- ชวนทำความรู้จัก ‘กวง – ณภพ เชาวนพูนผล’ ศิลปินหนุ่มหน้าใหม่ผู้หลงใหลการดูการ์ตูนจนกลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนที่พาเดินเข้านครศิลปะ สู่การเป็นนักวาดตัวละครน่ารัก สดใส เรียกรอยยิ้มจากผู้คนได้เสมอ
- Isekai ต่างโลก ต่างคน ต่างความคิด’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกที่ชวนมาหาคำตอบ ‘การมองโลกในแบบของคุณ’ ผ่านการมองโลกและรับมือกับอุปสรรคต่างๆ ระหว่าง 2 ตัวละครสุดน่ารักอย่าง ‘Erite’ และ ‘Cooley’ ไม่แน่ว่าการสร้างโลกจินตนาการเพื่อหลบหนีความจริงชั่วครู่อาจจะเป็นการรับมือที่ดีที่สุดในตอนนั้นก็ได้
เคยไหมกับการรู้สึกอยากไขว่คว้าอะไรบางอย่างที่ยังมาไม่ถึง เคยไหมวาดฝันว่าวันใดวันหนึ่งเราจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม หรือขอนึกวันเรื่องราวดีๆ เพื่อเยียวยาใจในวันที่ไม่โอเค ความรู้สึกเหล่านั้นอาจเวียนอยู่ในความคิดไม่เลิกลา จนกว่าคุณจะได้ก้าวเข้ามาชมนิทรรศการ ‘Isekai’ เราเชื่อว่าผลงานของกวงอาจพาไปค้นพบคำตอบที่ติดค้างอยู่ในใจได้
แต่ถึงอย่างไรคำว่า Isekai ศัพท์ญี่ปุ่นแปลตรงตัวว่า ‘ต่างโลก’ ซึ่งกวงตั้งใจเชื่อมโยงไปกับแนวการ์ตูนที่ชอบ ก็ดูจะเป็นส่วนสำคัญที่ไม่เพียงต่อยอดเป็นนิทรรศการในครั้งนี้เท่านั้น เพราะถ้าได้ลองหมุนเข็มนาฬิกาย้อนกลับไปในสมัยที่เจ้าตัวเริ่มเขียนได้ ลากเส้นเป็นก็จะพบว่า เขาได้เปิดประตูพาตัวเองเดินเข้าสู่อีกโลก เพื่อให้สองมือและจินตนาการของเขาได้ขีดเขียนเล่าเรื่องราวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
หนีโลกจริง เติมเต็มโลกฝัน
“ผมชอบดูการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กครับ” ศิลปินย้อนเล่าเรื่องราวของตน จำได้ว่าเขาชอบหยิบดินสอลงมือวาดรูปทันทีที่ได้เห็นฉากสวยสะดุดตา หรือตัวละครกำลังต่อสู้ด้วยท่วงท่าสุดเท่อยู่เสมอ เราได้ยินมาว่า นักวาดจะชอบหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อพัฒนาลายเส้น เด็กชายกวงคนนี้ก็ใช้คาบวิชาเรียนที่ไม่ชอบ พลิกทั้งชั่วโมงให้เป็นโอกาสฝึกวาดเอาซะเลย
“ไม่รู้ทำไมจินตนาการของผมมันชอบมาตอนที่เจอวิชายากๆ ผมฟังครูไม่รู้เรื่องก็เลยนั่งวาดครูให้เป็นยักษ์บ้าง หรือเป็นไปตามจินตนาการของผมเอง” อาจจะดูเป็นการหนีความจริง แต่โลกในจินตนาการกลับช่วยให้ว่าที่ศิลปินคนนี้ได้ฝึกมือจนค้นพบลายเส้นของตัวเอง
จากวาดเล่นๆ ก็เริ่มมองหาเทคนิคใหม่ๆ ชีวิตนักเรียน ม.ปลาย ก็เลือกเรียนวิชาดิจิทัลอาร์ต มุ่งความเป็นเนิร์ดอาร์ตต่ออีกขั้นในรั้วมหาวิทยาลัยด้าน Fine Art ถือเป็นช่วงที่ได้ทดลองสร้างงานศิลปะหลายแขนง ทั้งประติมากรรม การปั้น และ NFT ทว่าสุดท้ายก็วนกลับมาวาดการ์ตูนอยู่ดี “การ์ตูนมักให้ข้อคิด และแง่มุมบางอย่างที่เป็นไอเดีย เป็นแรงขับเคลื่อนทำให้ผมได้สร้างงานใหม่ๆ อยู่เสมอ”
เราว่าข้อดีอีกข้อของการ์ตูนคือ การช่วยให้เรากล้าที่จะก้าวออกจากกรอบความคิดเดิมเพื่อมองหาไอเดียหรือแง่มุมใหม่ๆ อย่างกวงที่ชอบการ์ตูนแนวต่างโลก ก็เริ่มลองตั้งคำถามถึงความชอบที่ทำให้เขาได้ค้นพบคำตอบในเวลาต่อมา
“ผมรีเสิร์ชข้อมูลแล้วพบว่า คนที่สนใจการ์ตูนแนวต่างโลกมักจะชอบหนีออกจากโลกความเป็นจริง หนีออกจากความกดดันของสังคม เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในโลกจินตนาการหรือโลกในอุดมคติของตนเอง” กวงเล่าไอเดียตั้งต้นของนิทรรศการครั้งนี้ให้เราฟัง
‘Isekai’ ต่างโลก ต่างคน ต่างความคิด
Isekai (อิเซไก) นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกที่เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามถึงผู้คนที่ชอบการ์ตูนแนวต่างโลก กลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ที่ว่าด้วย โลกในอุดมคติที่ทุกคนต่างสร้างขึ้นเพื่อปฏิเสธโลกความเป็นจริง ซึ่งส่งผลไปถึงวิธีการรับมือกับความจริงตรงหน้า ถ่ายทอดผ่าน ‘Erite’ และ ‘Cooley’ 2 ตัวละครที่มองโลก ‘ต่างขั้ว’ ศิลปินอยากชวนผู้ชมลองถามตนเองดูว่า โลกใบนี้เป็นอย่างไรในสายตาคุณ
“Erite ผมต้องการให้พ้องไปกับคำว่า อีลีต ผมวาดให้เป็นตัวกินมดที่อยู่สุดห่วงโซอาหาร เพื่อเชื่อมโยงไปกับความเป็นชนชั้นสูง มีนิสัยเป็น Introvert รักสันโดษ ส่วน Cooley เป็นตัวละครที่ถูกสร้างมาเป็นชนชั้นแรงงานอยู่ในนรก”
จากฝีแปรงพู่กันปัดป้ายลายเส้นให้เห็นถึงความวุ่นวายบนผืนผ้าใบ แม้ใช้โทนสีสบายตาแต่ไม่ชวนให้เราอยากอยู่ในโลกนั้นเลยสักนิด ก็คงเหมือน Erite ที่มุ่งจะวิ่งหนีหลบเข้าประตูแห่งความหวังอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ Cooley ศิลปินบอกว่าคือแรงงานที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ และใช้เวลาที่เหลือสังสรรค์กับฝูงเพื่อน บรรยากาศภาพแทนที่จะดูวุ่นวายก็กลับกลายมาเป็นความร่าเริง ชวนให้อยากกระโดดเข้าเฟรมไปจอยบ้างเลย
“ถ้าสังเกต 2 ภาพสุดท้าย Sweet Taste กับ Bitter Taste ก็จะพบว่า จริงๆ แล้วทั้ง Erite และ Cooley ต่างก็อยู่ในโลกใบเดียวกัน” ข้างหลังภาพที่แต้มสีในมู้ดที่ต่างกัน ศิลปินตั้งใจจะถ่ายทอดการมองโลกและวิธีรับมือระหว่าง 2 ตัวละครนี้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม พื้นที่แห่งนี้ศิลปินก็มอบอิสระการตีความให้ผู้ชมอย่างเต็มที่ “มีน้องคนหนึ่งมาชมงานของผมแล้วบอกว่า Cooley ที่ดูสนุกไปกับชีวิตนี่จริงๆ อาจจะกำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า ฟังแบบนั้นก็ทำให้ผมลองคิดตามได้เหมือนกัน คนเรามองโลกต่างมุมจริงๆ นะ”
โลกหนึ่งใบในต่างมุมมอง
ถ้าให้เลือกระหว่างตัวละคร 2 ตัวนี้กวงมองโลกเหมือนใครมากกว่ากัน? “ผมอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ตัวละครเลย บางทีก็มองโลกในแง่ร้ายเหมือน Erite บางทีก็มองโลกในแง่ดีเหมือน Cooley เวลาที่รู้สึกท้อแท้กับความเป็นจริง ก็มักพาตัวเองไปอยู่อีกโลก โลกอิเซไกในแบบของผม ก็คือการวาดรูปและดูการ์ตูนครับ”
ก็คงต้องมีบ้างล่ะ อารมณ์อยากวาดฝันถึงชีวิตที่ดีกว่า แม้ว่าในความเป็นจริงเราจะหาวิธีมากมายเพื่อให้ตัวเราได้มีความสุขไปกับโลกใบนี้เหมือนอย่าง Cooley แต่หากวันใดวันหนึ่งจะยอมรับบ้างว่า ‘วันนี้ฉันโคตรเหนื่อย’ ขอเป็น Erite ที่เอาแต่นั่งฝันกลางวันสักวันจะได้ไหม ก็คงจะไม่เป็นไร
“ผมว่า บางครั้งการหนีออกจากโลกความจริงมันคือการกลับไปตั้งหลักเพื่อหาอาวุธมาต่อสู้กับความจริงกันอีกสักตั้ง โลกอิเซไกของผมเลยเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตที่ทำให้ผมรู้สึกว่า โลกนี้มันยังมีอะไรอีกเยอะให้เรียนรู้”
ท้ายที่สุดไม่ว่าตัวเราหรือคนอื่นจะมีทัศนคติต่อการมองโลกใบนี้หรือเห็นต่างในเรื่องเดียวกันมากแค่ไหน ‘การให้เกียรติ’ น่าจะเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่กวงอยากฝากไว้ในก้าวสุดท้ายก่อนออกจากนิทรรศการของเขา
“เราอยู่ในโลกที่มีความหลากหลาย ทุกคนมีโลกที่แตกต่างกัน มองโลกในแบบที่เราอยากมอง แต่ในขณะเดียวกันอย่าตัดสินว่าโลกของเราดีกว่าของคนอื่น ผมว่าสิ่งสำคัญต่อการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ เราควรยอมรับความแตกต่างและเคารพการมองโลกของคนอื่นครับ”
อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วเราก็ขอชวนมาค้นหามุมมองที่มีต่อโลกไปนี้ด้วยกันกับนิทรรศการ Isekai จัดแสดงที่ Madi Bkk ตั้งแต่วันนี้ – 23 กรกฎาคม 2566 และถ้าชอบผลงานของศิลปินคนนี้ก็ขอฝาก Instagram : itsara.guong ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
