Oktoberfest
Oktoberfest เทศกาลเบียร์เยอรมันที่มีมายาวนานกว่า 200 ปี ดื่มเบียร์ 7.5 ล้านลิตร
- Oktoberfest คือเทศกาลพื้นบ้านของชาวบาวาเรียนที่มีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี จัดขึ้นทุกปีในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี มีกิจกรรมทั้งดนตรี การเต้นรำ เครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม อาหารบาวาเรียและเบียร์คลาสสิก
- นี่คือเทศกาลเบียร์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในแต่ละปีดึงดูดผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 6 ล้านคน ดื่มเบียร์ถึง 7.5 ล้านลิตร มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 1.25 พันล้านยูโร (ราว 4.76 หมื่นล้านบาท)
มีเทศกาลนับไม่ถ้วนทั่วโลกที่ปั้นเมืองเป็นจุดหมายยอดฮิตของนักเดินทาง หนึ่งในนั้นกำลังจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ นั่นคือ Oktoberfest เทศกาลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเยอรมนี และเป็นเทศกาลเบียร์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!
เทศกาลพื้นบ้านของชาวบาวาเรียนนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในบรรยากาศความสนุกสนานรื่นเริง มีกิจกรรมทางวัฒนธรรม ทั้งการแต่งกาย ดนตรี ขบวนพาเหรด เครื่องเล่นต่างๆ อาหาร เครื่องดื่ม และแน่นอนเบียร์ของเยอรมัน
แต่ละปีสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 6 ล้านคน พวกเขาดื่มเบียร์ถึง 7.5 ล้านลิตร และกินไก่ไปกว่าครึ่งล้านตัว !
โดยปกติงานจะเริ่มต้นในวันเสาร์ของเดือนกันยายน และจะสิ้นสุดในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม สำหรับปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 16 กันยายน - 3 ตุลาคม 2566 เป็นเวลา 18 วัน ที่ว่ากันว่าจะยิ่งใหญ่ขึ้น ดีขึ้นและฉลาดขึ้น ไม่ต่างไปจากไวน์ ที่ยิ่งบ่มนานรสชาติยิ่งดี
The Origin
อย่างที่ทราบกันดีว่า เยอรมนีมีธรรมเนียมการผลิตเบียร์มาอย่างยาวนาน และเป็นที่แรกในการนำฮอปส์ (Hops) เข้าสู่กระบวนการการผลิต ซึ่งตามกฎ Reinheitsgebot หรือ German Purity Law 1516 กฎความบริสุทธิ์ของแคว้นบาวาเรีย จะจำกัดส่วนผสมของเบียร์ไว้แค่น้ำ ข้าวบาร์เลย์ และฮอปส์ (ก่อนจะค้นพบยีสต์) ตอกย้ำความผูกพันของมิวนิกกับการดื่มเบียร์ได้อย่างดี
โรงเบียร์เก่าแก่ที่สุดของเมืองมีอายุย้อนไปถึงยุคกลาง เมื่อ Weihenstephan Monastery ที่อยู่นอกเมือง ก่อตั้งในปี 1040 เป็นโรงเบียร์เก่าแก่ที่สุดในโลก ขณะที่ Augustiner-Bräu ในใจกลางเมืองก่อตั้งขึ้นในปี 1328
ส่วนต้นกำเนิดของเทศกาล Oktoberfest ต้องย้อนไปปี 1810 ขณะนั้นเจ้าชาย Ludwig แห่งบาวาเรีย ซึ่งต่อมาเลื่อนยศเป็น King Ludwig I ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ Princess Therese of Saxony-Hildburghausen ในวันที่ 12 ตุลาคม และ Andreas Michael Dall’Armi สมาชิกกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติบาวาเรีย มีความคิดจัดงานเฉลิมฉลองที่แตกต่างออกไป โดยสิ้นสุดในวันที่ 17 ตุลาคมด้วยการแข่งม้าครั้งใหญ่
แม้ว่าครั้งนั้นยังไม่มีเต็นท์เบียร์หรือเครื่องเล่นในสวนสนุก แต่ก็ถือเป็นจุดกำเนิดของ Oktoberfest ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ปีถัดมาชาวเมืองต่างเห็นพ้องให้มีการจัดงานต่อไป โดยมีสมาคมเกษตรกรรมแห่งบาวาเรียเป็นเจ้าภาพคนใหม่ และกลายเป็นประเพณีประจำเดือนตุลาคมของทุกปีนับจากนั้นมา
The Growth
ช่วงปีแรกๆ มีการเพิ่มงานแสดงสินค้าเกษตรเข้าไปในการแข่งขันขี่ม้า เพื่อใช้เป็นพื้นที่โปรโมตสินค้าและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง ก่อนจะถูกยกเลิกในอีก 3 ปีต่อมา เนื่องจากสงครามนโปเลียน แต่หลังจากนั้นมีกลุ่มคนเก่าแก่ของเมืองเป็นผู้สนับสนุนจนงานได้รับความนิยมมากขึ้น
กระทั่งในปี 1850 มีการเปิดตัวรูปปั้นบาวาเรียผู้พิทักษ์รักษาเทศกาล Oktoberfest ไว้ในหอเกียรติยศ นับจากนั้นมีการผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของสงครามและโรคระบาด และใช้เวลาอีก 2-3 ทศวรรษกว่าจะกลับมามีชีวิตชีวา โดยในปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีการเพิ่มลักษณะงานรื่นเริงเข้าไป ทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นสำหรับครอบครัว เมื่อเวลาผ่านไปการแข่งม้าได้หยุดลง แต่เทศกาลยังคงเติบโตต่อไป ส่วนเรื่องเบียร์นั้นในยุคแรกๆ มักจะเต็มไปด้วยแผงขายเบียร์ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเต็นท์เบียร์ขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงเบียร์ในปี 1896
ปัจจุบัน Oktoberfest เป็นเทศกาลพื้นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในแต่ละปียังคงทำลายสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปริมาณเบียร์ที่ดื่มไปจนถึงปริมาณไก่ที่กิน โดยการเฉลิมฉลองจะเริ่มขึ้นเมื่อนายกเทศมนตรีเมืองมิวนิกใช้ค้อนขนาดใหญ่เคาะก๊อกเข้าไปในถังเบียร์ เป็นสัญญาณว่า “ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว!”
The Potential
การยกระดับ Oktoberfest ให้เป็นงานระดับโลก ไม่เพียงเพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนาน และให้ความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ที่ล้ำค่า แต่ทั้งภาครัฐและผู้นำทางธุรกิจต่างก็เล็งเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของเทศกาลนี้ และเริ่มส่งเสริมให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เต็นท์เบียร์ขนาดใหญ่ การขนส่งของเทศกาล เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้เข้าชม
ข้อมูลจากการสำรวจของกรมแรงงานและเศรษฐศาสตร์แห่งเมืองมิวนิกล่าสุด พบว่า เทศกาล Oktoberfest ในปี 2019 มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 1.25 พันล้านยูโร (ราว 4.76 หมื่นล้านบาท) โดยมีผู้เข้าชมประมาณ 6.3 ล้านคน ใช้จ่ายรวมประมาณ 448 ล้านยูโร (เฉลี่ยต่อคน 71.12 ยูโร) ในจำนวนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21% เพิ่มขึ้นจากปี 2014 (14%) พวกเขายังทุ่มเงินในเมืองนี้เพิ่มอีก 289 ล้านยูโร เพื่อซื้ออาหาร ช้อปปิ้ง นั่งแท็กซี่ และใช้บริการขนส่งสาธารณะ ส่วนรายได้จากที่พักและการท่องเที่ยวเชิงอาหารจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 513 ล้านยูโร นี่ยังไม่รวมเม็ดเงินหมุนเวียนที่เกิดขึ้นจากคนในประเทศ
เห็นได้ชัดว่า นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาหลายล้านคนต่อปี เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับมิวนิกและเยอรมนี ในการดึงดูดธุรกิจและการลงทุน สร้างรายได้มหาศาลผ่านการท่องเที่ยว ธุรกิจในท้องถิ่น อุตสาหกรรมบริการ รวมทั้งเป็นสปอตไลต์ช่วยโปรโมตสินค้าชั้นดี ส่งเสริมวัฒนธรรมเบียร์ และสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์ในท้องถิ่นให้ส่งออกไปทั่วโลก อย่างเช่น เบียร์ที่เสิร์ฟในงานนี้จะมาจากโรงเบียร์ดั้งเดิม 6 แห่งในมิวนิกเท่านั้น
ไม่เพียงในแง่เศรษฐกิจ ความโด่งดังของ Oktoberfest ยังเปรียบเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเยอรมันที่ช่วยสร้างสถานะระดับโลกให้กับประเทศเป็นอย่างดี รวมทั้งยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและมิตรภาพระหว่างประเทศได้อย่างดี
จึงไม่แปลกที่ Oktoberfest จะถูกยกให้เป็นเทศกาลสำคัญระดับโลกและเป็นหน้าตาของประเทศเยอรมนี
The Success
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการผสมผสานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับเทศกาล
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าผ่านกาลเวลามา 2 ศตวรรษ จนยกระดับสู่เทศกาลยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติในปัจจุบัน แต่ Oktoberfest ก็ยังคงยึดมั่นในรากฐานของชาวบาวาเรียเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันก็ไม่หยุดพัฒนา
แต่ละปีจะมีสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอยู่เสมอ อย่างในปี 2005 พวกเขาได้เปิดตัว ‘Quiet Oktoberfest’ หรือเทศกาล Oktoberfest อันเงียบสงบ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวมากขึ้น โดยผู้ประกอบการได้รับอนุญาตให้เปิดเพลงปาร์ตี้หลังเวลา 18.00 น. เท่านั้น และเล่นได้เฉพาะเพลงจากวงดนตรีแตรวงบาวาเรียเท่านั้นในช่วงก่อนเวลาดังกล่าว
หรือการฉลองครบรอบ 200 ปี พวกเขาได้จัด ‘Oide Wiesn’ หรือเทศกาล Oktoberfest แบบดั้งเดิม เพื่อรำลึกถึงเทศกาลในอดีต ซึ่งได้มีเครื่องเล่นเก่าแก่และนำกิจกรรมการแข่งม้าที่เป็นจุดเริ่มต้นกลับมาอีกครั้ง และได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มชาวบาวาเรียในเมืองมิวนิก จนมีการจัดมาทุกปีนับแต่นั้นมา
กุญแจสำคัญอีกอย่างคือ ความยูนีค ตั้งแต่ขบวนพาเหรด ดนตรี การเต้นรำ เครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม (ที่สนับสนุนให้ทุกคนสวมใส่!) และอาหารบาวาเรีย ตลอดจนเบียร์ในงานก็เป็นชนิดพิเศษที่ผลิตขึ้นสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ และจะเสิร์ฟเฉพาะในงาน Oktoberfest เท่านั้น รสหวานนุ่มและมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ระหว่าง 5.8-6.3% ขึ้นอยู่กับแต่ละเต็นท์ ซึ่งมีมากกว่า 30 หลัง ในจำนวนนี้เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ 17 หลัง แต่ละหลังจะมีรูปแบบการตกแต่งเป็นเอกลักษณ์และบรรยากาศในแบบฉบับของตัวเอง
The Greatest Festival
เพราะนี่คือ Gemütlichkeit ที่ต้องสัมผัส…
Gemütlichkeit เป็นศัพท์ภาษาเยอรมันที่ไม่มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยตรง เป็นสิ่งที่อาจไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดจนกว่าคุณจะได้สัมผัส มันหมายถึงความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง เป็นความรู้สึกที่จะได้รับเมื่อถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนที่ดี กำลังใจที่ดี ความรู้สึกสบาย และรับรู้ได้ถึงมิตรภาพ
เป็นความอบอุ่นและความสุขในการดื่มเบียร์หลายลิตรกับเพื่อนๆ ในเต็นท์เบียร์ Oktoberfest พร้อมเต้นรำไปกับเพลง Oktoberfest ที่น่าประทับใจ เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปสัมผัสประสบการณ์นี้สักครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม ความสนุกรื่นเริง มิตรภาพ หรือสวรรค์ของนักดื่มเบียร์ Oktoberfest ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อการท่องเที่ยวของเยอรมนีอย่างมาก ผ่านประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมเยอรมนีให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ ที่สำคัญสร้างชื่อเสียงระดับโลก และนำไปสู่การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคโดยรอบของมิวนิกและภูมิภาคอื่นๆ ของเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ ความนิยมอาจนำความท้าทายมาสู่ท้องถิ่น เช่น ความแออัดที่เพิ่มขึ้นและความต้องการบริการสาธารณะ ผู้จัดงานและองค์กรท้องถิ่นจำเป็นต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิผล เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว
เพราะเทศกาลที่ดีไม่ได้วัดแค่ตัวเลข แต่ต้องอยู่ร่วมกับชุมชนด้วย
รู้หรือไม่
• เทศกาล Oktoberfest เริ่มต้นในปี 1810 เพื่อเฉลิมฉลองพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายลุดวิก ซึ่งต่อมาเป็นกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 กับเจ้าหญิงเทเรซา
• ทุกปีมีผู้มาเยี่ยมชมมากกว่า 6 ล้านคนและดื่มเบียร์มากกว่า 7.5 ล้านลิตร เบียร์ที่ใช้ในเทศกาลมาจากโรงเบียร์ในเขตเมืองมิวนิกเท่านั้น และจำหน่ายในแก้วเบียร์ขนาด 1 ลิตรเสมอ
• สถานที่จัดงานกินพื้นที่กว่า 100 เฮกตาร์หรือ 625 ไร่ ซึ่งสามารถเยี่ยมชมเต็นท์เบียร์ได้มากกว่า 30 แห่ง แต่ละแห่งมีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
• Oktoberfests ไม่ได้มีแค่ในเยอรมนีเท่านั้น แต่ยังจัดขึ้นอีกกว่า 2,000 งานทั่วโลก ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในบลูเมเนา ประเทศบราซิล
• แม้จะเชื่อ Oktoberfest แต่เริ่มขึ้นในเดือนกันยายน ด้วยเหตุผลเรื่องสภาพอากาศที่เหมาะกับการจัดงานมากกว่า