The Fresh Cola

ว่ากันด้วยเรื่องเครื่องดื่มรสซ่าที่สุดแสนจะคลาสสิกอย่างโคล่า แท้จริงแล้วจุดกำเนิดของโคล่า พัฒนามาจากการประดิษฐ์น้ำโซดา กิฟเล่าว่ามันเกิดจากคนซนๆ ที่อยากเอาแก๊สลงน้ำ คนคนนั้นสังเกตเห็นว่ามีลมออกมาจากถังหมักธัญพืช แล้วทดลองเอาเทียนไปผ่านจุดนั้น ปรากฏว่าลมที่ออกมาจากถังสามารถเป่าเปลวเทียนได้ พอมั่นใจเลยพยายามจับแก๊สใส่ในน้ำ กลายเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมโดยมนุษย์ หรือ Man-made Soda ครั้งแรก จากที่เคยพบเฉพาะในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งมีน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

การทดลองนั่นคือจุดเริ่มต้นของโซดาทั้งหลาย รวมไปถึงโคล่าด้วย และในส่วนของประเทศไทย น้ำซ่ารสแรกๆ มาจากอิทธิพลของเครื่องดื่มที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ น้ำโซดาในช่วงแรกๆ ที่เข้ามาคือรสมะนาว แล้วคนไทยในสมัยนั้นว่า น้ำมะเน็ด ซึ่งเพี้ยนมาจาก Lemonade นั่นเอง

โคล่าเป็นเครื่องดื่มคลาสสิกที่มีมานานแล้ว แต่ว่าโคล่าทำสดอาจจะเป็นเรื่องใหม่ Aircraft Cola เป็นแบรนด์ที่เริ่มจากการทดลองซนๆ ในโปรเจ็กต์ส่วนตัว แล้วพัฒนาจนมีทิศทางชัดเจนและเป็น Cola Maker แบรนด์แรกของกรุงเทพฯ ที่ตั้งใจนำเสนอรสชาติโคล่าในแบบของตัวเอง รวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับวงการโคล่าในไทย

“Aircraft Cola มาจากสองคำ Air กับ Craft เพราะเราทำเครื่องดื่มที่ Aerated คืออัดอากาศลงในเครื่องดื่ม Craft คือเราทำมันอย่างประณีต ใช้เวลาและแรงงานในการทำ เราฝานผิวมะนาวเป็นชั่วโมงก่อนคั้นน้ำ เครื่องเทศทุกตัวต้องคั่วและคั่วแยกกัน มันเป็นเครื่องดื่มอัดอากาศที่ทำอย่างประณีต”

ร้าน Aircraft Cola มีบาร์โคล่า และที่นั่งสำหรับลูกค้าคล้ายคาเฟ่ทั่วไป แต่ที่มากกว่านั้นและเรายังไม่เคยเห็นที่ไหนคือโซนโชว์วัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมหลักของโคล่าในจานแก้วทดลองเรียงรายอยู่ตรงทางเข้าของร้าน

ส่วนผสมเหล่านั้นมี 6 อย่าง คือเมล็ดผักชี เกลือหิมาลัย ฝักวานิลลา อบเชย เมล็ดกาแฟ และผิวมะนาวและเลม่อน ซึ่งกิฟบอกว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของส่วนผสมโคล่าของแอร์คราฟต์ เพราะในสูตรจริงโคล่าของแอร์คราฟต์ใช้ส่วนประกอบมากกว่า 20 ชนิด

โคล่าของร้านใช้สีธรรมชาติจากเมล็ดกาแฟ ปรุงกลิ่นด้วยเมล็ดผักชีคั่วซึ่งให้กลิ่นหอมที่ซับซ้อนและมีความ Floral เพิ่มความสดชื่นด้วยผิวมะนาวกับเลมอน ตัดรสด้วยเกลือหิมาลัยสีชมพู อีกสองส่วนผสมนั้นกิฟลงรายละเอียดความพิเศษของมันเยอะกว่าเพื่อนหน่อย

ซินนามอนเป็นเครื่องปรุงที่สำคัญอย่างหนึ่งของโคล่า หลายคนอาจไม่รู้ว่า ซินนามอนเป็นกลิ่นสำคัญอันดับต้นๆ ในวงการน้ำหอมด้วย สไปซ์ตัวนี้ให้ความรู้สึกอุ่นหวานเหมือนลูกกวาดและทำให้เกิดรสที่นุ่มนวล

นอกจากนี้ ซินนามอนมีคุณสมบัติตามธรรมชาติที่ช่วยคลายความอึดอัด ซึ่งกิฟคิดว่าการใส่อบเชยในน้ำโซดาเป็นเรื่องที่ลงตัวมาก เพราะน่าจะช่วยให้คนที่ดื่มโคล่าของ Aircraft Cola สบายตัวมากขึ้น เหมือนความคิดของคนไทยเกี่ยวกับการปรุงอาหารที่มักใช้ส่วนผสมที่แก้กันไว้ เช่น กินของทอด แนมผักที่ช่วยลดการร้อนใน กิฟว่านี่เป็นมุมน่ารักของโคล่าที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ และกิฟอยากเล่าให้ฟัง

ในฐานะ Cola Maker กิฟก็อยากชวนให้ลองเปิดใจกับโคล่า เพราะคนมักมองน้ำอัดลมในแง่ลบว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่โคล่าที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติก็มีมุมที่เป็นมิตรกับคนดื่มอยู่นะ

“วานิลลาเป็นส่วนประกอบที่เบลนด์ทุกอย่างให้กลมกลืนกัน วานิลลาธรรมชาติเป็นเหมือน Smoother ในวงการน้ำหอม ในโคล่ามีหลายกลิ่น วานิลลาจะช่วยประสานกลิ่นและรสให้มีความลงตัว นั่นเป็นความสามารถพิเศษของวานิลลา”

นอกจากเป็นตัวประสานกลิ่นรสแล้ว วานิลลายังเป็น Mood Booster ช่วยให้รู้สึกดีและผ่อนคลาย ส่วนผิวมะนาวเขียวและผิวเลม่อนมี Essential Oil จากธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้เกิดความรู้สึกสดชื่นสดใส เป็นมุม Friendly ของโคล่าที่กิฟแชร์กับเรา

“Aircraft Cola เป็นโคล่าสูตรที่เราคิดค้นขึ้นเอง เราเรียกโคล่าของเราว่า Fresh Cola เพราะทำจาก Fresh Ingredient และเราก็ Freshly Mix คือเราผสมสดและเสิร์ฟลูกค้าสดๆ หน้าบาร์ นั่นคือความตั้งใจแรกของเรา”

The First in Bangkok

จุดเริ่มต้นของแบรนด์โคล่ามาจากการที่กิฟเป็นหนอนหนังสือ เธอได้แรงบันดาลจากตัวอักษรจนต้องลุกขึ้นมาใช้ชีวิตทำอะไรสนุกๆ ที่ไม่เคยทำ แล้วมันยังมาไกลกว่าที่คิดด้วย

วันหนึ่งกิฟไปอ่านหนังสือของ Eric Ludy แล้วได้แรงบันดาลใจจากชีวิตของเขามาก เขาใช้เวลาส่วนตัวตามลำพังในการลงทุนกับตัวเอง เช่น ลายมือไม่สวยก็หัดเขียนลายมือใหม่ หัดทำสิ่งใหม่ในชีวิต และเขารู้สึกว่ามันมีอีกหลายอย่างเลยที่เขาน่าจะสามารถทำได้ เพียงแต่ว่าเขายังไม่มีโอกาสได้ลองเลยไม่รู้ว่าตัวเองทำได้

“โคล่าเกิดจาก Personal Project ช่วงเวลาที่หยุดพักจากการทำงาน วันเสาร์อาทิตย์ก็เลยพยายามหาอะไรใหม่ๆ ทำ วันนั้นเราก็ไม่คิดหรอกว่าจากที่ต้มอะไรบ๊องๆ เอง มันจะเกิดมาเป็นร้านขนาดนี้ได้”

หลังจากทดลองต้มโคล่าครั้งนั้นค่อนข้างนาน จนช่วงที่สามีของกิฟเปิดร้านกาแฟ กิฟเลยมีโอกาสทำให้ลูกค้าชิม ปรากฏว่าฟีดแบ็กดี ก็เลยทำขาย

สุดท้ายกิฟเริ่มจริงจังขึ้นมาอีกขั้น เธอวางโพสิชั่นของแบรนด์ชัดเจนแต่แรกว่าเป็น Cola Maker ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เน้นการนำเสนอโคล่าโดยเฉพาะ

Aircraft Cola เปิดตัวครั้งแรกในงาน Bangkok Design Week 2019 เป็นอีเวนต์ที่คนครีเอทีฟมารวมตัวกัน คนที่มาเดินงานเป็นคนที่ Open-minded มาก เขาพร้อมที่จะลองอะไรใหม่ๆ ปีแรกที่กิฟไปขาย คนยังไม่ค่อยเข้าใจเวลาอธิบายว่า Aircraft Cola ทำโคล่าเป็นสูตรของตัวเอง แต่แปลกมากที่ลูกค้าก็ลอง ถือว่า Aircraft Cola เติบโตมาจากลูกค้าที่เป็น Brave Customer มากๆ

โคล่าทุก Batch ของร้านยังคงเป็นโคล่าที่ผ่านการปรุงโดยกิฟทั้งหมด ซึ่งจะใช้เวลาในการปรุงนานหลายวัน จนกิฟแซวตัวเองว่าถ้าวันไหนต้มโคล่า สามีจะรู้เลยว่าวันนั้นไม่ไปไหนแน่นอน

พอเข้าช่วงที่โควิดระบาด Aircraft จำเป็นต้องขยายตัวเองเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์เฉกเช่นร้านค้าอื่นๆ กิฟเลยได้ทำอะไรที่ไม่เคยคิดจะลองทำอีกครั้ง นั่นคือลองส่งสินค้าของ Aircraft Cola ให้ตัวเอง

“Aircraft Cola ตั้งใจจะเป็น Fresh Cola โคล่าทำสดหน้าบาร์ ไม่เคยคิดว่าจะต้องลงกระป๋องอะไรทั้งสิ้น แต่ว่าอาจารย์มหาลัยมาเยี่ยมช่วงโควิด เขาก็บอกว่าเอาลงกระป๋องไหม ผมว่าคุณต้องเดลิเวอรี

เราก็นั่งทดลองดูว่ามันเป็นไปได้ไหม ก่อนจะส่งให้ลูกค้าเราก็อยากมั่นใจว่ามันจะโอเคไหม วิธีการก็คือให้พี่เมสเซ็นเจอร์มารับสิ่งที่เราแพ็กไว้ แล้วเรากลัวเขาจะกลับมาเร็วเกิน เราเลยบอกว่าพี่ไปถ่ายรูปถุงนี้กับบรรดาแลนด์มาร์กตามที่เรากำหนดแล้วค่อยกลับมา”

กิฟให้คนขับแวะทั้งเสาชิงช้า สะพานพุทธ และสถานที่อื่นอีก รวมระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง คนขับก็จัดให้ตามคำขอ

Aircraft Cola ค่อยๆ เติบโตขึ้นตามจังหวะเวลาที่เหมาะสมของตัวเองมาเรื่อยๆ จนเดือนเมษายน ปี 2023 ก็มีหน้าร้านของตัวเอง แต่การขยับขยายครั้งนี้ก็มีทั้งเรื่องน่ายินดีและเรื่องน่าปวดหัวที่ท้าทายความสามารถของกิฟ

“ร้านอาหารบางแห่งเขาจะให้บรรดาเชฟได้ออกมาเป็นคนเสิร์ฟบ้าง จะได้เห็นว่าลูกค้ากินแล้วรู้สึกยังไง กิฟก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เราว่าเป็นธรรมชาติของคนทำอาหารที่เวลาเห็นคนกินแล้วรู้สึกดี เรารู้สึกดีตามไปด้วย แล้วบางทีอยู่แต่หลังหม้อต้ม ไม่ได้สัมผัสลูกค้า เราก็เฉาๆ เนาะ แต่พอเจอลูกค้าแล้วได้นั่งคุยกัน มันส่งเอเนอจี้ที่ดีให้กับเรา”

และบางทีแม้ว่าจะไม่ได้เจอลูกค้าตัวเป็นๆ แต่กิฟก็คอยอ่านข้อความรีวิวจากลูกค้าอยู่เสมอ ล่าสุดที่ประทับใจเป็นพิเศษคือ มีลูกค้าต่างชาติที่เห็นโคล่าของ Aircraft Cola ใน Instagram มานานแล้ว และตั้งเป้าว่าถ้ามาเมืองไทยจะต้องมาลองโคล่าที่ร้านนี้ให้ได้ เขาเขียนว่ารสชาติโคล่าของร้านคุ้มค่าที่เดินทางมาชิม

กิฟบอกว่าอ่านแล้วหายเหนื่อยเลย มันเป็นพลังงานที่ดีจากคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน กิฟเรียกผู้คนเหล่านี้ว่า ‘Meaningful Strangers’ และกิฟดีใจที่ความพยายามของเธอกับทีมส่งไปถึงลูกค้า แม้ว่าจะไม่ได้เล่าให้เขาฟังว่าพวกเธอพยายามแค่ไหนและทำอะไรไปบ้าง

ในขณะเดียวกันกิฟก็ต้องเจองานที่ไม่สนุกจากการเป็นเจ้าของกิจการ ทั้งการจัดการร้าน งานสินค้าคงคลัง การตลาดการโฆษณา การฝึกฝนพนักงาน ไปจนถึงการทำบัญชี ที่ต่อให้เกลียดเลขแค่ไหนก็ต้องผ่านไปให้ได้ รวมถึงต้องพัฒนารสชาติโคล่าของตัวเองอยู่เสมอด้วย

“ถ้าจะทำโคล่ากินเองสัก 2-3 แก้ว ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ แต่ถ้าทำโคล่าเป็นร้อยเป็นพันแก้วให้ลูกค้าที่มากินด้วยความคาดหวังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จุดนี้ทำให้ต้องพยายามเรียนรู้อยู่เสมอ ต้องหาหนังสือเครื่องเทศมาอ่านเพื่อทำความเข้าใจว่าเครื่องเทศแต่ละตัวต้องจัดการวิธีปรุงอย่างไร ถึงขั้นอ่านบทความภาษาอังกฤษเรื่องฟิสิกส์ของโซดา

เพื่อนด่าว่าเนิร์ดมาก แต่กิฟชอบคำพูดหนึ่งมากนะ เขาว่า… “To begin is easy, To persist is art.” แปลว่า การจะเริ่มต้นอะไรมันง่าย แต่การยืนระยะให้ได้นั้นเป็นศิลปะ

ถ้าถามว่าโคล่าให้อะไรเราและเราประทับใจมากที่สุด เรารู้สึกว่ามันเป็นประตูบานหนึ่งที่ให้เราได้ทำหลายๆ อย่าง ทำให้มีประสบการณ์ที่หลากหลาย ได้พบเจอผู้คน ได้รู้จักตัวเอง และได้ออกจาก Comfort Zone เป็นช่วงชีวิตที่มีความหมาย”

The Flavorful Memories

คอนเซปต์เมนูของ Aircraft Cola คือมีโคล่าเป็นเจ้าบ้านที่จะอยู่รับลูกค้าตลอด และมี Guest Soda หลากหลายรสชาติ แต่ละตัวมีระยะเวลาที่มาเยี่ยมบ้านโคล่าไม่เท่ากัน บางตัวก็มีเวลาประจำของตัวเอง

แต่มีอยู่คนหนึ่งที่อยู่ประจำ นั่นคือ Butter Beer รสนี้ลูกค้าเรียกร้องกันอย่างล้นหลาม กิฟเลยตัดสินใจทำรสนี้ตลอดเวลาซะเลย ลูกค้ามาเมื่อไหร่ก็เจอแน่นอน และกิฟคิดว่าที่ลูกค้าชอบ Butter Beer มากๆ เพราะรสชาตินี้มีความเป็น Comfort Flavor เนื่องจากบรรยากาศการใช้ชีวิตบางทีก็ตึงเครียด ผู้คนเลยมองหารสชาติอบอุ่นใจที่ทำให้รู้สึกได้กลับไปเป็นเด็ก หรือทำให้รู้สึกสบายๆ ซึ่งบัตเตอร์เบียร์คงตอบโจทย์ เลยทำให้ขายดีเกินคาด

บาร์โคล่าของที่นี่มี Guest Soda รสชาติใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ ซึ่งบางทีก็มาจากการนำเหตุการณ์รอบตัวกิฟมาทำเป็นรสชาติโซดาขายซะเลย แล้วแต่ละกระป๋องนั้นไม่ธรรมดาตั้งแต่ชื่อเรียกยันรสชาติ ทั้ง ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’ จากเหตุการณ์ ที่มิลลิเอาเมนูนี้ขึ้นเวที Coachella ‘Work Work Work’ ที่มาในธีมเครื่องดื่มชูกำลัง หรือน้ำเกลือแร่ที่ทำจากมะนาวและเกลือจากบ่อเกลือร้อยปี จังหวัดน่าน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากตอนที่ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุขึ้นเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ‘น้ำมนต์’ ที่เป็นรสมะลิ ให้ความรู้สึกเหมือนกินน้ำลอยดอกไม้ ถ้าเสิร์ฟใส่แก้วจะมีทองคำเปลวออนท็อปให้ด้วย

‘Happy Sick Kid’ (รสองุ่นและลูกเกดที่เพิ่มความกลมกล่อมด้วยวานิลลาแท้) แปลตรงตัวว่าเด็กป่วยผู้มีความสุขจากเรื่องราววัยเด็กของกิฟ เธอเล่าว่าแม่ของเธอยอมให้กินน้ำองุ่นโซดาเวลาไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล ถึงแม้คุณหมอจะบอกว่าไม่ควรกินของเย็นก็ตาม กิฟบอกว่าการฝ่าฝืนกฎย่อมเป็นความทรงจำที่ดี ซึ่งก็คงจะจริง เพราะเธอยิ้มกว้างเชียวระหว่างที่เล่าเรื่องนี้ รส Happy Sick Kid จะมาช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปีเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ความทรงจำระหว่างกิฟกับคุณแม่

‘Rain or Shine’ (รสสตรอว์เบอร์รีชรับ ใช้สตรอว์เบอร์รีสดและสตรอว์เบอร์รีวีนีการ์ที่หมักเอง) แก้วนี้ทำเพื่อเป็นที่ระลึกให้สามี กิฟบอกว่าสามีชอบสตรอว์เบอร์รี และปกติเวลาพูดถึงโซดาสตรอว์เบอร์รี คนจะนึกถึงรสหวานเพียงอย่างเดียว แต่กิฟอยากให้รสมีความซับซ้อนและแปลกใหม่กว่านั้น เลยทำเป็นแบบชรับ (Shrub) ซึ่งเป็นวิธีปรุงโซดาที่ฮิตมากในศตวรรตที่ 18-19 โดยเอาผลไม้มาหมักเป็นวีนีการ์แล้วปรุงรสหวานเพิ่ม ทำให้ได้รสเปรี้ยวที่แตกต่างจากรสมะนาว

กิฟมองว่าวิธีปรุงนี้เล่าความทรงจำในวันแต่งงานไปในตัว เพราะวันแต่งงานของเธอมีฝนตกหนักมากในช่วงเช้า แต่พอตกบ่ายแดดก็ออก ในพิธีแลกคำสัญญา (เธอแต่งงานแบบคริสต์) เลยมีประโยค ‘ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออกก็จะอยู่ด้วยกัน’ กลายเป็นที่มาของชื่อ Rain or Shine ที่ไม่ได้เป็นสตรอว์เบอร์รีหวานจ๋าอย่างเดียว แต่ตัดรสเปรี้ยวด้วยวีนีการ์ที่กลมกล่อมขึ้นตามกาลเวลา

นอกจากนี้ ลายบนกระป๋องยังเป็นสีรุ้งซึ่ง เป็นสัญลักษณ์ของ ‘คำสัญญา’ ตามคัมภีร์ไบเบิล และกิฟยังแอบหยอดมาอีกว่า รุ้งจะโผล่มาก็ต่อเมื่อมีทั้งสายฝนและแสงแดดไงล่ะ

‘Never Too Old’ (รสบ๊วยหนึ่งปี) ลูกค้าขาประจำรู้กันดีว่า Guest Soda รสชาตินี้จะมาช่วงเดือนเกิดของกิฟ เธอดองบ๊วยเองแล้ววางคอนเซปต์ให้เป็นรสชาติที่โตมาพร้อมกับกิฟทั้ง 365 วัน ลูกค้าที่ซื้อไปกินก็คือคนที่ร่วมดื่มฉลองวันเกิดให้กับเธอ คอนเซ็ปต์ของฉลากมาจากสีท้องฟ้า ซึ่งบอกการเปลี่ยนผ่านของวันและคืนโดยไล่เฉดสีจากส้มไปฟ้าอมม่วง ชวนให้นึกถึงได้ทั้งท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

เมื่อเราถามกิฟว่าอยากให้คนกินรสไหน กิฟก็ตอบว่า

“กินรสที่ชอบแหละ เรานำเสนอ Experience ใหม่ Aircraft Cola เกิดมาเพราะแบบนั้นเลย เพราะกิฟอยากมี Experience ใหม่ๆ ในชีวิต Aircraft Cola จึงอยากเป็น Experience หนึ่งที่อยากให้คุณได้สัมผัสดู” กิฟบอกพร้อมเสริมว่า ทุกรสเป็นผลงานที่เธอตั้งใจสร้างสรรค์ และแน่นอนว่าถ้ามาถึง Aircraft Cola รสที่พลาดไม่ได้คือ Original Cola ซึ่งเป็นต้นรสชาติที่เป็นตัวตนของแบรนด์

เครื่องดื่มของ Aircraft Cola คอนเซปต์แน่นทุกตัว กิฟว่าต่อให้ทำโซดามะนาวธรรมดาก็ขอเล่าเรื่องเป็นฉากๆ ตามสไตล์คนชอบคิดชอบเล่าเรื่อง ระหว่างกระบวนการคิดนี้เธอก็ว่าสนุก เพราะส่วนตัวชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว และเห็นเสน่ห์ของหนังสือตรงที่เป็นการได้เห็นความคิดของคนอื่น กิฟเลยเล่าเรื่องและวิธีคิดผ่านโซดาของเธอบ้าง

“ลึกๆ แล้วมีความฝันว่าอยากเขียนหนังสือ อิจฉาคนที่มีหนังสือเป็นของตัวเองมากเลย แต่บรรดา Guest Soda นี่อาจจะเป็นหนังสือของกิฟก็ได้มั้ง สั้นนิดหนึ่งนะ เป็นเรื่องเล่าจบในตอน”

และเมื่อไม่นานมานี้มีเพื่อนทักกิฟว่าคิดมาเยอะขนาดนี้ ต้องหาวิธีให้ความคิดมันส่งไปถึงคนกินด้วย กิฟเลยนึกได้ว่าจริงด้วย เราต้องพัฒนาแล้ว กิฟหาวิธีเล่าโดยพิมพ์ QR Code บนฉลากของกระป๋อง พอสแกนแล้ว ลูกค้าจะได้อ่านเรื่องราวเบื้องหลังโซดารสนั้นๆ นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่กิฟกำลังทำ น่าจะเสร็จในปี 2024 นี้

พอถามถึงเป้าหมาย กิฟก็หัวเราะออกมาพร้อมกับบอกว่าถามเหมือนกันทุกสื่อเลย (แหม ก็ไอเดียล้นขนาดนี้เลยอยากรู้นี่นา ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็บ่งบอกตัวตนของกิฟดี)

“คำตอบเหมือนเดิมตลอด อยากเป็นโคล่าที่คนกินแล้วจะคิดถึง มันคงดีถ้า Aircraft Cola ได้เป็น Flavor Memory ของคนที่ได้กิน”