เทรนด์การทำงานในรูปแบบ Workation กำลังมาแรง (อ่านเพิ่มเติม) คนทำงานยุคใหม่คุ้นเคยกับการทำงานนอกสถานที่ ส่งผลให้องค์กรปรับรูปแบบการทำงานส่งเสริมนโยบาย Workation ทำงานพร้อมกับเดินทางท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 30 วัน
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คนวัยทำงานโดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลคุ้นเคยกับการทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศและมองหารูปแบบการทำงานที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยเทรนด์การเติบโตของ Workation จากผลการสำรวจของ Google เปิดเผยว่า ในกลุ่มนักเดินทางแถบประเทศเอเชียแปซิฟิกนั้น ได้เพิ่มระยะเวลาการท่องเที่ยวต่อทริปมากขึ้น จาก 3.5 วันในปี พ.ศ. 2562 เป็น 5 วันในปี พ.ศ. 2564 (ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 85%) โดยหนึ่งในสี่ของนักเดินทางวางแผนที่จะท่องเที่ยวในระยะเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งการเดินทางในระยะเวลาที่นานขึ้นนั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งของการ Workation
ทั้งยังพบการเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น จากเดิมสนใจที่จะเดินทางท่องเที่ยวแบบหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในทริปเดียว เปลี่ยนเป็นต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยวแบบเจาะลึกประเทศใดประเทศหนึ่งมากกว่า นอกจากนี้ ผลสำรวจในปี พ.ศ. 2564 ยังชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวที่ออกเดินทางบ่อยๆ นั้น มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวเลย
จากเทรนด์ดังกล่าว ทำให้บริษัทคลูก (Klook) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านการเดินทางท่องเที่ยวชั้นนำ ได้ประกาศนโยบาย Workation สนับสนุนให้พนักงานสามารถเดินทางและท่องเที่ยวในเวลาเดียวกันได้จากทั่วทุกมุมโลก โดยบริษัทฯ เล็งเห็นเทรนด์ของการท่องเที่ยวข้ามประเทศที่กำลังฟื้นตัวกลับมา จึงอยากให้แนวคิด Workation นี้เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่จะช่วยจุดประกายและปลุกแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวของพนักงานให้กลับคืนมาอีกครั้ง
แนวคิดดังกล่าวอนุญาตให้พนักงานได้ออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใดก็ได้ทั่วโลก เพื่อออกไปเรียนรู้และสัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย โดยสามารถทำงานไปด้วยและท่องเที่ยวไปด้วยได้สูงสุด 30 วัน โดยไม่ต้องใช้วันหยุดประจำปี
“หลายบริษัทได้กำลังหาวิธีทำงานแบบผสมผสานระหว่างการ work from home และการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่ที่ Klook เราไม่จำกัดการทำงานอยู่แค่บนโต๊ะแคบๆ เท่านั้น เราต้องการให้พนักงานออกเดินทางไปค้นหาและสร้างแรงบันดาลใจจากโลกภายนอก พันธกิจของ Klook คือการสนับสนุนให้ผู้คนได้ออกเดินทางท่องเที่ยว ในวันนี้เราจึงภูมิใจเป็นอย่างมากที่จะประกาศนโยบาย Workation ที่จะทำให้พนักงานของเราสามารถทำงานและท่องเที่ยวจากที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้
“เราอยากเห็นพนักงานของเราสนุกกับการทำงานสร้างรายได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นงานที่ทำให้เราสามารถออกไปสัมผัสความสนุกของการท่องเที่ยว และออกไปค้นคว้าประสบการณ์จากโลกที่เราได้หยุดการเดินทางไปหาถึงสองปีเต็ม” แครี่ เช็ค รองประธานกรรมการแผนกทรัพยากรบุคคลกล่าว
สำหรับข้อมูลภายในของ Klook แสดงให้เห็นว่า การท่องเที่ยวข้ามประเทศในเดือนเมษายนนั้นมีการเติบโตสูงขึ้นถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ สะท้อนให้เห็นว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม โดยชาวสิงคโปร์เป็นประเทศแรกที่ออกเดินทางข้ามประเทศมากที่สุด ตามมาติดๆ ด้วยชาวไทยและชาวเกาหลีใต้ตามลำดับ และประเทศที่นักท่องเที่ยวสนใจเดินทางไปเยือนมากที่สุดได้แก่ ออสเตรเลีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ ประเทศไทย และอังกฤษ