Sense of space

ออฟออกตัวกับเราว่าหนึ่งในเหตุผลที่เลือกเปิดคาเฟ่ เพราะเขาเองก็ชอบไปนั่งเสพบรรยากาศตามร้านต่างๆ เมื่อมีโอกาสได้ทำร้านของตัวเอง ‘บรรยากาศ’ จึงเป็นสิ่งที่เขาเลือกให้ความสำคัญ ตามมาด้วยความต้องการให้ AYATANA เป็นสเปซทีทำประโยชน์ให้กับคนที่มาได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไปพร้อมๆ กับการได้ซึมซับบรรยากาศดี ๆ

เราถามว่าอยากให้ Mood and Tone ของร้านออกมาเป็นแบบไหน “อยากให้เข้ามาแล้วได้ความสงบ เข้ามาแล้วรู้สึกสบายใจเหมือนได้มาพัก” เขาตอบ(ยิ้ม)

ส่วน ‘อายตนะ’ นั้นหมายถึง การรับรู้ผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ “เราอยากให้คนมาแล้วมีความสุขกับการได้ใช้ประสาทสัมผัสการรับรู้ครบทั้ง 6 เลยเป็นที่มาของชื่อร้าน” ในความหมายของเขาคือ ให้ตาเห็นของสวย หูฟังเพลงเพราะ จมูกได้กลิ่นหอม ลิ้นได้รับรสชาติอาหารอร่อย กายรู้สึกสบาย รวมถึงใจรู้สึกสงบ

และเมื่อเดินพ้นประตูเข้าไปในร้าน หลายคนคงสะดุดตากับลูกบอลทรงกลมสีขาวหลากขนาด ทั้ง 6 ลูก มองผิวเผินอาจดูเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตธรรมดาๆ แต่แท้จริงแฝงไว้ด้วยนัยยะของการเป็นตัวแทนของสัมผัสทั้ง 6 ที่ถูกออกแบบให้มีสัดส่วนเล็กใหญ่ตามสัดส่วนจริงบนร่างกาย มีเท็กซ์เจอร์แตกต่างกันเพื่อให้เกิดมิติเวลาโดนแสงอีกด้วย

สถานที่ที่เสิร์ฟความสุขแบบเรียบง่ายแต่น่าจดจำ เราว่า AYATANA เป็นแบบนั้น

Good Vibes In Asian Style

ทั้งสถานที่ กลิ่น รส และมวลบรรยากาศจาก อายตนะ เป็นสิ่งที่อินทีเรียอย่างออฟและเพื่อนๆ ตั้งใจออกแบบทั้งสิ้น “ด้วยความที่เราทำอินทีเรียอยู่แล้วเราก็อยากทำอะไรที่มันเป็นเรามากที่สุด อยากทำให้มันเป็น เอเชี่ยนสไตล์” เขาบอกถึงภาพรวมการตกแต่งร้าน ก่อนจะเสริมว่า เฟอร์นิเจอร์นั้นเป็นสไตล์สแกนดิเนเวียนที่เขาชื่นชอบ

การตกแต่งทั้งหมดเน้นให้ความรู้สึกสงบกับผู้มาเยือน แม้คอนเซ็ปต์ของที่นี่คือความธรรมดาและเรียบง่าย แต่สิ่งต่างๆ ที่ถูกหยิบจับมาวางยังพื้นที่แห่งนี้ล้วนผ่านความตั้งใจและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้สถานที่พิเศษขึ้นมาทันที

ส่วนโซนที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์อยู่ด้านในสุดของร้าน มุมโปรดที่หลายๆ คนชื่นชอบ เพราะตอบโจทย์การถ่ายรูปแบบสุดๆ เฟอร์นิเจอร์ถูกจัดเรียงในพื้นที่เปิดโล่ง เพดานสูงโปร่ง มีแสงธรรมชาติลอดเข้ามาตลอดแทบทั้งวันในบรรยากาศ Asian Style โทนสีและดีไซน์ถูกคิดมาแล้วอย่างดีมองแล้วให้ความรู้สึกสบายตา นั่งได้แบบเพลินๆ เราเห็นด้วยอย่างที่ออฟว่า การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติจะให้ความรู้สึกอบอุ่น พื้นที่ตรงนี้ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

อีกอย่างเพราะเขาเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ งานคราฟต์ และนำเฟอร์นิเจอร์มือสองมาปรับเสริมเติมแต่งใหม่ พอทุกอย่างมาอยู่รวมกันจึงเป็นความต่างในแบบที่ลงตัว

นอกจากนี้ทางร้านยังมีพื้นที่ของการรับรู้ เป็นห้องสำหรับการนั่งสมาธิ หากใครสนใจอยากใช้พื้นที่ตรงนี้สามารถเข้าไปใช้ได้ตามต้องการ เพียงเคารพกฎไม่นำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปบริเวณด้านใน “เราอยากแชร์ในเรื่องของจิตใจ ความสงบ ถ้ารู้สึกไม่สบายใจลองเข้าไปนั่งดูได้ มันเป็นห้องเปิด ทุกคนสามารถเข้าไปเปิดแอร์นั่งพักได้” เขาพูดเสริม

• AYATANA SHARING

อีกหนึ่งกิมมิกน่ารักๆ ของทางร้านคือ ‘AYATANA SHARING’ หรือ 1 แก้ว 1 บาท เมื่อสั่งเครื่องดื่มเราจะได้รับเหรียญพลาสติกรูปตัว A ที่มีมูลค่า 1 บาท สำหรับไปหยอดในกล่องของแต่ละมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ตามแต่เราละเลือกบริจาคได้เลย “เหมือนลูกค้าจ่ายเราแล้ว เราก็แบ่งส่วนนี้ไปให้คนอื่นต่อ” เป็นความตั้งใจที่เขามีมาตั้งแต่ต้น

แน่นอนว่าลูกค้าจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปันและส่งต่อสิ่งดีๆ ตามแนวคิดของอายตนะที่ว่า “การแบ่งปันจะสร้างความสุขที่มีผลเกิดขึ้นกับใจของทั้งผู้ให้และผู้รับ” พวกเขาเชื่อแบบนั้น

ส่วนเครื่องดื่มและขนมของทางร้านนั้นจะเป็นโฮมเมดทั้งหมด ใครได้แวะไปเราแนะนำให้ลอง Khaolam Affogato (150 บาท) ถ้านึกถึงชลบุรีก็ต้องข้าวหลามหนองมน อายตนะจึงหยิบเอาความ Local มารังสรรค์ เป็นเมนูสุดว้าวที่ลูกค้าหลายคนติดใจ หรือใครจะลองเป็น Sense of Smooth (150 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่นำเอากาแฟกับนมมาเชกรวมกัน เสิร์ฟพร้อมทอร์ชซินนามอนด้านบน ได้รสนุ่นละมุนและกลิ่มหอมกำลังดี

ต่อกันด้วยเมนูขนมขายดีตลอดการที่ออฟแนะนำให้ลอง Coconut Passion Fruit (150 บาท) เค้กครีมมะพร้าวรสหวานมันที่ซ่อนความสดชื่นของเสาวรสไว้ด้านใน ออนท็อปด้วยมะพร้าวคั่วทอร์ชไฟเพิ่มความลงตัวให้เมนูนี้ได้อย่างดี

ใครอยากแวะชาร์จความสุขระหว่างทริป สถานที่แห่งนี้พร้อมเสิร์ฟความอิ่มอร่อยท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่แสนอบอุ่น ให้เราเข้ามาผ่อนคลายและจิบกาแฟได้อยู่เสมอ รับองว่าถูกใจสาย Café Hopping อย่างแน่นอน!