไว้บนผนังฝั่งตรงข้าม ราวกับมันคือโปรเจกเตอร์ฉายภาพขนาดย่อม เราเห็นถนนที่มีรถวิ่งขวักไขว่ไปมา เงาจากสายไฟฟ้าเส้นหนานั้นดึงสายตาเราที่สุด
เจตอธิบายว่าถ้าห้องนี้มืดพอ มันจะสามารถเห็นได้ครบมุม 360 องศา ถ้ารูรับแสงใหญ่ ภาพก็จะสว่างขึ้น รูรับแสงเล็ก ภาพจะมืดลงและชัดขึ้น พร้อมกับปรับรูรับแสงเป็นตัวอย่างให้เราดู
เราหลุดปากพูดคำว่า เจ๋งมาก ขณะยืนมองภาพถนนเจริญกรุงที่เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้ กำลังฉายกลับหัวอยู่ในห้อง และนั่นก็ทำให้เริ่มเข้าใจในทันทีว่า Fotoclub BKK เป็นร้านล้างฟิล์ม ที่ไม่ได้ทำแค่ล้างฟิล์มแน่นอน
“จุดยืนของร้านเราคือให้คนมาเห็นอะไรแบบนี้ แทนที่จะไปอ่านในหนังสือ นี่มันเป็นศาสตร์ที่มีมาเป็นพันปี เราแทบจะไม่รู้เลย ทั้งที่ทุกวันนี้เราบ้ากล้อง เราชอบถ่ายรูปมากกันทุกคน” เจตพูดในความสลัว
หลังจากดูการจำลองการกำเนิดของกล้องถ่ายภาพ และผ่านห้องมืดที่ชั้นสองมาแล้ว เราทั้งหมดก็หยุดคุยกันที่คาเฟ่ The Hidden Milkbar สีสันสดใสชั้นบนสุด
Photo club
“ย้อนกลับไปสมัยเรียน 20 ปีก่อน เราอยู่ชมรมถ่ายภาพของโรงเรียน เพราะบ้าถ่ายรูปมาก มันเลยปลูกฝังให้เรารักการถ่ายรูปมาตลอด ยิ่งยุคนั้นป้ายยากันหนักเลย ต้องซื้อๆ เลนส์นี้ต้องมี สเปก บอดี้ คุยแต่เรื่องกล้องจนอ้วกจะแตก”
หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่เมลเบิร์นมาเกือบ 15 ปี เจตค้นพบว่าเมื่อกลับถึงเมืองไทย เวลาทุกเสาร์-อาทิตย์จะจมหายไปกับการไปห้างสรรพสินค้า เพื่อหากิจกรรมคลายเบื่อ เพื่อนร่วมชมรมถ่ายภาพสมัยเรียนจึงชวนกันออกไปถ่ายรูป และปั่นจักรยานตามที่ต่างๆ มากเข้าๆ จนเกิดคำถามกันว่าถ้าจะถ่ายบ่อยขนาดนี้ ทำไมไม่เปิดร้านด้วยกันไปเลย
เจตเองแวะเวียนมาถ่ายรูปแถวเจริญกรุงอยู่เสมอ และสัมผัสได้ว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งย่านที่เต็มไปด้วยความสวยงาม และเป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น ถ้าหากจะต้องเปิดร้านสำหรับชมรมคนรักการถ่ายภาพ ที่นี่คงเป็นทำเลที่เหมาะที่สุด
เจตเล่าต่อว่ากว่าจะโปรโมตจริงจังว่าตัวเองเป็นร้านล้างฟิล์ม ก็กินเวลาไปเป็นปีเลย ลูกค้าที่เข้ามาทั้งในออนไลน์ ออฟไลน์จะถามตลอดว่า ร้านนี้รับล้างฟิล์มไหม ร้านนี้ขายฟิล์มไหม แม้แต่เดินเข้ามาในร้านแล้วก็ยังถาม
หากไม่ใช่แค่ร้านล้างฟิล์มแล้ว Fotoclub BKK ทำอะไร ?
“เราจัด Photo Walk เราจัดกิจกรรม แปลว่าแทนที่เราจะบอกให้เขามาล้างฟิล์มกับเรา เราชวนให้เขามาถ่ายรูปกับเรา อาจจะเป็นการทำการตลาดที่ผิดไปมากๆ เพราะมันคือการชวนมาสนุกด้วยกันก่อน อ้อมไปไกลกว่าจะกลับมาขายของ”
“ร้านนี้เกิดขึ้นมาจากความรัก ความชอบ สำหรับผมไม่ใช่แค่การต่อยอดธุรกิจ แต่เป็นการทำอะไรบางอย่างเพื่อสังคม และหุ้นส่วนทุกคนก็เห็นภาพตรงกัน”
เพราะชมรมถ่ายรูปสมัยเรียนนี่เอง ที่พาเจตมาเจอกับความรักในการถ่ายภาพ เพื่อนๆ ที่รักสิ่งเดียวกันก็กลายมาเป็นหุ้นส่วนบุคคล จนก่อเกิดเป็น Fotoclub BKK
Photo Walk
ตลอด 5 ปี Fotoclub BKK จัดกิจกรรม Photo Walk ไปนับร้อยครั้ง จนเจตเองก็นับตัวเลขชัดๆ ให้เราฟังไม่ถูก โดยความสนุกของการเดินถ่ายภาพ หรือ Photo Walk ที่ทางร้านจัดขึ้นนั้น คือการที่ผู้เข้าร่วมจะได้ถ่ายภาพของย่านเจริญกรุงด้วยคอนเซปต์ที่แตกต่างไปในแต่ละครั้ง อาจจะเป็นคอนเซปต์ถ่ายอาหาร ถ่ายตึกเก่า ถ่ายฟิล์มขาวดำ และอีกมากมาย
“น่าจะเป็น Photo Walk ครั้งแรกของเราที่มีคนมาเดินประมาณ 90 คน นับเป็นประวัติศาสตร์เลย คือคนเต็มถนน ปกติเดิน 10 คนก็แย่ละ เราไปถ่ายใคร เขาก็จะแตกตื่น แต่วันนั้นกลายเป็นแตกตื่นในรูปแบบที่ดี ชาวบ้านเห็นคนขนาดนี้มาถ่ายรูป เขาก็ไปเรียกบ้านข้างๆ เรียกตุ๊กตุ๊กมาให้ถ่าย เป็นความสนุกในหลายๆ มิติของการทำกิจกรรม” เจตเล่าพร้อมกับชี้ภาพผู้เข้าร่วม Photo Walk ครั้งนั้นให้เราดู
ภาพบรรยากาศกิจกรรมที่ร้านจัด อัดแน่นอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่เจตเปิดให้เราดู เจตพูดถึงลูกค้าผู้เป็นดั่งสมาชิกในชมรมด้วยแววตาเป็นประกาย เรื่องราวมากมายที่ต่อให้มีเวลาให้สักสัปดาห์ เขาก็ยังเล่าไม่หมด
เจตยกเรื่องของ แซม วัยรุ่นชาวเยอรมันที่เขาประทับใจให้ฟัง แซมใช้เวลาก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย แต่เพราะอยู่ในช่วงที่ยังมีมาตรการกักตัว 14 วันจากโรคระบาด COVID-19 ด้วยความเบื่อเขาจึงแงะกล้องฟิล์มที่มีมาดูเล่นจนพัง ทำให้เขามาเจอร้าน Fotoclub BKK ด้วยความบังเอิญ แต่หลังจากนั้นก็เข้าออกที่ร้านบ่อยจนทริปเที่ยวไทยของเขามาหยุดอยู่ที่ Fotoclub BKK แทน
“ถึงไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ ไม่ใช่อาร์ทิสต์หรือดารา ก็เป็นผู้นำจัด Photo Walk กับเราได้ หากมีจุดเด่นหรือเรื่องราวสร้างสรรค์น่าสนใจ อย่างแซมเขาเรียนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เราก็โปรโมตว่ามาเดินเพื่อฝึกภาษาอังกฤษกับเขาก็ได้ ถือเป็นได้การแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน”
Photo Community
นอกจากกิจกรรม Photo Walk แล้ว ที่ร้านยังมีพื้นที่รองรับการจัดแสดงนิทรรศการ กิจกรรมเวิร์กช้อป สตูดิโอถ่ายภาพ และยังสนับสนุนการทำหนังสือ Photo Book อีกด้วย เจตยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้คือก้าวใหม่ๆ ที่คนถ่ายภาพจะได้พัฒนาตัวเอง และร้านก็พร้อมจะผลักดัน
“แกลเลอรีเราจะซัพพอร์ต Entry Level มากๆ ใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปินใหญ่ ศิลปินดัง เราก็พร้อมที่จะให้มาจัดแสดง เพราะว่าการจัดแสดงคือการอัพเลเวลการถ่ายภาพไปอีกขั้น”
ระหว่างที่คุยกัน เจตพูดถึงคำว่า Profit Sharing ขึ้นมาอย่างน่าสนใจ เขาอธิบายว่า รายได้ที่ได้จากการล้างฟิล์มนั้นนำมาต่อยอดกิจกรรมในร้านเหล่านี้ และส่งคืนกลับไปให้สังคม ทั้งในรูปแบบการขายภาพ หนังสือภาพ หรือแม้แต่การสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนในแวดวงถ่ายภาพต่อไป
“เราเคยจัดกิจกรรมถ่ายภาพที่มีกลุ่มช่างภาพ กลุ่มโมเดล กลุ่มสไตลิสต์ และเมกอัพอาร์ทิสต์ คนกลุ่มนี้มาร่วมกันโดยที่ไม่ต้องมีใครจ่ายเงินใคร แต่ทุกคนได้พอร์ตที่ดีกลับไป แปลว่ามันเป็นการแชร์กัน”
เจตเล่าว่าไอเดียเริ่มต้นของร้านคืออยากให้ทุกคนได้เงินกลับไป แม้แต่พนักงานเอง หากลองไปดูตู้หน้าร้าน จะเห็นฟิล์มที่พนักงานทำมาขายเอง เป็นรายได้อีกช่องทางจากการอยู่ใน Community นี้
Let’s Take a Photo at Fotoclub
“มันคือชมรมถ่ายภาพที่อยากให้ทุกคนสนุกกับการถ่ายภาพ แต่ไม่ใช่สนุกในแบบที่ชวนกันซื้อ เลนส์ออกใหม่แล้วนะ กล้องออกใหม่แล้วนะ แต่ที่มีน่ะ อะไรก็ได้ เอามาถ่ายกัน”
แม้คนที่มาเยือน Fotoclub BKK จะมีทั้งตากล้องมืออาชีพ ตากล้องระดับตำนาน หรือคนเล่นกล้องที่มีชื่อเสียง แต่เจตก็ย้ำว่าร้านยินดีต้อนรับคนที่รักในการถ่ายภาพทุกคนเสมอ
เจตยื่นวิดีโอรวมรายชื่อประเทศของลูกค้าที่ส่งภาพฟิล์มมาให้ที่ร้านล้างให้ดู ซึ่งมีทั้ง จอร์เจีย เยอรมนี ญี่ปุ่น อุซเบกิสถาน อังกฤษ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ ซึ่งรายชื่อทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
กลุ่มลูกค้าที่มาจากทั่วทุกมุมโลก ล้วนประทับใจในบริการที่รวดเร็ว อีกทั้งราคาล้างฟิล์มเริ่มต้นเพียง 150 บาท ซึ่งนับเป็นเรตที่ถูกมาก ที่สำคัญไปกว่านั้นคือความสนุก และความเป็นกันเองในรูปแบบของคลับคนรักการถ่ายภาพ หลายคนพร้อมกลับมาประเทศไทยเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของร้านเสมอ
ก่อนกลับเจตพาเราเดินจากร้านข้ามไปยังถนนเจริญกรุง 43 เพื่อเจอกับ Fotoclub STUDIO สตูดิโอถ่ายภาพที่เปิดได้ไม่นาน พร้อมรองรับประสบการณ์ถ่ายภาพที่ครบวงจรมากขึ้น
โดยภายในตึกชั้นแรกจะเป็นคาเฟ่ Breddie’n Bicko สีสันแสบตา และส่วนสตูดิโอชั้น 2 เป็นห้องนอนตกแต่งอย่างมีสไตล์ และห้องชั้น 3 ที่โดดเด่นด้วยแสงธรรมชาติที่เราปรับลดได้ตามชอบ
Fotoclub BKK ผ่านการปรับตัวและต่อยอดจากธุรกิจร้านล้างฟิล์มมาเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ตรงตามหลักการตลาดมากนัก แต่จุดยืนของร้านยังคงมั่นคง และยืนหยัดที่จะเป็นพื้นที่สำหรับคนรักการถ่ายภาพ เพื่อส่งต่อความสวยงามที่มากกว่าตัวเลขกำไรต่อไป
“ทุกธุรกิจมันหากำไร ที่นี่ก็หากำไรนะ แต่กำไรที่พูดถึงไม่ได้หมายถึงตัวเงินเป็นอันดับแรก แต่คือการที่วันนี้ผมได้เจอกับคนเหล่านี้ เจอสิ่งดีๆ ที่เข้ามา และเป็นการได้ให้อะไรกลับไปในสังคม”
เข้ามาพูดคุย สอบถามเรื่องกล้องฟิล์ม หรือส่งฟิล์มมาให้ Fotoclub ล้างได้ทุกวัน
ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00- 20.00 น.
Fotoclub BKK 1158 ถ.เจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก
โทร. 087-673-7333