About
RESOUND

MAI ME

มอง Mirrr ให้ลึกลับน้อยลงกับ ‘MAI ME’ อัลบัมที่ละอัตตาตัวเอง เชื่อมโยงทุกคนมากขึ้น

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • การเดินทางของ Mirrr จากอัลบัมแรก Q.E.D. สู่ MAI ME ที่เติบโตจากการพิสูจน์ตัวเอง สู่การมองเห็นผู้อื่นและคุณค่ารอบตัว พร้อมกับก้าวสำคัญคือ MIRRR ‘DAYDREAMING’ THE 1st CONCERT คอนเสิร์ตใหญ่ที่ Mirrr จะได้สื่อใจกับแฟนคลับเป็นครั้งแรก

“ผมอยากเห็นภาพของ Mirrr ที่ ‘ตื้น’ และคนเข้าใจได้ ฟังได้แล้วไม่รู้สึกว่าเข้าถึงยาก ไม่จริง หรือดูลึกลับ”

คำตอบของติโตทำเอาย้อนคิดว่า ONCE เองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยมองว่า เพลงหรือความเป็นวง Mirrr นั้นเข้าถึงยาก แต่การได้มาพูดคุยกับทั้งคู่ในวันนี้ทำให้ค้นพบว่า ทั้ง ติโต-เลอทัศน์ เกตุสุข (ร้องนำ) และ นาว-วิชชานนท์ ว่องวีรชัยเดช (กีตาร์) แห่งวง Mirrr คือศิลปินที่ตั้งใจส่งผลงานออกไปเชื่อมโยงกับผู้คน ส่งต่อเรื่องราวหรือตะกอนชีวิตของ Mirrr ที่ไม่ได้มีทั้งติโตและนาวเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เพราะทุกบทเพลงของ Mirrr มีเรื่องราวของทุกคนซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ

ความตั้งใจที่ว่านี้ชัดเจนขึ้นใน ‘MAI ME’ อัลบัมที่เกิดขึ้นหลังการพิสูจน์ตัวเองของทั้งคู่ในอัลบัม Q.E.D. ซึ่งเป็นอัลบัมแรกได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ฉะนั้น สำหรับวง Mirrr หากอัลบัมแรกอย่าง Q.E.D. คือหนอนที่เติบโตเป็นผีเสื้อ อัลบัมล่าสุดนี้คงเปรียบถึงผีเสื้อที่โบยบินออกไปสู่โลกกว้าง และงดงามในแบบของตัวเอง

ONCE อยากให้ทุกคนได้สัมผัสจิตวิญญาณความเป็นศิลปินของติโตและนาว ที่แม้ว่าคำตอบของทั้งคู่จะลึกซึ้ง แต่ทุกคำตอบเหล่านี้กลับเกิดจากการที่ทั้งคู่เฝ้ามองผู้คน คนสำคัญ ครอบครัว คนรอบตัว รวมถึงแฟนคลับของพวกเขาอยู่เสมอ บทความนี้เลยอยากชวนทุกคนมาเปิดประตูใจตัวเอง แล้วมารู้จัก Mirrr มากขึ้น ผ่านผลงานและคอนเสิร์ตแรกของพวกเขาอย่าง MIRRR ‘DAYDREAMING’ THE 1st CONCERT ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 20 กันยายนนี้ด้วย

Mirrr

จำวันแรกที่เจอกันได้ไหม

ติโต : จำได้ครับ ตอนนั้นผมเข้าไปในห้องซ้อมดนตรี แล้วเห็นเขากำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่พอดี เขาจะมีความแอ็กหน่อยๆ (หัวเราะ) แต่เขาเป็นแบบนี้ เพราะเขากำลังอินกับเครื่องดนตรีอยู่ครับ

นาว : เจอกันครั้งแรก เขาดูเข้าถึงยาก เพราะตอนนั้นเวลาทักไปหรือชวนคุยเขาก็จะดูนิ่งๆ หน่อย แต่ตอนนี้เราคุย deep กันแบบปกติเลย

 

Mirrr

พูดถึงความ deep แล้ว เล่าถึงคอนเซปต์ทั้งสองอัลบัมอย่าง Q.E.D. กับ MAI ME ให้ฟังหน่อย

ติโต : Q.E.D (Quod Erat Demonstrandum) คืออัลบัมแรกที่ค่อนข้างพิสูจน์ตัวเองอยู่ประมาณหนึ่ง การทำอัลบัมนี้เป็นเหมือนการแก้โจทย์ เพราะเราตั้งโจทย์ไว้ว่า อยากจะมีอัลบัมแรกสักอัลบัมให้ได้ เหมือนโจทย์ในคณิตศาสตร์ที่พอเราจะพิสูจน์โจทย์บางอย่าง เราต้องเขียนคำว่า ‘ซึ่งต้องพิสูจน์’ หรือ Q.E.D หลังทำโจทย์เสร็จแล้วลงไปด้วย ส่วนรูปผีเสื้อที่เป็นรูปคอนเซปต์ของอัลบัมแรกนี้ เปรียบเสมือนการที่หนอนเติบโตเป็นผีเสื้อแล้ว

ฉะนั้น พอมาเป็นอัลบัมที่ 2 อย่าง ‘MAI ME’ คืออัลบัมที่อยากบอกว่า การพิสูจน์ตัวเองในอัลบัมแรกมันเติบโตแล้ว และกำลังจะโบยบินออกไปเจอโลกกว้างเหมือนผีเสื้อ การทําอัลบัมที่สองของพวกเราเลยเปลี่ยนไป ผมเริ่มมองและกลับไปย้อนถามตัวเองว่า ‘จริงๆ แล้วอัลบัมคืออะไร?’ ตั้งคำถามว่า ความหมายของอัลบัมคืออะไรและคุณค่าจริงๆ ของมันคืออะไร

สุดท้ายผมเลยนิยามออกมาเป็นคําว่า ‘ไม่มี’ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการไม่มีคุณค่าหรือไม่มีคำนิยาม แต่นิยามจากคำว่า ME ที่แทนคำว่า ‘ตัวฉัน’ ซึ่งเป็นตัวฉันที่ไม่ใช่อัตตาของฉันอีกต่อไป และผีเสื้อตัวนั้นที่กำลังโผบิน ไม่ได้มองเข้าไปในโลกใบนี้แล้วเห็นแค่ความสวยงามของโลกแบบผิวเผินเท่านั้น แต่มันหันกลับมามองตัวเองด้วยว่า คำพูดที่มักบอกว่า หนอนจะสวยก็ต่อเมื่อกลายเป็นผีเสื้อ แต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะหนอนและผีเสื้อต่างมีคุณสมบัติที่ต่างกัน แต่กลับมีความหมายต่อธรรมชาติในแบบของตัวเอง อัลบัม MAI ME จึงเป็นอัลบัมที่ Mirrr เริ่มมองคนอื่นมากขึ้น เริ่มเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ รอบตัวเรามากขึ้น และไม่ได้ทําเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่เป็นอัลบัมที่มีทุกคนรอบตัวเรามาเชื่อมโยงในอัลบัมนี้ ดังนั้น คุณค่าและความหมายของอัลบัมนี้จึงไม่ได้ยึดโยงอยู่กับอัตตาของตัวเองอีกต่อไป

Mirrr

อัลบัมนี้ เพลงไหนเป็นเพลงสำหรับนาวและติโต

นาว : ยากเลย เพราะเราทำเพลงทั้งหมดเอง เลยรู้ว่าเพลงทั้งหมดเป็นตัวเรา แต่จะให้บอกว่าอันไหนเป็นตัวเรามากหรือน้อยก็คงยาก เพราะแต่ละเพลงคือตัวเรา ณ ขณะตอนที่เราทำเพลงอยู่

ติโต : ผมก็คล้ายๆ นาวนะ แต่ถ้าต้องตอบว่าตอนนี้เพลงไหนเป็นผมที่สุด คงจะเป็นเพลง ‘ย้ำคิดย้ำทำ’ เวลาร้องเพลงนี้ออกไปมักมีภาพและความรู้สึกลึกๆ ที่เป็นตัวแทนของผมใน ณ วินาทีนี้ที่สุดครับ

Mirrr

มีเพลงไหนในอัลบัม MAI ME ที่อยากให้ทุกคนได้ฟังเป็นพิเศษไหม

นาว : สำหรับผมมีอยู่ 2 เพลงครับ คือ เพลง ‘ใครสักคน’ กับ เพลง ‘คิดต่อ’ เป็นเพลงที่ผมเองก็ชอบ ฟังบ่อย และยังฟังวนไปเรื่อยๆ ครับ อย่างเพลง ‘ใครสักคน’ เป็นเพลงที่ติโตเขียนและทำเป็นเดโมไว้นานแล้ว ประมาณ 5 ปี มันผ่านการเดินทางและผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาเยอะมาก สารของเพลงที่จะสื่อผ่านเพลงนี้เลยแข็งแรงขึ้นมากๆ ถ้าฟังเพลงนี้ในตอนนี้กับฟังเพลงนี้ในตอนนั้น ความรู้สึกจะต่างกันไปเลย ส่วนเพลง ‘คิดต่อ’ เป็นเพลงใหม่ที่สุดในตอนนี้ที่ทำมา เป็นเพลงสุดท้ายที่ทำแล้วรู้สึกว่า เป็นปัจจุบันที่สุด แล้วก็เชื่อมโยงกับตัวนาวด้วย

ติโต : นอกจากเพลงย้ำคิดย้ำทำที่เพิ่งบอกไป ก็มีเพลง ‘รับปาก’ เพลงนี้ผมเขียนแร็ปหน้าห้องอัดด้วย เป็นเพลงแรกของ Mirrr จริงๆ ที่มีเพลงแร็ปท่อนยาวขนาดนี้ ปกติผมชอบเขียนแร็ปอยู่แล้ว แต่ไม่เคยปล่อยออกมาใน Mirrr เลย ผมแต่งและเก็บเอาไว้ฟังคนเดียวตลอด แต่พอได้ปล่อยออกมาในเพลงนี้ก็เลยรู้สึกว่า อยากให้ทุกคนได้ลองฟังดูครับ

Mirrr

Mirrr

อัลบัม MAI ME ทำงานกับความรู้สึกภายในและสะท้อนตัวตนของ Mirrr ยังไงบ้าง

ติโต : อัลบัมนี้เริ่มเกิดขึ้นช่วงที่เรากำลังทำซิงเกิลครับ เป็นช่วงที่คิดเพลงเก่าๆ คิดถึงครอบครัวมากขึ้น เพราะผมคิดแต่งาน แล้วช่วงนั้นเองคุณพ่อผมป่วย ช่วงนั้นผมเลยได้เริ่มมีเวลากลับไปอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ได้พูดคุยกับที่บ้าน เหมือนกับว่าภาพเก่าๆ และเพลงเก่าๆ ในวัยเด็กย้อนกลับมา ทั้งสถานที่หรือกลิ่นบางอย่างก็ทำให้ความทรงจำเก่าๆ ย้อนกลับมา ผมเลยกลับมาคุยกับนาวว่า ผมอยากทำเพลงเก่า ผมแลกเปลี่ยนกับนาว ซึ่งนาวเองก็เข้าใจในส่วนนี้ และเริ่มอินไปกับเรา เลยเป็นจุดเริ่มต้นของซิงเกิลแรกๆ ก่อนจะมาเป็นอัลบัม

หลังจากนั้นการทำเพลง หรือการแสดงออกทางสัญลักษณ์ที่ทุกคนเห็น เป็นสิ่งที่อยู่ในหัว ในความรู้สึก และความทรงจำของผม ผมพยายามจะบอกถึงสิ่งที่ตามองเห็น เสียงที่เราได้ยิน กายที่เราได้สัมผัส หรือสิ่งที่จมูกเราได้รับกลิ่น ผมอยากเอาสิ่งเหล่านั้นออกมาอยู่ในโลกจริงให้คนได้เห็นภาพ ฉะนั้น ผลงานทุกอย่างที่ทุกคนได้เห็นคือ สิ่งที่สะท้อนจิตวิญญาณภายในของผมออกมาครับ

นาว : ฟังติโตแล้วได้ยินคำว่า ย้อนความทรงจำ ของผมเองจะเป็นคำว่า ทำในสิ่งที่อยากทำ ทำในสิ่งที่ชอบก็พอ ประมาณว่าในวัยเด็กเราฟังบอยแบนด์ ตอนเด็กๆ ก็เคยคิดเล่นๆ ว่าอยากเป็นบอยแบนด์ พอโตขึ้นมาเลยเอาเพลงที่เคยฟัง ที่เคยอยากทำมาทำในอัลบัมดู หรืออย่างสมัยเด็กผมติดเกม ผมก็เอาเสียงในวัยเด็กที่เคยอยู่ในเกมมาใส่ในเพลงด้วย เป็นสิ่งที่อยากทำมานานแล้ว แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันคืออะไร การทำอัลบัมนี้เลยได้หยิบจับมาใช้ครับ

Mirrr

อยากเห็นภาพแบบไหนเกิดขึ้นกับวง Mirrr บ้าง

ติโต : มองไว้หลายอย่างครับ ภาพของผมกับนาวเป็นสิ่งที่ยังอยู่ในหัวของเราทั้งสองคน ภาพเลยอาจจะไม่ได้เหมือนกัน สำหรับผมแล้ว อยากเห็นภาพของ Mirrr ที่ ‘ตื้น’ และคนเข้าใจได้ ฟังได้แล้วไม่รู้สึกว่าเข้าถึงยาก ไม่จริง หรือดูลึกลับ อยากจะให้คนได้เห็นภาพว่า เราเป็นคนแบบนี้ เราไม่ใช่คนที่ไม่อยากเข้าถึงใคร หรือไม่อยากเชื่อมโยงกับใคร เราอยากเข้าถึงทุกคนมากๆ อยากสื่อสารกับทุกคนในอีกหลายสิ่งมากๆ อยากให้มันเชื่อมโยงกับคนที่ เราส่งสารไป แล้วเขาจะรับสารนี้ โดยที่เราไม่ได้คาดหวังว่า ทุกคนจะต้องรับสารที่เราส่งไป แค่อยากให้อินกับเราโดยที่ไม่ปิดประตูใส่เราไปก่อนครับ

นาว : เราเดินทางมาเกือบ 10 ปีแล้ว บางทีเราก็ไม่แน่ใจว่า คนอื่นมองเรายังไง ภาพที่เราคิดไว้กับสิ่งที่ทุกคนมองเราอาจจะไม่เหมือนกัน อยากเข้าใจคนอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะที่เรากำลังจะมีคอนเสิร์ต จะได้เห็นหน้าแฟนๆ ที่เดินทางมาด้วยกันตลอด 10 ปี ว่า สิ่งที่เขามองเราเป็นแบบไหน ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ ก็สามารถที่จะวาดภาพถัดไปของตัวเองได้ เพราะตอนนี้เราเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น จะเป็นจริงกับโลกนี้ได้หรือเปล่า

Mirrr

Mirrr กำลังจะมี MIRRR ‘DAYDREAMING’ THE 1st CONCERT ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิต ทั้งคู่รู้สึกยังไงบ้าง

นาว : กดดันครับ ตื่นเต้นด้วย

Mirrr

แฟนคลับจะได้เห็นอะไรในคอนเสิร์ตนี้

ติโต : น่าจะได้เห็นในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงครับ และอาจเป็นสิ่งที่เราคาดหวังให้เขาได้ลิ้มรสความรู้สึก แล้วกลับไปได้รู้สึกดีใจที่ได้ใช้เวลา ณ ตรงนั้นร่วมกับเราครับ

Mirrr

อยากฝากอะไรถึงแฟนคลับไหม

ติโต : ถ้าไม่มีแฟนคลับอาจจะไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตใหญ่ แต่อัลบัมของเราอาจจะไม่มีจริงๆ เหมือนชื่ออัลบัมนี้ เพราะแฟนคลับคือส่วนหนึ่งที่นิยามให้เพลงเหล่านี้มีความหมาย แฟนคลับคือส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเราได้ยืนอยู่ตรงนี้ เขาเป็นแรงผลักดันที่สนับสนุนพวกเรามาตลอด และแทบจะเป็นจิกซอว์ชิ้นใหญ่สำหรับพวกเรา มีคุณค่าและความหมายสำหรับเรา เพราะผมเองก็หาความหมายของคำว่า ‘ศิลปิน’ อยู่เหมือนกัน ซึ่ง ณ วันนี้ผมมองว่า การเป็นศิลปินไม่สามารถเกิดขึ้นจาก ‘อัตตา’ แค่ของผมคนเดียวได้ แต่หมายถึงการมีผู้ที่ให้คุณค่าและความหมายอยู่ในนั้น

อย่างศิลปินที่วาดรูปแล้วไม่มีคนดู ไม่มีคนวิจารณ์ ไม่มีใครให้คุณค่ากับงาน ศิลปินก็อาจจะนั่งสงสัยตัวเองไปจนตลอดชีวิต จนกระทั่งผ่านไปหลายร้อยปี ศิลปินจากโลกนี้ไปแล้ว แต่กลับมีคนเข้ามาเห็นผลงาน ศิลปินคนนั้นที่ตายไปแล้วถึงจะถูกเรียกเป็นศิลปินจริงๆ ด้วยซ้ํา ฉะนั้น ณ วันนี้ผมก็รู้สึกว่า ผมโชคดีมากที่ยังไม่ตาย แล้วเรามีแฟนคลับที่รักเราอยู่ แฟนคลับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมเลยครับ สิ่งที่อยากจะฝากคือ ขอบคุณมากๆ ครับที่อยู่มาด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะคนที่อยู่ คนที่แวะเวียนเข้ามา หรือคนที่ผ่านไป เพราะแค่แวะเวียนผ่านมาก็ยังดี ขอบคุณจริงๆ ครับ

นาว : เวลาเจอแฟนๆ เขามักพูดว่า ไม่กล้าเข้ามาทักทาย ผมอยากบอกว่า ยินดีมากๆ อยากให้ทุกคนเข้ามาทักทาย เพราะเขาทำให้ผมรู้สึกว่า สิ่งที่เราทำมีความหมาย ไม่ใช่แค่ต่อตัวเราเอง แต่ต่อทุกคนที่เห็นผลงานเหล่านี้ ก็อยากขอบคุณและอยากให้แวะเวียนมาเจอกัน ผมดีใจทุกครั้งที่ได้เจอแฟนๆ ครับ

Mirrr

𝐌𝐈𝐑𝐑𝐑 𝐃𝐀𝐘𝐃𝐑𝐄𝐀𝐌𝐈𝐍𝐆 𝐓𝐇𝐄 𝟏𝐒𝐓 𝐂𝐎𝐍𝐂𝐄𝐑𝐓 ཐི༏ཋྀ
🎫 ราคาบัตร 1,800 / 2,500 / 3,500 (VIP) บัตรยืนทั้งหมด
website : https://www.eventpop.me/e/101257/mirrr1stconcert

𝗩𝗜𝗣 𝗕𝗘𝗡𝗘𝗙𝗜𝗧𝗦
ได้รับ Exclusive Merchandise
สิทธิ์ในการซื้อของที่ระลึกและเข้าฮอลล์แสดงเป็นกลุ่มแรก
สิทธิ์ Meet & Greet ถ่ายรูป 1:1 และเซ็นของจำนวน 1 ชิ้น (หลังคอนเสิร์ตจบ)

จัดแสดงวันที่
🗓️ วันที่ 20 กันยายน 2568
📍CENTERPOINT ENTERTAINMENT

Tags: