

โลคัลมิตร
รู้จัก 11 ศิลปินจาก Local Myths ในวันที่ศิลปะเล่าเรื่องท้องถิ่น มากกว่าความคิดสร้างสรรค์
- นิทรรศการ ‘Local Myths’ รวบรวม 11 ศิลปินผู้ถักทอเรื่องราวจากรากเหง้าของตนเอง ผ่านผลงานที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของบ้านเกิด ความเชื่อโบราณ และประวัติศาสตร์ที่ฝังลึกในแผ่นดิน ด้วยสื่อที่หลากสีสัน พวกเขาเล่าเรื่องที่ไม่เคยมีใครเล่า เผยโฉมหน้าใหม่ของท้องถิ่นที่อาจหายไปจากสายตาในแวดวงศิลปะกรุงเทพฯ มาร่วมเดินทางกับ ONCE ไปพบกับชีวิตจริงและแรงบันดาลใจของศิลปินเหล่านี้กัน
นิยามของ ‘ศิลปะ’ และ ‘ศิลปิน’ นั้นไร้ขีดจำกัด และนิทรรศการ ‘Local Myths’ ได้นำเสนอการตีความที่น่าสนใจด้วยการรวบรวม 11 ศิลปินผู้ถักทอเรื่องราวจากบริบททางภูมิศาสตร์ กาลเวลา ความเชื่อ และมรดกทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอะไรมากกว่าเพียงแค่ขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์
ยิ่งกว่านั้น ศิลปินเกือบทุกคนไม่ได้มีศูนย์กลางการทำงานอยู่ในมหานคร แต่กลับสร้างสรรค์ผลงานจากรากฐานท้องถิ่นที่อาจพบเห็นไม่ได้บ่อยนักในแวดวงศิลปะส่วนกลาง แน่นอนว่า พวกเขาคือตัวแทนของ ‘ศิลปินท้องถิ่น’ ที่มองเห็นความสำคัญของภูมิลำเนาและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมในสังคม และทุกผลงานเปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่าที่อยากให้คนรักศิลปะได้มาชมกันสักครั้ง
นิทรรศการ Local Myths จัดแสดงแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ตุลาคม 2568 ณ ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น 7 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)
ไปทำความรู้จักกับพวกเขากัน!
ณพล ผาธรรม
ศิลปินจากอุบลธานี ผู้ใช้เสียงเพลงบอกเล่าเรื่องราว ความผูกพันที่ใกล้ชิดแม่น้ำโขง ทำให้เขาสร้างผลงานเพื่อเล่าความสำคัญของแม่น้ำสายนี้กับจังหวัดบ้านเกิด
ผลงานของเขาไม่ได้เพียงเล่าถึงบทบาทของแม่น้ำโขงกับอุบลราชธานี แต่ยังแสดงถึงชีวิตและความเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำสายนี้ เสียงเพลงของณพลสามารถพาเล่าสัมผัสถึงการมีตัวตนของลำน้ำโขง พร้อมกับตั้งคำถามถึงอนาคตของแม่น้ำสายนี้ กับหลากหลายประเด็นทางสังคมที่เวียนวนกับแม่น้ำโขง ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนกับทั้ง 2 ผลงานของเขา ซึ่งจัดแสดงในนิทรรศการ Local Myths
นอกจากสร้างผลงานผ่านบทเพลงมากมายถึงแม่น้ำโขง ณพลยังถือเป็นศิลปินสำคัญกับท้องถิ่นผ่านการตั้ง ‘ค้ำโขงอาร์ทสเปซ’ ที่อำเภอเขมราฏ และ ‘โรงเรียนศิลปะจักรวาลขี้ตามด’ ที่อำเภอดอนมดแดง ทั้ง 2 แห่งในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อมอบโอกาสให้กับเด็กๆ ได้เข้าถึงศิลปะ และสร้างสรรค์ผลงานจากสิ่งรอบตัวต่อไป
“ผมสอนให้พวกเขาสร้างผลงานจากหิน จากดิน จากสิ่งที่อยู่รอบตัวเป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเขาได้สร้างผลงาน ตอนนี้พวกเขาก็ได้เรียนรู้เริ่มสร้างดนตรี สร้างนิทาน” ณพล กล่าว
นูรียา วาจิ
บ้านเกิดของเธออยู่ที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี และกลายเป็นแรงบันดาลใจของผลงานสำหรับศิลปินหญิงคนนี้ ผ่านการทำงานสร้างศิลปะด้วยผืนผ้าหลากหลายรูปแบบ เพื่อเล่าเรื่องราวในพื้นที่ของเธอ
นูรียาสร้างสรรค์ผลงานผ่านเรื่องราวคนในท้องถิ่น ผสานกับประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ไปจนถึงปัญหาทางสังคมและการเมืองในพื้นที่ ก่อนเปลี่ยนทุกอย่างลงบนผืนผ้า กลายเป็นคำถามให้ผู้เข้าชมงานได้หาคำตอบ และเห็นชีวิตกับผลกระทบของเรื่องราวต่างๆ กับผู้คนในอำเภอสายบุรี
รวมถึงผลงานผ้าย้อมที่เปลี่ยนเป็นแผนที่ของแม่น้ำสายบุรีที่จัดแสดงในนิทรรศการ Local Myths ก็เป็นอีกชิ้นงานที่เล่าถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนแห่งนี้ ผ่านมุมมองศิลปะที่เชื่อมโยงกับประเด็นทางภูมิศาสตร์และกาลเวลา
“เราคิดถึงคำบอกเล่าของคุณพ่อตั้งแต่สมัยเด็กๆ เกี่ยวกับความสำคัญของแม่น้ำสายบุรี คือก็มาคิดว่าเรารู้จักแม่น้ำสายนี้ดีหรือยัง? เพราะอยู่คู่กับชีวิตเรามาตลอด ก็ไปศึกษาเรื่องราวแบบจริงจัง เดินทางไปดูต้นน้ำว่ามีที่มายังไง จนกลายเป็นการสร้างผลงานขึ้นมา
“เราอยากให้เห็นว่า แม่น้ำที่อยู่คู่กับชีวิตคนสายบุรีเป็นยังไง? จริงๆ แล้วมีปัญหาตรงไหน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม่น้ำก็เปลี่ยนไปเยอะ โดนทำลายไปบ้างเหมือนกัน จนเส้นทางของแม่น้ำเปลี่ยนไป”นูรียา กล่าว
ปณชัย ชัยจิรรัฒน์
ศิลปินหนุ่มจากอุดรธานีที่เริ่มต้นการทำงานเกี่ยวกับบ้านเกิด หลังจากเคยมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ไกลถึงกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และได้เห็นเสน่ห์อุดรฯ ที่คนไม่เห็นในวันที่ชีวิตต้องกลับไปอยู่ที่นั่นอีกครั้ง ผ่านการเป็น 1 ใน 2 ผู้ก่อตั้ง ‘Noir Row Art Space’
เขาตามหาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ในอุดรธานี ทั้งทางสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ ก่อนตั้งคำถามกับมันให้กลายเป็นผลงานทางศิลปะที่ไม่มีคำตอบตายตัว
ปณชัยโดดเด่นกับการสร้างสรรค์ผลงานผ่านสิ่งของ รวมถึงชิ้นงานในนิทรรศการ Local Myths เขาหยิบภาพถ่ายฟิล์มรูปนกอินทรีขาวดำจำนวนหลายชิ้นภายใต้กรอบกระจกเรียงติดกัน เพื่อหาความหมายแล้วแต่ที่ผู้คนชมงานจะตีความออกไป
“งานชิ้นนี้เล่าเรื่องผ่านสัญญะ ความหมายก็ขึ้นอยู่กับวิถีคิดของผู้คนที่ต่างออกไป” ปณชัย กล่าว
ปรัชญ์ พิมานแมน และ รอซี ฮารี
ปรัชญ์คือหนึ่งในศิลปินจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่มีผลงานโดดเด่น ทั้งที่ไม่ใช่คนจากพื้นที่โดยกำเนิด แต่การใช้ชีวิตอยู่ในนราธิวาสตั้งแต่อนุบาล เปลี่ยนให้เขาอยากใช้ศิลปะสร้างมุมมองใหม่ให้กับเมืองแห่งนี้ ทั้งในฐานะอาจารย์ และอาร์ตสเปซที่ก่อตั้งเอง อย่าง ‘De’ Lapae Art Space’
เพื่อสร้างตัวตนและแสดงวัฒนธรรมผ่านประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นว่าท้องถิ่นนี้ มีอะไรมากกว่าเรื่องความรุนแรงที่เราเห็นผ่านข่าวทั่วไป ให้เป็นสังคมไม่ต่างจากร้านน้ำชาอันโดดเด่นในพื้นที่ภาคใต้
ขณะที่ รอซี ฮารี หนุ่มจากปัตตานีที่อาศัยอยู่ในยะลา การมาอาศัยในกรุงเทพฯ และกลับไปใช้ชีวิตในพื้นที่บ้านเกิด ทำให้เขาได้เห็นเรื่องราวที่ไม่มีใครเล่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งเรื่องเล่า ตำนานต่างๆ จนกลายเป็นเหมือนปราชญ์ท้องถิ่น
ทั้ง 2 คนจับมือกันสร้างผลงานผ่านเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ไปจนถึงตำนาน เพื่อแสดงออกถึงความจริงของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ผ่านประเด็นของ ‘ปาตานี’ คำเรียกที่นักวิชาการบางส่วนบอกว่าไม่มีอยู่จริง
ศิลปินทั้ง 2 คนสร้างผลงานเพื่อบอกว่า คำว่า ‘ปาตานี’ มีอยู่มาแต่โบราณ ผ่านวัฒนธรรมเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ พร้อมกับชวนผู้เข้าชมงานค้นหาเสน่ห์ที่ถูกซ่อนไว้ในพื้นที่แห่งนี้ กับความงามผ่านเรื่องเล่าที่ไม่ถูกเล่าขานโดยคนภายนอก
ปุญญิศา ศิลปรัศมี
ศิลปินจากกรุงเทพมหานครที่ทำงานในอุดรธานี และให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ ในฐานะ 1 ใน 2 ผู้ก่อตั้ง ‘Noir Row Art Space’
ผลงานของเธอโดดเด่นด้านประติมากรรมที่เล่าเรื่องผ่านเวลา สถานที่ อันเกี่ยวเนื่องกัน จนผ่านการคว้ารางวัลด้านศิลปะมากมาย นอกจากนี้ ยังกลายเป็นจุดเชื่อมโยงให้เธอได้สร้างผลงานผ่านเรื่องเล่าเก่าๆ เกี่ยวกับอุดรธานี โดยเฉพาะเรื่องราวช่วงสงครามเย็นที่สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย
เช่นกันกับผลงานในนิทรรศการ Local Myths เธอนำเหล็ก ทราย ปูนซีเมนต์ มาผสมกันเพื่อสร้างงานประติมากรรมสะท้อนถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของอุดรธานี ตีคู่ไปกับความหมายตำนานโบราณ กับคำถามที่ชวนให้คนตีความผ่านงานศิลปะชิ้นนี้
สปีดี้ แกรนด์มา
กลุ่มศิลปินซึ่งได้ชื่อมาจากตำนานเรื่องผี ‘คุณยายสปีด’ เป็นกลุ่มคนรักศิลปะที่มีอายุยาวนานกว่า 10 ปี และมีสมาชิกมากกว่า 10 คน (แต่มาถ่ายรูปได้แค่คนเดียวเพราะที่เหลือไปสังสรรค์กันแล้ว) เต็มไปด้วยงานที่สนุกสนานในสไตล์ตัวเอง เสียดสีสังคมแบบจิกกัดเจ็บแสบ มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะเชื่อว่าศิลปะมีขอบเขตอันไม่จำกัด
สปีดี้ แกรนด์มา มีตัวตนอันยาวนานของการทำงานศิลปะ โดยไม่สนว่าสังคมจะมองแบบไหน แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจนมาตลอดคือการขยายวงของคนรักศิลปะให้กว้างออกไป โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบที่สังคมคุ้นเคย สามารถสนุกสนานไปกับมันได้ตลอดเวลา กลายเป็นจุดแข็งให้แม้เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี สมาชิกกลุ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่สปีดี้ แกรนด์มา ก็ยังคงเดินทางต่อไปได้
ผลงานของพวกเขาดูไม่ซ้ำซากจำเจ แม้จะออกมาจากกลุ่มเดียวกัน แต่ก็สามารถแตกต่างกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือการตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ ในสังคม ผ่านมุมมองของศิลปิน โดยไม่จำเป็นต้องแคร์ว่า ใครจะชอบความเห็นนี้หรือไม่ และทำให้เราสนุกที่จะเดินทางไปกับเรื่องราวของพวกเขา
ในนิทรรศการ Local Myths กลุ่มสปีดี้ แกรนด์มา พาผลงานในอดีตของกลุ่มมาจัดแสดง และโชว์ให้เห็นตัวตนและการเดินทางของกลุ่ม แน่นอนว่าแตกต่างจากผลงานอื่นในงานนี้อย่างมาก แต่ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอะไรคือตัวตนของสปีดี้ แกรนด์มา
นิธิ รุ่งเรือง
ศิลปินสายเซรามิกที่เริ่มต้นผ่านการศึกษาด้วยตัวเอง สนใจในวัฒนธรรมของภาคอีสานโดยเฉพาะบ้านเกิดอย่างอุดรธานี จนกลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ‘Moonday Pottery’ สตูดิโอเซรามิกในอุดรธานี
การทำงานเพื่อสะท้อนเวลาและสถานที่คือหนึ่งในประเด็นที่ศิลปินสนใจ จนกลายมาเป็นการตั้งคำถามของตัวตนในอุดรธานี รวมถึงผลงานที่จัดแสดงในนิทรรศการ Local Myths
แต่ความน่าสนใจคือครั้งนี้เจ้าตัวเล่าเรื่องราวผ่านภาพถ่าย โดยใช้รูปถ่ายเก่า 1 ใบของคุณแม่ผู้ล่วงลับกับบริเวณพื้นที่หนองประจักษ์ และสร้างเป็นโปรเจกต์ Sunset on the Bridge เพื่อหาความหมายอันแท้จริงของพื้นที่แห่งนี้
“ผมให้โจทย์กับน้องๆ ว่า ให้เขามาถ่ายรูปพื้นที่ตรงนี้แบบเดียวกับที่คุณแม่เคยถ่าย แต่บอกพวกเขาว่าจะถ่ายแบบไหนก็ได้แล้วแต่ที่แต่ละคนรู้สึก ตามช่วงเวลานั้นๆ เลย” นิธิกล่าว
ท่ามกลางภาพถ่ายนับไม่ถ้วน เราได้เห็นความต่างของมุมมอง สถานที่เดิม ต่างเวลา สู่ความหมายที่ต่างออกไป แต่ก็ยังมีหัวใจเป็นภาพถ่ายของคุณแม่ ที่ชวนให้เราหาความจริงเกี่ยวกับพื้นที่แห่งนี้
สุรสิทธิ์ มั่นคง
ศิลปินจากอุดรธานีที่สร้างผลงานมากมายเกี่ยวกับบ้านเกิดตัวเอง เขาใช้ผลงานพาผู้คนสำรวจอุดรในแง่มุมต่างๆ ทั้งสถานที่ เวลา ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ไปจนถึงปัญหาทางสังคมและโครงสร้างการปกครอง
นอกจากนี้ สุรสิทธิ์ยังให้ความสนใจระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทกับนโยบายท้องถิ่นในอดุรธานี จนมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การทำงานศิลปะผ่านพื้นที่เป็นหนึ่งในความโดดเด่นของเขา เพื่อตามหาความหมายและตัวตนของอุดรธานีคือหนึ่งในหัวใจผ่านผลงานของสุรสิทธิ์ และผลงานผ่านนิทรรศการ Local Myths เขาพาทุกคนไปสำรวจ ณ ป่าคำชะโนด หนึ่งในพื้นที่อันโด่งดังที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าอันลี้ลับในจังหวัดอุดรธานี
สุรสิทธิ์มีแนวทางในการสร้างผลงานศิลปะที่หลากหลาย ครั้งนี้เขาใช้วิดีโอผสานกับงานประติมากรรม เพื่อสะท้อนถึงเรื่องราวให้เห็นถึงความเกี่ยวเนื่องของพื้นที่ป่าแห่งนี้ ทั้งผ่านตำนาน การมีตัวตนอยู่จริงภายใต้เลเยอร์ของพื้นที่ และความสัมพันธ์ทางสังคม
มลายู ลีฟวิง
กลุ่มคนรักศิลปะใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ตั้งใจรวมตัวกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงไฟของคนทำงานสร้างสรรค์ที่ต้องการแสดงให้เห็นภาพที่ต่างออกไปจากหน้าข่าวที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยคุ้นเคย
แม้จะโดนต่อต้านไม่น้อยในช่วงแรกเริ่มจากหลายปัจจัย แต่การทำงานเพื่อสังคมท้องถิ่นดึงคนมากมายเข้ามาทำงานเพื่อสังคมท้องถิ่น ช่วยให้มลายู ลีฟวิง เติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นเสมือนภาพแทนหนึ่งที่ทำให้คนนอกมองเห็นมิติใหม่ๆ ของสังคมวัฒนธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ตัวตนในฐานะห้องรับแขกคือหนึ่งในคอนเซปต์สำคัญของ มลายู ลีฟวิง พวกเขาใช้ศิลปะเป็นเหมือนพื้นที่ต้อนรับคนนอกที่มองเข้ามาและเห็นภาพที่มีชีวิตชีวาของดินแดนแห่งนี้ รวมถึงกลายมาเป็นธีมของผลงานในนิทรรศการ Local Myths ด้วยเช่นกัน
ห้องรับแขกสีแดงไม่ต่างอะไรจากมิตรภาพไมตรีของชาว 3 จังหวัดชายแดนที่พร้อมมอบให้คนนอก แต่กลับถูกปกคลุมด้วยปัญหาความรุนแรงผ่านเขตอันตรายพื้นที่สีแดง จนกลายเป็นการตั้งคำถามว่า ระหว่างตัวตนของสถานที่กับภาพลักษณ์ที่เห็น จะมองตัวตนของพื้นที่แห่งนี้ผ่านมุมมองไหนได้บ้าง
คีต์ตา อิสรั่น และ ฮายานี มะลี
พื้นเพดั้งเดิมของคีต์ตาเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ด้วยความรักในศิลปะบวกโชคชะตาพาเธอเดินทางสู่ภาคใต้ นำมาซึ่งความสนใจทางศาสนา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คน จนทำให้เธอเป็นนักสร้างผลงานเล่าเรื่องผ่านศาสนา โดยเฉพาะกับ ‘ฮิญาบ’ ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของเธอไปแล้ว
ปัจจุบันคีต์ตาเป็นศิลปินที่ทำงานในนราธิวาส พร้อมกับก่อตั้งกลุ่ม ‘Muslimah Collective’ เพื่อแสดงออกถึงประเด็นทางสังคมของผู้หญิงในพื้นที่ผ่านงานศิลปะ ให้เห็นถึงมุมมองอันหลากหลายของผู้หญิง ด้วยผลงานในสไตล์ที่หลากหลาย แต่มีตัวตนของเพศผู้เป็นแม่อย่างชัดเจน
ในนิทรรศการ Local Myths คีต์ตา จับมือกับ ฮายานี มะลี นักออกแบบจากปัตตานี สร้างผลงานประติมากรรมผ่านการถักทอผ้าท้องถิ่น อันเป็นสไตล์การทำงานที่เชื่อมโยงกับชุมชนของคีต์ตา จับมือกับ ฮายานี มะลี นักออกแบบจากปัตตานี ที่โดดเด่นในการเปลี่ยนแฟชั่นสมัยใหม่ให้เข้ากับความโดดเด่นของเสื้อผ้าสไตล์มลายู-มุสลิม และเป็นอีกศิลปินที่ทำงานร่วมกับท้องถิ่น เพื่อขยายความรู้ด้านแฟชั่นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนออกไป
ผลงานชิ้นนี้ร่วมมือกันเพื่อแสดงถึงตัวตนของสตรีมุสลีมะห์ ให้ค้นหาเรื่องราวที่ถูกซ่อนไว้ จากเบื้องหน้าผ่านภาพของสังคม และสิ่งที่ผู้หญิงต้องแบกรับเอาไว้ในจิตใจ
หอสิน กางธ่งมหาสารคาม
เจ้าของชื่อย่อ หอสิน กธม. ที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพมหานคร แต่เป็นการรวมตัวของศิลปินทั่วภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีจุดเริ่มต้นเป็นกลุ่มรวมตัวคนรักศิลปะในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกันสร้างผลงานศิลปะแสดงตัวตนของชาวอีสานอย่างมีสีสันขึ้นมา
หอสิน กธม. เดินสายสร้างผลงานศิลปะทั่วพื้นที่ภาคอีสาน แต่เดิมกลุ่มตั้งเพื่อใช้เป็นพื้นที่แสดงผลงานของเหล่านักศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม ก่อนจะยกระดับสู่การลงพื้นที่ท้องถิ่นในภาคอีสาน สร้างกิจกรรมให้ผู้คนเข้าถึงศิลปะที่เชื่อมโยงกับท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับวิถีของชุมชนแบบไม่มีข้อจำกัด ตั้งแต่งานจิตรกรรมไปจนถึงเสียงดนตรี
ด้วยความตั้งใจในการพัฒนาศิลปะคู่ไปกับชุมชน หอสิน กธม. แสดงออกผ่านผลงานถึง 5 ชิ้นกับนิทรรศการ Local Myths ผ่านการสำรวจแง่มุมต่างๆ ในชุมชนมะขามป้อม อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คน และแสดงถึงความสัมพันธ์กับธรรมชาติ ไปจนถึงมุมมองของสังคมในความรู้สึกของชาวบ้าน