About
BALANCE

สิงห์บุรีโมเดล

“สิงห์บุรีโมเดล” ก้าวที่ยั่งยืนเพื่อสร้างสุขร่วมกันขององค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

เรื่อง ONCE-team Date 23-08-2023 | View 4826
Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • ชวนอ่านเรื่องราวของ “สิงห์บุรีโมเดล” ต้นแบบแห่งการสร้างความสุขที่ยั่งยืนขององค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่กลายเป็นดีเอ็นเอของครอบครัวชาวสิงห์ไปแล้วในวันนี้

เราใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเศษสู่จังหวัดใกล้กรุงอย่างสิงห์บุรีที่ไม่เพียงพบว่า เมืองเล็กๆ เมืองนี้ แม้ภาพภายนอกในสายตาคนทั่วไปดูเงียบเชียบจนเกือบก้าวเส้นบางๆ ไปสู่ความเหงา แต่แท้จริงแล้วที่นี่คือเมืองแห่งท้องทุ่งนาเขียวขจีที่ค่อยๆ เริ่มเขียวชอุ่มในช่วงฤดูฝน ทุกจังหวะก้าวของชาวนาในสิงห์บุรียังคงดำเนินไปตามวิถีที่สะท้อนเอกลักษณ์แห่งภูมิปัญญาเกษตรกรรมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ภายใต้เสน่ห์สโลว์ไลฟ์ของเมืองเกษตรกรรม เรายังสัมผัสได้ถึงคุณค่าของการแบ่งปันที่กลายเป็นเรื่องราวดีๆ อีกมุมหนึ่งของสิงห์บุรีผ่าน “สิงห์บุรีโมเดล” ต้นแบบของการถักร้อยความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม สู่ความสุขที่ยั่งยืนร่วมกัน

โรงงานที่มากกว่าโรงงาน

สิงห์บุรี

90 ปีในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด นอกจากความมั่นคงแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องแล้ว การสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อสังคม ภายใต้แนวคิด “องค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน”​ คือแนวคิดที่ครอบครัวสิงห์ให้ความสำคัญมาโดยตลอด อันเป็นปรัชญาที่ถูกส่งต่อมาตั้งแต่สมัยพระยาภิรมย์ภักดีที่ทุกคนยึดถือ

สิงห์บุรี

“โรงงานในเครือบุญรอดฯ เรามี 9 แห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งเราจะต้องเป็นมากกว่าโรงงาน เราต้องเป็นครอบครัวที่มีหน้าที่ดูแลองค์กร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยโรงงานแต่ละแห่งก็จะหยิบเอาบริบทของท้องถิ่นในพื้นที่ของตัวเองมาเป็นโจทย์ของการพัฒนา หยิบปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาศึกษาเพื่อช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด ทั้งเรื่องการเรียนรู้ การส่งเสริมอาชีพ การดูแลสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการช่วยเหลือในกรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ เพื่อให้โรงงานเป็นศูนย์กลางของการส่งต่อความสุขให้คนบ้านใกล้เรือนเคียง” บุญเลิศ นาคอุไร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และรักษาการผู้จัดการฝ่ายโรงงาน บริษัท บุญรอดเอเซียเบเวอเรช จำกัด พูดถึงที่มาของสิงห์บุรีโมเดลที่เขากับพนักงานช่วยกันต่อจิ๊กซอว์ขึ้นมาจากแผนงานให้กลายเป็นความจริง

สิงห์บุรี

“โรงน้ำ” ของชาวชุมชนในอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จึงได้เริ่มศึกษาพื้นที่และพบว่าความเป็นสังคมเกษตรกรรม ภูมิปัญญาจากท้องนาของชาวสิงห์บุรี คือสิ่งที่ต้องช่วยกันสืบสานและส่งต่อให้คนรุ่นหลัง

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

จากผืนดินทิ้งร้างปลูกอะไรแทบไม่ได้ผลบริเวณด้านหน้าโรงงานได้ถูกฟื้นสู่แปลงนาข้าวและสวนผักปลอดสารรวมพื้นที่ราว 16 ไร่ แน่นอนว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้วนับไม่ถ้วน ผ่านการเรียนรู้ที่ต้องอาศัยความแน่วแน่ ตั้งใจพลิกแผ่นดินผืนนี้ให้กลายเป็นต้นแบบวิถีเกษตรกรรม…แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนเลย

สิงห์บุรี

“เราอยากสร้างพื้นที่ตรงนี้ให้เหมาะแก่การเพาะปลูกเพื่อเอื้อต่อประโยชน์กับองค์กรและชุมชนรอบข้าง จึงเริ่มลองปลูกผัก ทำนา เรียนรู้ด้วยตัวเองก่อนภายในองค์กร เราเริ่มจากศูนย์เลยนะ ไม่มีใครเป็นอะไรสักอย่าง” บุญเลิศย้อนเล่าถึงวันนั้น แม้การเริ่มจากศูนย์ดูเต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบาก แต่ด้วยความช่วยเหลือของหลายฝ่าย ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรที่มาให้ความรู้เรื่องดิน การทำปุ๋ยหมักจากเศษขยะในโรงอาหาร การจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ จนทำให้ 4 ปีของการพัฒนาที่ว่ามาไม่เคยมีคำว่าสูญเปล่า

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

ผลผลิตที่เราเห็นตรงหน้าทั้งสารพัดผักปลอดสาร ข้าวเมืองสิงห์ที่มีมากพอจนนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือชุมชนได้ คือประโยคบอกเล่าถึงความภาคภูมิใจของพนักงานสิงห์ทุกคนได้ดีที่สุด

ปลูกสุขอย่างยั่งยืน

แปลงนาข้าวและสวนเกษตรเล็กๆ ด้านหน้าโรงงานจึงไม่ใช่แค่พื้นที่สาธิตเพื่อการเกษตรกรรมเท่านั้น หากยังเป็นเหมือนสารตั้งต้นของความสุขที่โรงน้ำแห่งนี้ต้องการมอบให้กับชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง

 

สิงห์บุรี

เมื่อปริมาณผลผลิตมีมากพอจนสามารถแบ่งปันสู่ชุมชนรอบข้างได้ สิงทอง – ศักดิ์ชัย บุญศิลป์ และคู่ชีวิตของเขา ติ๊ก – มะลิวรรณ ใจดี สองสามีภรรยาหนึ่งในผู้ที่เคยได้รับโอกาสและความช่วยเหลือจากบ้านสิงห์บุรี ก็จะขับสามล้อสีแดงคันเล็กๆ ตรงเข้ามาในพื้นที่ด้านหน้าโรงงานเพื่อมารับผัก ผลไม้ ที่เก็บได้จากสวนไปแจกจ่ายให้กับคนในชุมชน ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ป่วยติดเตียง โดยมีพนักงานของโรงน้ำช่วยกันจัดผัก แบ่งเป็นถุงๆ แล้วนำไปแขวนไว้จนเต็มคันรถ

สิงห์บุรี

รถพุ่มพวงส่งความสุขสีแดงที่ติดแฮชแท็กข้างรถไว้ว่า “#เราจะสู้ไปด้วยกัน” ไม่ว่าจะเคลื่อนตัวไปถึงที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากผู้คนในชุมชนอยู่เสมอ

สิงห์บุรี

ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับภารกิจส่งต่อความสุขครั้งนี้ มะลิวรรณกับสามีทำอาชีพปลูกผักส่งขายในตลาด เพราะความช่วยเหลือจาก “โรงน้ำ” ด้านเงินทุนและอุปกรณ์ทำกินอย่างรถขายของ ทั้งสองจึงพอจะลืมตาอ้าปากได้ “ตอนนั้น เราเป็นผู้รับก็รู้สึกดีมากๆ เขาช่วยแทบทุกอย่าง และช่วยทุกคน แม้กระทั่งผู้พิการ ซึ่งโรงน้ำเขาไม่เคยมองข้ามศักยภาพของใครเลย”

สิงห์บุรี

การได้รับการช่วยเหลืออย่างเปี่ยมล้นได้จุดประกายให้ทั้งคู่ขอเป็นผู้ให้ดูบ้าง ทั้งคู่จึงขันอาสาขับรถพุ่มพวงนำผลผลิตจากโรงน้ำ ทั้ง ข้าวสาร ผักปลอดสาร ผลไม้ตามฤดูกาล ไปแจกให้กับชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งติ๊กและสิงทองบอกกับเราในตอนหลังว่า สิ่งนี้ทำให้คนตัวเล็กๆ เช่นเธอและสามีมองเห็นคุณค่าในตัวเอง สามารถส่งต่อพลังดีๆ นั้นไปยังผู้อื่นได้อีกด้วย

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

นอกจากการแจกจ่ายผลผลิตทางการเกษตรไปยังชุมชนผ่านรถพุ่มพวงคันนี้แล้ว แปลงนาด้านหน้าโรงงานยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ภูมิปัญญาเกษตรกรรมท้องถิ่นซึ่งเป็นเรื่องราวอันทรงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน ไม่ใช่เพียงแค่สอนวิธีเกี่ยวข้าวแล้วเก็บไปขายเท่านั้น

สิงห์บุรี

เด็กและนักเรียนจากบ้านใกล้เคียงมีโอกาสได้เข้ามาซึมซับภูมิปัญญาท้องถิ่นตัวเอง ได้เห็นพิธีทำขวัญข้าวที่หาดูได้ยาก ได้ลงมือปลูกข้าว ดำนา เกี่ยวข้าวและกินข้าวที่ตัวเองปลูก วิชานอกตำราเหล่านี้มีไว้เพื่อต้องการสอนให้เด็กๆ ได้มองเห็นถึงคุณค่าในสิ่งที่เขาทำนั่นเอง

สิงห์บุรี

ปันน้ำใจ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

สิงห์บุรี

เพราะการมองเห็นคุณค่าของกันและกันคือพลังที่ก่อให้เกิดความสุขกับมนุษย์ทุกๆ คน โรงงานยังได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการเข้าไปพบปะ เยี่ยมเยือนชาวบ้านในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์และตามวาระโอกาสต่างๆ อีกทั้งสนับสนุนด้านอาหาร ยา และน้ำดื่มมอบให้กับวัดและเด็กๆ ในโรงเรียน เมื่อมีงานกีฬาสี ครอบครัวสิงห์ก็อาสาช่วยจัดกิจกรรมไปจนถึงการมอบทุนการศึกษา หรืออย่างในช่วงปิดเทอม ก็เปิดบ้านจัดกิจกรรม สิงห์ ซัมเมอร์ แคมป์ ให้เด็กๆ รอบโรงงานได้เพิ่มเติมความรู้และใช้เวลาช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์ เข้ามาเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ศิลปะ และกีฬา โดยมีพี่ๆ เครือข่ายนักศึกษาและนักกีฬาระดับประเทศเวียนกันเข้ามาสอน ซึ่งทำต่อเนื่องมากว่า 12 ปีแล้ว

ขณะเดียวกัน ทางโรงงานก็เปิดให้ผู้คนได้เข้ามาเยี่ยมชมอย่างเป็นกันเอง ชวนชาวบ้านเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสร้างความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ที่ดีระหว่างองค์กรกับชุมชน

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

คำว่าครอบครัวเดียวกันสำหรับชาวสิงห์ ไม่ได้เติมเต็มแค่ช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ในยามที่ชาวบ้านทุกข์ร้อนก็ไม่เคยมองข้าม ปัญหาที่จังหวัดสิงห์บุรีต้องประสบอยู่เสมอคือ อุทกภัย จึงเกิดโครงการ “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” ที่ได้ทำงานร่วมกับจังหวัด เครือข่ายกู้ภัย มูลนิธิ และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ตั้งแต่ร่วมกันออกมากำจัดผักตบชวาที่เป็นศัตรูกีดขวางช่องทางระบายน้ำ ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน มอบน้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารพร้อมทาน (ข้าวรีทอร์ท) และอาหารกล่องปรุงสุก รวมถึงนำรถโฟร์วีลเข้าไปส่งมอบความช่วยเหลือให้กับชาวบ้านในบริเวณที่ถูกตัดขาด เพื่อส่งกำลังใจและอยู่เคียงข้างชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเท่าที่ทำได้

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

อีกทั้งยังรวมไปถึงการจัดตั้งโครงการตู้ปันสุขที่ รพ.สต.พระงาม จังหวัดสิงห์บุรี ที่ได้รวบรวมน้ำใจจากพนักงานบ้านสิงห์บุรี นำเครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ ที่จำเป็น ทั้ง น้ำดื่ม อาหาร ผลไม้จากแปลงเกษตรอินทรีย์ภายในโรงงานฯ อุปกรณ์ยังชีพ และยารักษาโรค มาเติมใส่ตู้ปันสุขอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแบ่งปันให้กับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือคนในชุมชน โดยมีทีม อสม. ตำบลพระงาม คอยให้คำแนะนำต่างๆ แก่ญาติคนไข้ที่เข้ามารับของแทนคนไข้ หรือผู้ป่วยติดเตียงในโรงพยาบาล รวมไปถึงจัดการทีมแพทย์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยเข้าบริการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานให้ชุมชนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระยะแรก การตรวจมะเร็งเต้านม ข้อเข่าเสื่อม หากใครมีความจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ทางบุญรอดฯ ก็ช่วยเหลืออย่างครบวงจร

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

สิงห์บุรี

“อยากขอบคุณทางบริษัทบุญรอดฯ มากๆ ตั้งแต่ที่โรงงานมาตั้งอยู่ที่นี่ เราเห็นเขาช่วยเหลือเกื้อกูลและเป็นมิตรกับชาวบ้านทุกคน เรามาทำหน้าที่เติมของให้ตรงนี้ เห็นเลยว่ามันมีความสำคัญต่อคนแก่ คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียงเยอะมาก เราเป็นผู้ให้เราก็อิ่มใจไปด้วย รู้สึกว่าตัวเองก็ได้ทำสิ่งดีๆ มีส่วนร่วมต่อการช่วยเหลือพวกเขาได้จริง” เป็นคำจากใจของบุญเรือน ผิวนิล และ ศิริญญา โพธิ์อาศัย ตัวแทนจากชมรม อสม.

เพราะเราคือครอบครัว

สิงห์บุรี

“เราอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่ต้องสนับสนุนกันและกัน หากเราสามารถสร้างความสุขภายในองค์กรได้ พนักงานเองก็จะได้รับการเติมเต็ม พร้อมที่จะส่งต่อความสุขสู่ผู้คนในชุมชน ทุกครั้งที่เราไปหาพวกเขา แค่รอยยิ้มที่เราเห็น ก็สุขล้นต่อการทำงานของครอบครัวสิงห์” บุญเลิศ นาคอุไร พูดพร้อมรอยยิ้มที่ระบายสุข และเป็นสุขของการให้ที่เขาบอกว่ามันคือดีเอ็นเอของครอบครัวสิงห์ไปเสียแล้ว

ตลอดเวลาของการดำเนินธุรกิจ บริษัท บุญรอดเอเซียเบเวอเรช จำกัด หรือบ้านสิงห์บุรี ได้มุ่งมั่นสานต่อปรัชญาของพระยาภิรมย์ภักดีที่ต้องการให้โรงงานไม่ใช่เป็นเพียงแค่โรงงาน แต่เป็นผู้ให้ที่คอยเต็มเติมพื้นที่ความสุขเพื่อชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง

สิงห์บุรี

และนี่คือ ‘สิงห์บุรีโมเดล’ จากปณิธานอันแรงกล้าของเครือบุญรอดฯ ที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางของ ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนผ่านการเรียนรู้และอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน และพร้อมที่จะเดินไปบนเส้นทางสายนี้ด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมไทยต่อไป

Tags: