- Bite and Bond คาเฟ่ดีไซน์แปลกตา ตั้งอยู่ชั้นล่างของโฮสเทล Double B ย่านเสาชิงช้า ของคุณเบนซ์ – ปริญ จิวารุ่งเรือง วัย 30 ปีที่เรียนจบด้านการโรงแรมมาและตั้งใจจะทำในสิ่งที่รัก
- เพราะเกิดและเติบโตในครอบครัวเชื้อสายจีน การออกแบบแทบทุกตารางนิ้วในคาเฟ่นี้คำนึงถึงหลักฮวงจุ้ย ตั้งแต่พื้นที่ของร้าน บันได โต๊ะหรือที่นั่ง
- ความอบอุ่นจากครอบครัวที่รักและเข้าใจนำมาสู่แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อเมล็ดกาแฟซิกเนเจอร์ ‘Bobby and Betty’ เมล็ดคั่วเข้มที่เป็นตัวแทนของพ่อแม่ของเธอ
ระแนงไม้และการคุมโทนด้วยสีน้ำตาลคือความอบอุ่นที่เราสัมผัสได้ แดดส่องลอดเข้ามาใจกลางร้านสะท้อนกับวอลเปเปอร์ลายใบไม้สีเขียวแผ่นใหญ่ ส่งให้บรรยากาศภายในนี้โปร่งสบาย ใครก็ตามเมื่อแรกคาเฟ่นี้ คงรู้สึกประหลาดใจเพราะตัวอาคารภายนอกช่างคอนทราสต์กับตึกเก่าๆ ที่อยู่ติดกัน…เราก็รู้สึกแบบนั้นในวันที่มา Bite and Bond
จุดเปลี่ยนของตึกเก็บพระสู่คาเฟ่
“แต่เดิมตึกนี้เป็นที่จอดรถของที่บ้านและใช้เก็บองค์พระขนาดใหญ่ค่ะ จนวันที่เสาระเบิด วิศวกรมาตรวจตึกแล้วบอกกับเราว่าถ้าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรตึกถล่มแน่นอน” คุณเบนซ์ – ปริญ จิวารุ่งเรือง เจ้าของร้าน Bite and Bond Café แห่งนี้เล่า
ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวของคุณเบนซ์ทำธุรกิจค้าขายพระมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่เป็นกิจการที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทว่าคุณเบนซ์ก็รู้ตัวเองดีตั้งแต่เด็กว่าตัวเองคงไม่สามารถกลมกลืนไปกับกิจการขายพระของครอบครัวได้ ประจวบเหมาะกับช่วงที่เธอออกจากงานประจำพอดี พอมาเจอเหตุการณ์เสาระเบิด ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ครอบครัวเธอช่วยกันคิดว่าจะซ่อมแซมตึกนี้ให้ออกมาเป็นอย่างไร
จริงอยู่…โฮสเทลคือความตั้งใจแรก เพราะอยากใช้ความรู้เรื่องการโรงแรมที่ร่ำเรียนมาและเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่เพราะมีอะไรหลายอย่างที่ลงตัวมากกว่า และแฟนเธอเองก็กำลังเรียนทำเบเกอรี่ คาเฟ่ชั้นล่างของโฮสเทลจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเวลานั้น
“เวลาเราทำอะไรหรือทำอาชีพอะไรเบนซ์คิดว่าเราควรมีพื้นฐานที่ดี เพื่อ Performance ที่ดี โชคดีที่คุณพ่อและคุณแม่เข้าใจและเปิดกว้าง เป็นที่ปรึกษาจนทำให้ Bite and Bond Café และ Double B Hostel ออกมาอย่างที่เบนซ์ตั้งใจ ในวันที่เบนซ์ตัดสินใจคุยกับครอบครัวว่า เราจะขอมาทำกิจการของตัวเอง ป๊าบอกเบนซ์ว่า….‘ได้ ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลุยเลย’…”
“เบนซ์ทำเองคนเดียวเลยทำให้รู้สึกว่าเราต้องโตไปกับมัน” เกือบสามปีที่เธอเริ่มคิด ลงมือทำ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง Bite & Bond คือผลลัพธ์ของความตั้งใจและความทุ่มเทแม้เหนื่อยและท้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่ในที่สุดคาเฟ่ก็พร้อมเปิดบริการ ส่วนโฮสเทลจะพร้อมเปิดในปลายปีนี้
ดีไซน์ที่ไปพร้อมกับฮวงจุ้ย
เมื่อเติบโตมาในครอบครัวเชื้อสายจีน แน่นอนว่าการลงมือเปิดกิจการของตัวเอง ย่อมได้รับอิทธิพลเรื่องฮวงจุ้ยจากซินแสและบุคคลรอบข้าง รูปลักษณ์อาคารเมื่อมองจากภายนอกจะมองเห็นด้านหน้าแคบด้านในกว้างที่คนจีนเชื่อว่านี่ล่ะคือถุงเงินถุงทอง
ความโค้งมนที่สัมผัสได้ภายในร้านแทบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ สแตนด์ โค้งบันได ล้วนมีที่มาจากฮวงจุ้ย “ที่เห็นทุกส่วนของตึกเป็นแนวโค้งๆ กลมๆ คนจีนเชื่อว่าอย่ามีเหลี่ยม เหลี่ยมจะทำให้ชน ทำให้มีศัตรูหรืออะไรไม่ดี ต้องกลมๆ ถึงจะดี เพราะหมายถึงความสามัคคีกลมเกลียวกัน” เธอบอก
แต่แม้จะยึดหลักฮวงจุ้ยแค่ไหน บางมุมก็ย่อมมาจากความชอบส่วนตัวกันบ้างอย่างแต่ละชั้นในตึกที่ดูไม่เท่ากัน เป็นเลเยอร์ทำให้เกิดมิติภายในอาคารแปลกตาที่เธอรู้สึกว่ามองกี่ครั้งก็ยังไม่เคยเบื่อ
ตัว B ที่มีความหมาย
ชื่อ Bite and Bond มาจากคำสองคำ…Bite คือการมานั่งกิน Bond คือการรวมตัวคนที่เรารัก นอกจากมานั่งกินมาถ่ายรูปแล้ว เธอยังตั้งใจให้คนที่มาได้นั่งพูดคุย มา Chitchat กัน ซิกเนเจอร์เมนูที่เราอยากให้ลองสั่ง คงหนีไม่พ้น Bite and Bond เอสเปรสโซ่เย็น รสหวานนิดๆ เจือกลิ่นมะพร้าวอ่อนๆ โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
ส่วนกาแฟของที่นี่เน้นแนว Specialty Coffee โดยเฉพาะตัวเมล็ดซิกเนเจอร์ที่มีเรื่องราวซ่อนอยู่ ‘Bobby and Betty’ เมล็ดกาแฟคั่วเข้มที่ได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อซึ่งเธอบอกว่าทำให้นึกถึงผู้ชายเข้มๆ ไว้หนวด ที่สำคัญพ่อคือลมใต้ปีกของเธอที่ทำให้ร้านนี้เกิดขึ้นได้สมความตั้งใจ และถ้ามี Bobby ชื่อเดียวคงไม่ได้ เพราะคุณแม่คืออีกคนที่มีส่วนสำคัญเช่นกัน Betty ก็เลยกลายเป็น Bobby and Betty
เราว่า Bite and Bond เป็นคาเฟ่มีดีไซน์ที่สายโซเชียลถ่ายรูปได้ทุกมุม ความโปร่งของอาคารทำให้ที่นี่นั่งสบายในบรรยากาศภายในที่อบอุ่น…เป็นที่ที่เพื่อนมาพบกัน พูดคุยกันท่ามกลางความหอมของกาแฟ
Bite and Bond Café เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
คาเฟ่อยู่ชั้นแรกของตึก Double B Hostel ตั้งอยู่ที่ซอยนาวา ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ
หากนำรถส่วนตัวมา: แนะนำที่จอดรถ J PARK ชั่วโมงละ 30 บาท และหลังศาลเจ้าพ่อเสือ ชั่วโมงละ 50 บาท