

The Mansion of Plates
‘ยุรี เกนสาคู’ ศิลปินที่ตั้งคำถามว่าทำไมผีต้องเป็นผู้หญิง? ในนิทรรศการเดี่ยว ‘The Mansion of Plates’
- การกลับมาในรอบ 5 ปีของ ‘ยุรี เกนสาคู’ กับ The Mansion of Plates : คฤหาสน์จาน นิทรรศการว่าด้วยความเท่าเทียมและอุปสรรคของความเป็นเพศ
“นิทรรศการนี้ถือเป็นนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดอันหนึ่งตั้งแต่ทำมาเลย”
ไม่แน่ใจว่าแกลเลอรี JWD Art space มีพื้นที่กว่ากี่ตารางเมตร แต่ ONCE ก็เห็นด้วยว่าพื้นที่ของแกลเลอรีนับว่ากว้างโขสำหรับการจัดนิทรรศการเดี่ยวสักงาน
และนิทรรศการเดี่ยวที่ว่าคือ นิทรรศการต้อนรับการกลับมาของ ยุรี เกนสาคู หลังห่างหายจากการจัดแสดงผลงานที่ประเทศไทยกว่า 5 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้เข้าร่วม Thailand Biennale 2018 ที่กระบี่
“เราไม่ได้หยุดจากงานนะ แค่ไม่ได้โชว์ที่ไทยเฉยๆ เราไปร่วมงานแฟร์ของต่างประเทศ อย่างฝรั่งเศสเราก็ไปร่วม”
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักสำหรับยุรี เพราะไม่เพียงแค่ฝรั่งเศสที่ยุรีนำผลงานของตัวเองไปเยือน แต่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ยุรียังเคยจัดแสดงในประเทศจีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่นด้วย
ยุรีกลับมาไทยครั้งนี้พร้อมกับนิทรรศการเดี่ยว The Mansion of Plates : คฤหาสน์จาน เธอเล่าให้ฟังว่า การทำนิทรรศการเดี่ยวรอบนี้แอบยากอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นงานหินเพียงเพราะยุรีห่างหายจากการจัดนิทรรศการเดี่ยวไปนาน แต่เป็นเพราะที่นี่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ต่างหาก ยุรีเองต้องออกแบบให้นิทรรศการนี้ เดินชมสนุกและซึมซับผลงานแบบจุใจ
ใครที่เป็นแฟนผลงานของยุรี เกนสาคู อยู่แล้ว ONCE ได้หยิบยกเอาบทสนทนา ที่เราพูดคุยกับยุรีในนิทรรศการ The Mansion of Plates มาเล่าสู่กันฟัง
เปิดประตูปราสาทแห่งชีวิต
“ตอนเด็กๆ ไม่เคยฝันจะเป็นศิลปินเลย ทำไปเพราะชอบเฉยๆ แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้”
ชีวิตศิลปินของยุรีเริ่มขึ้นในโชว์แรกเมื่อประมาณปี 2004 นับว่ายุรีทำงานศิลปะมากว่า 20 ปีเต็ม ผลงานของยุรีทำให้คนจดจำได้ไม่ยาก เรียกได้ว่าเป็นงานสไตล์ Figurative ที่มีเอกลักษณ์ด้วยสีสันสดใส ลายเส้นน่ารัก การวาดสัตว์แทนมนุษย์ และการเล่าเรื่องด้วยโทนสนุกสนาน แต่กลับแฝงความหมายเอาไว้ทุกภาพ โดยที่ความหมายของภาพไม่ได้ตีความยากจนเกินไป เพราะเรื่องราวที่ยุรีถ่ายทอดมักเกิดขึ้นจากประสบการณ์ร่วมกันของคนในสังคม
“เรามักเล่าเรื่องอุปสรรค หรือความยากของชีวิตนะ มองว่าเรื่องนี้มีความเป็นศาสนาอยู่ ศาสนาก็มีแนวคิดเรื่องวัฏจักรของการมีอยู่และการดับไป ชีวิตก็เหมือนกันที่ต้องมีการก้าวผ่านและก้าวพ้นไปเรื่อยๆ งานของเราก็ล้อไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา”
หากย้อนดูงานของยุรีเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จะเห็นได้ชัดว่า งานส่วนใหญ่มักพูดเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะในช่วงเวลานั้นมีการชุมนุมประท้วงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเมืองในสายตายุรีเอง ก็ถือเป็นอีกอุปสรรคของชีวิตมนุษย์ ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ท้ายที่สุดจะต้องผ่านพ้นไป และในอนาคตก็อาจจะเกิดขึ้นซ้ำเดิมอีกครั้งหนึ่ง
แม้เนื้อหาที่ยุรีอยากถ่ายทอดล้วนดูตึงเครียด แต่งานของยุรีกลับดูสดใส และมักนำสัตว์มาสื่อสารแทนเรื่องราวต่างๆ แต่มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่ยุรีมักนำมาใช้ในผลงาน จนหลายคนเกิดภาพจำและเชื่อว่ายุรีคงชอบสัตว์ชนิดนี้เป็นพิเศษแน่ๆ
“แมวน่ะเหรอ จริงๆ เราไม่ได้ใช้แมวเป็นสัญลักษณ์ถึงตัวเราเลยนะ แค่แทนแมวเป็นผู้หญิง เพราะจริงๆ เราชอบและเลี้ยงหมาด้วยซ้ำ”
ยุรีหัวเราะ พร้อมขยายความต่อว่า แมวเป็นสัตว์ที่มีความน่ารัก ขี้อ้อน ดูนุ่มนิ่ม แต่ขณะเดียวกันก็มีความแสบ มีความไม่เชื่องอยู่ภายในตัวสูง
และเรื่องราวของผู้หญิงได้ถูกยุรีหยิบมาเล่าอีกครั้ง ในนิทรรศการ The Mansion of Plates : คฤหาสน์จาน ซึ่งยุรียังคงอยากนำเสนอแง่มุมอุปสรรคในชีวิต แต่รอบนี้เธออยากถ่ายทอดผ่านเลนส์เรื่องเล่าของผีผู้หญิง
โศกนาฏกรรมหญิงงามในปราสาทจาน
“ทำไมผีในตำนานหรือเรื่องเล่ามักเป็นผู้หญิง?”
คำถามหลักของนิทรรศการนี้ที่ทำให้ยุรีเนรมิตแกลเลอรี JWD Art space ให้เป็นดั่งปราสาทหลายห้องขึ้นมา 2 ห้องแรกประหนึ่งเป็นทางเข้าปราสาท เพื่อเข้าสู่ห้องโถงกลางที่เป็นหัวใจปราสาท และมีห้องเล็กอีก 3 ห้องที่บอกเล่าเรื่องราวของยุรี
ห้องแรกสุดเริ่มต้นด้วยเรื่องราวของเมดูซา และเทพีอาเธนา หนึ่งในตำนานที่บิดเบือนมุมมองของเหยื่อผู้หญิง จนเมดูซาถูกตราหน้าว่าเป็นสัตว์ประหลาดในหน้าตำนานปกรณัมกรีก
ก่อนเข้าสู่ห้องที่ 2 รายละเอียดรอบๆ บ้าน ประตูห้องนี้เต็มไปด้วยรูปมือ ทำเอาเราอดสงสัยไม่ได้
“รูปมือตรงทางเข้าคือการนำไปสู่ห้องกลาง คืองานผีนับจาน รูปมือที่เห็นคือ ภาษามือของญี่ปุ่น พอทำงานนี้ ถึงเพิ่งรู้ว่าภาษามือของแต่ละประเทศเขาใช้ไม่เหมือนกัน”
ไฮไลต์ของงานคืองานผีนับจานหรือผีโอคิคุที่อยู่ห้องโถงกลางด้านในสุด แต่ก่อนจะไปถึงห้องกลาง ระหว่างทางยังมีงานที่ดึงดูดใจเราอยู่หลายชิ้น โดยเฉพาะชิ้นที่เป็นภาพจิ้งจอก 9 หาง แต่สวมชุดคล้ายกับนักร้องระดับโลกที่คนไทยรู้จักกันดี
“ภาพจิ้งจอก 9 หางคือลิซา เป็นตอนที่ลิซาไปแสดงที่ Crazy Horse Paris ช่วงนั้นมีกระแสทั้งชื่นชมและกระแสลบเยอะ เราเลยหยิบเหตุการณ์ตรงนั้นมาเล่าด้วย”
จิ้งจอก 9 หางไม่ว่าจะในตำนานของประเทศไหนมักถูกเล่าด้วยมุมมองของความชั่วร้าย จิ้งจอก 9 หางคือสัญลักษณ์ของการล่อลวงชายด้วยความงาม ซึ่งยุรีมองว่า แท้จริงแล้วความงามไม่ใช่ต้นตอของความผิดบาป แต่อาจเป็นเพราะคนที่ลุ่มหลงในความงามเองหรือเปล่าที่เป็นคนไม่เอาไหน
อีกงานที่น่าสนใจไม่แพ้กับชิ้นจิ้งจอก 9 หาง คือสัตว์หลายชนิดที่สวมชุดเซเลอร์มูน ซึ่งชิ้นนี้ ONCE เข้าใจในตอนแรกว่ายุรีอยากสื่อสารเรื่อง Empowering แต่ยุรีมองงานนี้มากกว่านั้น
“เซเลอร์มูนเป็นการ์ตูนยุคปฏิวัติความเป็นเพศหญิง เพราะสมัยก่อนฮีโรที่ต่อสู้กับเหล่าร้ายมักเป็นผู้ชาย และยุคหนึ่งเซเลอร์มูนก็มีตัวละครหญิงรักหญิงด้วย ชิ้นนี้เราเลยทำออกมาเป็นเซเลอร์ LGBTQ+ ด้วยสัตว์ที่มีการรักเพศเดียวกัน อย่างโลมาก็ใช่นะ”
แม้ว่านิทรรศการนี้มีความเป็นเพศอย่างชัดเจน แต่ยุรีสนใจเรื่องความเท่าเทียมมากกว่า เพราะไม่แค่พูดถึงเรื่องอุปสรรคของผู้หญิงเพียงเท่านั้น แต่ยุรียกให้อุปสรรคของชีวิตคนเรานั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การมีอยู่ของความเป็นเพศแล้ว
ในห้องนี้ยังมีงานที่น่าสนใจอีกหลายชิ้น ทั้งงานแม่นาค (ที่วาดเป็นตัวนากจริงๆ) ชิ้นที่วาดจากเรื่องราวของนางโมรา และการล่าแม่มดในยุคกลาง ซึ่งเราอยากให้ทุกคนลองไปเดินชมและตีความผลงานด้วยประสบการณ์ของตัวเองสักครั้ง
เข้าสู่ห้องที่เป็นไฮไลต์ของนิทรรศการนี้ ผีนับจาน หรือ ผีโอคิคุ โศกนาฏกรรมของสาวใช้โฉมงามที่โดนฆ่าตายเพราะไม่ยอมเป็นภรรยาซามูไร
ในตำนานกระแสหลักเล่าต่อกันมาว่า ซามูไรสั่งให้สาวใช้ดูแลจานล้ำค่าทั้งหมด 10 ใบ แต่สาวใช้ทำจานแตก 1 ใบ จึงถูกซามูไรลงโทษด้วยการให้นับจานให้ครบ 1-10 ไปตลอดชีวิต แต่ในอีกมุมของตำนานคือซามูไรต้องการสาวใช้เป็นภรรยาแต่ไม่สมหวังดั่งใจต้องการ จึงออกกลอุบายเอาจานไปซ่อน ทำให้สาวใช้ย้ำคิดย้ำทำ เฝ้านับจานจนกว่าจะครบ 10 ใบ แม้จะสิ้นลมหายใจไปแล้วก็ตาม
“ความพิเศษอีกอย่างของห้องนี้คือจานที่โชว์อยู่ข้างๆ เราตั้งใจเรื่องเป็นจานพอร์ซเลนของจริง เพราะในยุคนั้นจานพอร์ซเลนราคาสูงมาก สูงชนิดที่ว่าสาวใช้ไม่สามารถหาเงินมาซื้อทดแทนกับใบที่หายไปได้ด้วยซ้ำ”
และจานพอร์ซเลนของจริงที่อยู่ในงานก็มีเพียง 9 ใบเท่านั้นด้วย
ยุรีพาเราเดินไปยังห้องถัดไปจากโถงกลาง โซนนี้เป็นโซนที่เล่าเรื่องราวและอุปสรรคในชีวิตของยุรีเอง ตั้งแต่เรื่องที่เธอป่วยจนต้องเข้าผ่าตัด เรื่องโจรขึ้นบ้านของยุรีที่สุดท้ายตำรวจก็จับโจรไม่ได้ จนไปถึงเรื่องความขี้เกียจในตัวของยุรีที่นับเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งของชีวิต ที่สุดท้ายไม่ว่าจะยุรีหรือพวกเราทุกคนก็ต้องพบเจอ ก้าวข้าม และก้าวพ้นเรื่องราวเหล่านี้ในสักวันเช่นเดียวกัน
เดินมาจนถึงห้องสุดท้าย คงต้องบอกว่าห้องนี่คือห้องที่ผู้เขียนชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ และยิ่งยุรีอธิบายความหมายของห้องนี้ให้ฟัง ความชอบก็ยิ่งจับใจมากขึ้นไปอีก
“ห้องนี้เราใช้เทคนิคภาพถ่ายฟิล์มกระจก เป็นสไตล์ Photo Portriat ซึ่งในสมัยก่อน คนที่จะถ่ายภาพแบบนี้ได้ต้องเป็นคนสำคัญและร่ำรวย แต่เราเลือกผู้หญิงที่เป็นคนชายขอบ บุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่ได้รับความสนใจมาอยู่ในภาพ อีกอย่างคือ ปกติแล้วกล้องจะถ่ายไม่ติดผี แต่งานของเราถ่ายติดผีผู้หญิงเหล่านี้ได้นะ”
ผีผู้หญิงในเรื่องเล่าที่ไม่ถูกให้ความสำคัญ แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่มีคุณค่า เพราะพวกเขาคือคนหรือตัวละครที่ถูกกระทำผ่านเรื่องเล่า เรื่องแต่ง และปัจจุบันเรื่องราวเหล่านี้ก็ยังไม่เลือนหายออกจากสังคมทั้งไทยและเทศด้วยซ้ำไป
เราเดินคุยกับยุรีแบบเพลินๆ จนกลับมาอยู่จุดแรกของทางเข้านิทรรศการ อดชื่นชมไม่ได้ว่านี่เป็นอีกนิทรรศการที่สนุกและแอบจุกใจไปพร้อมๆ กัน ก่อนจะแยกย้าย ยุรีขอทิ้งท้ายฝากสารผ่านผู้เขียนมาถึงทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้…
“หลังนิทรรศการนี้จบแล้ว เราก็ไม่แน่ใจว่าจะได้จัดงานที่ไทยอีกหรือเปล่า อยากให้ทุกคนแวะเข้ามาเดินดูกัน เพราะหลังจากนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้จัดงานที่ไทยแล้วนะ”
The Mansion of Plates : คฤหาสน์จาน
วันนี้ – 16 มีนาคม 2025
JWD Art space ชั้น 3
เวลาทำการ : อังคาร – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น.
Facebook : JWD Art Space – Exhibition