

Homemade Legacy
Happy Mum Happy Me คาเฟ่สองเจนฯ จากลูกผู้ต่อเติมฝันของแม่ที่แจกความสดใสผ่านอาหารโฮมเมด
- อดีตบ้านแฝดร้างย่านนวมินทร์ 42 กลายมาเป็นคาเฟ่โฮมเมด Happy Mum Happy Me โดยเกิดขึ้นจากความฝันของแม่กุ้ง-วรนุช แซ่ปั่ง ที่ต้องการเสิร์ฟความรักผ่านข้าวทุกจานให้ลูกๆ ทุกคน มีหมัดเด็ดห้ามพลาดคือหมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสด
ดอกไม้ ความสดใส รอยยิ้ม อาหารโฮมเมด และบรรยากาศโฮมมี นี่คือนิยามที่เราขอมอบให้ Happy Mum Happy Me
วันนี้เรามาเยือนถึงถิ่นนวมินทร์ 42 เพราะมีนัดกับกุ๊ก-อำนวยสินธุ์ พุกรักษา ลูกชายผู้ละทิ้งความฝันของตัวเอง เพื่อมาเปิดร้านคาเฟ่ตามความฝันของแม่ และกุ้ง-วรนุช แซ่ปั่ง คุณแม่วัย 58 ปีสุดแจ๋ว ผู้ส่งพลังบวกผ่านเมนูอาหารทุกจาน
ท่ามกลางความร้อนระอุของอากาศประเทศไทย เราลงจากวินมอเตอร์ไซค์ แล้วเงยหน้ามองบ้านไม้แฝดรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ตั้งโดดเด่นสุดปลายซอย แม้ยังไม่ได้ก้าวเข้าไปในบ้านแต่มองดูก็รับรู้ได้ถึงความสดใสที่แพร่กระจายอยู่ทุกส่วน โดยเฉพาะดอกไม้หลากหลายสีสันที่มาเติมเต็มความสดใสให้บ้านหลังนี้
ขณะเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมฉุยล่องลอยอยู่บนอากาศ มีดอกไม้ประดับประดารายล้อมรอบ สีสันของความสดใสกระจัดกระจายอยู่ทั่วบ้านไม่ต่างจากภายนอก เหลือบไปทางขวาก็เห็นเฟรนช์ บูลด็อกตัวสีดำนั่งจ้องอยู่ ภายหลังถึงได้รู้ว่านี่คือหนึ่งในพนักงานประจำร้าน ‘ทองชุบ’ คือชื่อของเขา เราเข้าไปลูบหัวทองชุบเบาๆ พอเงยหน้าขึ้น กุ๊กก็เข้ามาทักทายเราพอดี
กุ๊กต้อนรับเราอย่างอบอุ่น เสมือนเป็นเพื่อนบ้านของเขา เราจิบชาเย็นๆ ปล่อยให้บทสนทนาลื่นไหลไปอย่างไม่รู้ตัว เขาเล่าเส้นทางการเปิด Happy Mum Happy Me ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเข้ากับบรรยากาศโฮมมี อบอุ่น สบายๆ จนรู้สึกเหมือนมาเยี่ยมเยือนบ้านเพื่อนเก่า
แล้วห้วงบทสนทนาสบายๆ ก็เริ่มต้นขึ้นในบ้านไม้แฝดหลังนี้
ร่วมสร้างความฝันสู่ความจริง
“Happy Mum Happy Me เกิดจากความฝันของแม่”
กุ๊กพูดกับเราตรงไปตรงมา เล่าถึงความฝันตั้งแต่เด็กที่ไม่มีโอกาสได้ทำ คือความฝันที่อยากไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่บางครั้งโชคชะตามักเล่นตลก อะไรที่เคยวางแผนไว้ไม่เคยจะเป็นตามนั้น ในปีนั้นโควิดเข้ามาทักทายชีวิตกุ๊ก ช่วงนั้นหลายบริษัทมีนโยบาย Work From Home ทำให้กุ๊กมีเวลาสนใจมองสิ่งรอบกายมากขึ้น จนหันไปเห็นบ้านไม้หลังนี้
“เมื่อก่อนแถวนี้เป็นทุ่งนามาก่อน ส่วนบ้านแฝดหลังนี้เคยเป็นบ้านร้างตั้งอยู่สุดซอยถนน คนขับผ่านไปผ่านมาก็จะกลัวกัน ตอนแรกพี่ไม่เคยหันมามองเลย จนวันหนึ่งก็ตัดสินใจบอกพ่อว่า พี่อยากรีโนเวตบ้านหลังนี้”
จากบ้านร้างหลังเก่าอายุกว่า 80 ปีนี้ แปรเปลี่ยนมาเป็นคาเฟ่ 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นเคาน์เตอร์บาร์เสิร์ฟเครื่องดื่มสุดเจ๋ง และเป็นห้องครัวสำหรับเสิร์ฟเมนูอาหารพลังบวกให้ลูกค้า ส่วนชั้น 2 เป็น Selected Shop จำหน่ายสินค้าน่ารักกุ๊กกิ๊ก พวงกุญแจ แก้วน้ำ กำไลข้อมือ และสินค้าสุดพรีเมียมของ Happy Mum Happy Me
คราวแรกกุ๊กตั้งใจใช้บ้านไม้หลังงามนี้เป็นร้านขายคุกกี้ของแม่ ย้อนกลับไปช่วงสถานการณ์โควิด ทุกคนมีนิสัยส่วนหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน คือความอยากลองทำอาหาร แม่กุ้งก็เช่นกัน หลังจากที่แม่กุ้งเริ่มเข้าคอร์สเรียนเบเกอรี จนมาปรับสูตรเริ่มทดลองขายผ่านช่องทางออนไลน์ ได้รับกระแสตอบรับดีมาก กุ๊กนึกย้อนแล้วเล่าแบบขำๆ ว่า ถึงขนาดต้องซื้อเตาใหญ่เพื่อมาอบคุกกี้จริงจังโดยเฉพาะ
แม้โควิดพรากความฝันของกุ๊กไป แต่สิ่งหนึ่งที่กุ๊กเรียนรู้คือการทำธุรกิจเริ่มสนุกขึ้น หลังจากปรึกษากับแม่ว่าอยากทำอะไร แม่กุ้งก็ตอบว่าอยากเปิดร้านอาหาร ตอนนั้นบ้านหลังนี้รีโนเวตเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าสู่ความฝันของแม่ แต่จะให้มาเปิดร้านทุกวันก็ไม่ได้ เพราะกุ๊กมีงานประจำ จึงตกลงเปิดแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น หลังจากตัดสินใจจะเปิดคาเฟ่ที่ขายอาหารฝีมือแม่กุ้ง กุ๊กก็ไปเข้าคอร์สเรียนชงกาแฟ เพื่อมารับบทเป็นบาริสตาคู่กับเพื่อนอีกคน
Happy Mum Happy Me เริ่มก่อร่างกลายมาเป็นคาเฟ่จากฝีมือเพียง 3 คนเท่านั้นคือ กุ๊กดูแลหน้าร้านและรับบทบาริสตาบ้าง เพื่อนของกุ๊กผู้ทำหน้าที่เป็นบาริสตา และแม่กุ้งที่เปรียบเสมือนหัวเรือหลัก คอยส่งมอบมื้ออาหารจากหัวใจตรงสู่ลูกค้า
ขณะที่เราแลกเปลี่ยนบทสนทนากับกุ๊ก แม่กุ้งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม เสน่ห์ของแม่ลูกคู่นี้ถอดแบบออกมาจากรอยยิ้มจริงๆ เราถือโอกาสสวัสดี พร้อมชักชวนมาร่วมวงล้อมการสนทนานี้ เราพาแม่กุ้งย้อนวันวานกลับไปวันแรกที่เปิด Happy Mum Happy Me ว่าตอนนั้นเริ่มแนะนำตัวให้ผู้คนรู้จักด้วยเมนูอะไร และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเมนูอาหารมีอะไรกันบ้าง
“ช่วงคิดค้นเมนูที่จะเปิดขาย แม่ก็ต้องหาเมนูที่บ่งบอกตัวตนของแม่เนอะ ก็นั่งคิดและทดลองสูตรต่างๆ จนได้ออกมา 3 เมนู คือหมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสด ข้าวไก่ตุ๋นน้ำจิ้มซีฟู้ด และข้าวกะเพราหมูพริกเหลือง”
หมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสด เมนูที่ใครมา Happy Mum Happy Me ต้องสั่ง! ที่มาของเมนูนี้คือคุณยายของแม่กุ้งเป็นคนพุมเรียง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นที่รู้กันดีว่าหมี่กะทิพุมเรียงดังมาก ไม้เด็ดของแม่กุ้งคือการปรับรสชาติให้ถูกปากคนภาคกลาง ปรับจากเผ็ดจ๋าให้กลายเป็นเปรี้ยวหวานกินง่าย และโดยปกติจะนิยมนำน้ำซอสลงผัดพร้อมเส้น แต่แม่กุ้งจะนำเส้นหมี่มาราดน้ำซอสแล้วใส่กุ้งสดตัวใหญ่ทีหลัง เส้นที่ได้จึงเหนียวนุ่มเป็นพิเศษ
ผัดกะเพราคือเมนูขวัญใจคู่เมืองไทยที่แม่ทุกบ้านต้องทำเป็น แต่ความพิเศษของ Happy Mum Happy Me คือแม่กุ้งเลือกใช้พริกเหลืองมาผัดผสมกับใบ กะเพรา รสชาติที่ได้จึงสอดแทรกเอกลักษณ์ความเป็นปักษ์ใต้ไว้ แต่ไม่ได้เผ็ดมาก ออกหวาน ส่วนข้าวไก่ตุ๋นน้ำจิ้มซีฟู้ด แม่กุ้งปรับสูตรจากพี่สาวให้กลายมาเป็นไก่ตุ๋นสูตรเฉพาะของ Happy Mum Happy Me โดยใช้สะโพกไก่ชิ้นหนาๆ เนื้อแน่นหนุบหนับ มาตุ๋นจนเนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย จานนี้ชิ้นใหญ่มากขนาดที่หลายโต๊ะต้องแบ่งกันเลยนะ
ลูกค้าทุกคนคือลูกของแม่
แค่ฟังกรรมวิธีการทำอาหารจากแม่กุ้ง ทำเอาเราน้ำลายสอ ท้องร้องจ๊อกๆ แม่กุ้งเหมือนจะรู้ทันจึงขอแสดงฝีไม้ลายมือทำอาหารให้ทั้ง 6 เมนูแนะนำ
สลัดส้มเบคอนรมควัน ผักสลัดกรอบๆ เสิร์ฟคู่กับส้ม ฟักทอง มะเขือเทศหั่นบางๆ ราดซอสบัลซามิกรสหวานอมเปรี้ยว เพิ่มกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอ เป็นเมนูคลายร้อนได้ดี เหมาะเติมความสดชื่นระหว่างวัน
ไข่น้ำต้มแซ่บหมูก้อนทรงเครื่อง ใครที่เรียกร้องให้ Happy Mum Happy Me มีอาหารจานกลางเพิ่ม แม่กุ้งเลยจัดให้ เป็นเมนูต้มสุดแซ่บ ให้ซดน้ำซุปเผ็ดเปรี้ยวสู้อากาศร้อนไปเลย แถมหมูก้อนทรงเครื่องนี่ก็ไม่ได้ไปซื้อที่ไหน แม่กุ้งลงมือผสมเองทุกขั้นตอน
ข้าวกะเพราหมูพริกเหลือง กะเพราที่ไหนก็ไม่ถูกใจเท่ากะเพราฝีมือแม่กุ้ง ที่นี่ใช้กะเพราล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม ถือเป็นกะเพราที่เราขอติ๊กเครื่องหมายถูกต้อง และหมูที่ใช้ก็เป็นหมูสับล้วนผัดแห้งๆ ผสมกับพริกเหลืองที่เพิ่มความหอมหวานยิ่งขึ้นไปอีก กินคู่กับไข่เป็ดดาว ไข่ขาวกรอบๆ ไข่แดงเยิ้มๆ บอกเลยว่าจานนี้ฟินมาก
ไข่พะโล้หมูสามชั้นน้ำข้น ขอตั้งชื่อเมนูนี้ให้ใหม่ว่า เมนูข้าวหมดจาน น้ำพะโล้เข้มข้นตามสูตรปักษ์ใต้ ไข่เป็ดไซซ์ใหญ่จุใจ หมูสามชั้นหมักชิ้นหนาใหญ่ เคี่ยวกับน้ำพะโล้จนนุ่มเปื่อยเข้าเนื้อ แค่เอาลิ้นดุนเบาๆ ก็ละลายหายไปในปากแล้ว เป็นอาหารจานกลางที่เราอยากยึดมากินคนเดียวมาก แค่ข้าวสวยกับน้ำพะโล้ก็อร่อยแล้ว รู้ตัวอีกทีอาจไม่ใช่แค่ข้าวหมดจาน อาจหมดหม้อเลยก็ได้
สปาเกตตีครีมไข่กุ้ง กุ๊กบอกเสมอว่า เมนูนี้ทำให้อยากกลับมาเปิดบ้านอีกครั้ง หรือภูมิใจนำเสนอมากๆ หมัดเด็ดสำหรับจานนี้คือรสชาติครีมมี่ คลุกเคล้าเข้ากับไข่กุ้งและชีสฉ่ำๆ และผงวิเศษที่ทำให้จานนี้กลมกล่อมขึ้น แต่กุ๊กขออุบไว้เป็นเครื่องปรุงลับของร้าน
สุดท้ายคือเมนูขายดีประจำร้าน ใครมาก็ต้องสั่ง นั่นคือหมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสด เส้นหมี่เหนียวนุ่มเคลือบน้ำซอสรสเปรี้ยวหวานเข้มข้นทุกอณู กินคู่กับกุ้งสดตัวใหญ่ๆ ยิ่งบีบมะนาวคลุกกับถั่ว แกล้มด้วยผักสดและพริกแห้ง ยิ่งเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อม พอคลุกเคล้าแล้วเอาเข้าปากก็เหมือนกับทุกรสชาติระเบิดอยู่ในนั้น
ต้องบอกว่าที่นี่เสิร์ฟอาหารจานใหญ่มาก เหมือนกินฝีมือแม่เพื่อนที่บ้านเพื่อนจริงๆ และเห็นหลากหลายเมนูละลานตาแบบนี้ แม่กุ้งจัดการทำเองคนเดียว โขลก คลุก ตำ ผัด ทอด ฝีมือแม่กุ้งทั้งนั้น เราถามแม่กุ้งว่าเหนื่อยไหม ขนาดแค่ทำให้เรากินยังเยอะขนาดนี้ ในวันที่บ้านเปิดทำการ ลูกค้ามาเยอะขนาดไหน ก็ยังนั่งรอได้ แต่สำหรับแม่ครัวนั้น ทุกวินาทีต้องใช้ให้คุ้มค่า ไม่ได้พักผ่อนหย่อนกายเลย
“ไม่เหนื่อยเลย มีความสุข ยิ่งวันหยุดนักขัตฤกษ์นะ แม่มีความสุขมากด้วย เห็นลูกๆ เข้ามาทักทาย มากินข้าว มาพักผ่อน แม่ก็ได้ทำในสิ่งที่แม่รัก รักที่จะทำกับข้าวทุกจานให้ลูกๆ ทุกคน ทุกจานที่เสิร์ฟออกไป คือจากใจแม่หมดเลย ซึ่งตลอด 4 ปีที่เปิดบ้านมา แม่มีลูกเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก” แม่กุ้งยิ้มและหัวเราะส่งให้บ้านหลังนี้สดใสยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ปรับให้ตรงใจจนกว่าจะใช่
“วันแรกที่เปิดบ้านขายข้าวได้ 7 จานเองนะ” กุ๊กยิ้มขำ
สองแม่ลูกพาเราย้อนวันวานแห่งความหลัง วันที่ Happy Mum Happy Me เปิดบ้านต้อนรับลูกๆ อย่างอบอุ่นด้วยกันเป็นครั้งแรก แม่กุ้งบอกว่าถึงแม้เราจะเป็นน้องใหม่แต่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ในฐานะแม่ครัวมือใหม่ของ Happy Mum Happy Me แต่มีประสบการณ์หลากหลายอยู่ในความทรงจำ แม่กุ้งรู้สึกยังไงกับการเปิดบ้านครั้งแรกบ้างนะ
“แม่ตื่นเต้นมาก นึกไม่ออกว่าจะเป็นยังไง เพราะแม่ก็เป็นแม่บ้านที่ทำกับข้าวให้ลูกๆ กินอยู่แล้ว แต่นี่ไม่ใช่ลูกเราไง เขาเป็นลูกค้า แม่ก็กังวลว่า ลูกค้าจะว่ายังไง จะเผ็ด จะเค็มไหม คิดสารพัด แต่แม่ก็ทำการบ้านไว้เลย จดไว้ ส่วนผสมอะไรยังไง พอเปิดวันบ้านวันแรก แม่ก็นั่งรอลูกค้า ได้รับการต้อนรับดีมาก 7 จาน
“ตอนนั้นบ้านแคบมาก ครัวยิ่งแคบเข้าไปใหญ่ มือแม่นี่สั่นตลอดเลยนะ ทำรัวๆ ทำอาหารจานต่อจาน ไหนจะไข่ดาวอีก ไหนจะผัก ตอนนั้นมีเตาเดียวเองนะ แม่ก็อยู่ในครัวตลอด ทำคนเดียวทุกขั้นตอน ทั้งผัด ทั้งทอด แถมมาล้างจานเองอีก”
กุ๊กเสริมว่า บ้านหลังเก่าเป็นทรงบ้านแฝดก็จริง แต่เมื่อก่อนยังไม่ได้เชื่อมกัน ทีนี้หน้าบ้านก็ยังไม่ได้มีพื้นที่มาก โต๊ะก็ยังมีไม่เยอะ ประมาณ 5 ที่นั่งเท่านั้น ปัญหาที่ตามมาคือลูกค้ามาเยอะมาก ลูกค้าต้องมานั่งรอ บางคนก็มาไกลมากพอมาถึงหมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสดหมดแล้ว ลูกค้าก็หงอยเหงาเสียใจอีก กุ๊กมองเห็นปัญหาตรงนี้จึงเริ่มจัดระเบียบร้านใหม่อีกครั้ง และการรีโนเวตเพื่อขยายพื้นที่นั่งก็เริ่มต้นขึ้น คราวนี้กุ๊กเริ่มขยับขยายชั้น 2 ให้มีโต๊ะที่นั่งเพิ่มขึ้น ซึ่งในชั้นนี้จะให้บรรยากาศสบายๆ รับลมชิลล์ๆ เหมาะนั่งดื่มด่ำกับวิวรอบบ้าน
และต่อให้ลูกค้าจะเยอะแค่ไหน แม่กุ้งยืนยันว่า ทุกจานต้องผัดแบบจานต่อจานเท่านั้น ดังนั้น ปัญหาอะไรที่แก้ไขได้ กุ๊กจะรับหน้าที่แก้ไขต่อไป เพื่อตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด เอาเข้าจริงฟังคล้ายกับ Happy Mum Happy Me เป็นยิ่งกว่าคาเฟ่อีก จะมีสักกี่ร้านที่รับฟังเสียงของลูกค้าจริงๆ ใส่ใจทุกขั้นตอนการทำอาหาร แถมยังอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ อีกด้วย
“เมนูที่บ้านเปลี่ยนเยอะมาก จากตอนแรกเริ่มต้นแค่ 3-4 เมนู สู่ 40 เมนู แต่แม่กับพี่ก็คัดเลือกมาขายแค่บางเมนูเท่านั้น เวลาที่พวกเราเลือกเมนูไหนมาขาย อิงจากความชอบของลูกค้าเป็นหลัก อันไหนขายดี อันไหนที่ลูกค้าแนะนำอยากให้มี พวกเราก็จะทดลองทำ แล้วปรับสูตรให้เป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของ Happy Mum Happy Me”
ถึงแม้ Happy Mum Happy Me เน้นขายอาหารจานเดียวเป็นหลัก แต่บางครั้งลูกค้าอยากมีจานกลางไว้แบ่งกันบ้าง เมื่อมีเสียงเรียกร้องเข้ามา กุ๊กรับฟังและหาช่องทางตรงกลาง จนออกมาเป็นไข่น้ำต้มแซ่บหมูก้อนทรงเครื่อง อาหารจานกลางอย่างที่ 2 ของบ้านหลังนี้ หรือการที่ลูกค้าเสนอให้มีเวิร์กช้อป กุ๊กก็คัดเลือกเวิร์กช้อปมาให้สอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และบริเวณชั้น 2 ที่เปิดเป็น Selected Shop หยิบจับไอเดียที่ลูกค้าเสนอนำมาต่อยอดนั่นเอง
4 ปีแห่งความทรงจำ
ระหว่างที่แม่กุ้งเข้าไปตระเตรียมวัตถุดิบ รอเปิดร้านในวันถัดไป เราเบนเข็มทิศกลับมาหากุ๊ก ถามถึงคำถามแรกที่คั่งค้างอยู่ในใจ วันนี้ฝันของแม่เป็นจริงแล้ว แล้วความฝันของกุ๊กล่ะ ยังรู้สึกเสียดายไหมที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง
“ไม่เสียใจเลย พี่เชื่อในโชคชะตานะ ถึงสุดท้ายแล้วพี่ก็ยังอยากไปอยู่ดี แต่ความฝันของเราก็เปลี่ยนไปด้วย ตอนนี้พี่อยากพาแม่ไปเปิดร้านอาหารในต่างประเทศ ถ้าทำได้อยากให้ทุกคนลองชิมอาหารฝีมือแม่ อยากให้ทุกคนลองชิมหมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสดของเรา”
ท่ามกลางคาเฟ่มากมายที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด จุดมัดใจลูกค้าในสไตล์ของ Happy Mum Happy Me ไม่ใช่สินค้าอื่นที่ไหน แต่เป็นตัวแม่กุ้งเอง บุคคลที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ทำอาหารได้ทุกอย่างไม่หวั่นว่าจะคาวหรือหวาน และกุ๊กก็ภูมิใจในแม่มากๆ
เอาเข้าจริงเวลานั่งอยู่ในร้านนี้…เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กประถมอีกครั้ง วันจันทร์ถึงวันศุกร์ไปโรงเรียน ขณะที่เสาร์-อาทิตย์ก็มาเล่นบ้านเพื่อน นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนาแบบไม่ต้องคิดอะไร ละทิ้งเรื่องเรียนหรือเรื่องงานลง ผ่อนคลายด้วยการเล่นกับทองชุบและทองกวาว พอตกเย็นรอกินข้าวพร้อมกันกับครอบครัวของเพื่อน
กุ๊กที่มีแม่กุ้งเป็นความสดใส เป็นแรงบันดาลใจ ที่ทำอาหารเก่งทั้งคาวและหวาน ถ้าเราอยู่ในวัยประถม ทุกคนต้องวิ่งเข้ามาเป็นเพื่อนกับกุ๊กแน่ๆ รวมกลุ่มกันเป็นแก๊ง นับวันรอให้เสาร์-อาทิตย์มาถึง แล้วมาปั่นป่วนชวนเล่นกันต่อที่บ้านหลังนี้ แน่นอนว่ากุ๊กมีแม่สุดเจ๋งขนาดนี้ก็ต้องอวดกันหน่อย อย่างที่บอกว่าใครจะทำผัดกะเพราธรรมดาๆ ให้อร่อยได้ขนาดนี้ ก็ต้องฝีมือแม่กุ้งหรือเปล่า แถมกุ๊กยังกระซิบกับเราว่า น้ำจิ้มของแม่เนี่ยเด็ดสุดแล้ว
“ในมุมมองแม่กุ้ง Happy Mum Happy Me เป็นร้านประมาณไหน” เราถามแม่กุ้ง
“เป็นร้านอาหารครอบครัวแห่งความสุข มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พวกเราจะเป็นทั้งพี่ น้อง เพื่อน และแม่ ถ้าบางครั้งรู้สึกไม่สบายใจก็มาเล่นกับทองชุบและทองกวาวก็ได้ แม่มองว่าลูกค้าทุกคนที่เข้ามาบ้านหลังนี้คือลูกของเรา ถ้าลูกคนไหนหิวข้าวก็มาได้เลย ที่นี่พร้อมเปิดประตูต้อนรับลูกๆ เสมอ”
และวันนี้เราก็ได้มาฝากตัวเป็นหนึ่งในครอบครัวของบ้านหลังนี้เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกว่าคงไม่มีอาหารที่ไหนจะอร่อยถูกใจเท่ารสชาติจากฝีมือของแม่กุ้งอีกแล้ว เรารับรอง

Happy Mum Happy Me เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.30-17.30 น. แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร.065-156-6949
Google Map : https://maps.app.goo.gl/YiZtTyEz5ujK95Mr7
ที่นี่เป็น Pet-friendly สามารถนำน้องหมาน้องแมวเข้ามาได้ มีทองชุบกับทองกวาวรอต้อนรับอยู่นะ
ติดตามบ้านหลังนี้ต่อได้ที่ Facebook / Instagram / TikTok : Happy Mum Happy Me