

Ripley Code
ถอดรหัสภาพเขียนขั้นเทพใน Ripley ซีรีส์จากเน็ตฟลิกซ์ที่ใช้ศิลปะเป็นสัญญะสำคัญของเรื่อง
- ท่องโลกศิลปะใน Ripley ซีรีส์จากเน็ตฟลิกซ์ที่ใช้ภาพเขียนของคาราวัจโจเป็นสัญญะเล่าเรื่องราวนักต้มตุ๋นที่บูชางานศิลปินคนนี้ ซึ่ง Michelangelo Merisi da Caravaggio คือจิตรกรหัวขบวนของแวดวงศิลปะอิตาลีช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ขึ้นชื่อในงานภาพเน้นแสงเงางดงามที่แฝงไว้ด้วยแง่มุมดำมืดของมนุษย์
- แม้เป็นศิลปะฝีมือฉกรรจ์ คาราวัจโจมีนิสัยหุนหันถึงกับฆ่าคนได้ ในยุคมืดที่กลายเป็นฆาตกร ชีวิตศิลปินของเขารุ่งโรจน์ถึงขีดสุดและสร้างมาสเตอร์พีซไว้มากมาย
สองบุรุษที่อยู่ต่างยุคกัน 350 ปี Caravaggio ช่วงต้นปี 1600s และ Tom Ripley ในทศวรรษที่ 1960s กลับมีชีวิตดั่งโลกคู่ขนาน พวกเขาสร้างมาสเตอร์พีซขึ้นจากเลือด คาราวัจโจแอบซ่อนโลหิตแดงฉานไว้ใต้งานศิลปะเน้นแสงเงา มือเปื้อนเลือดของมิสเตอร์ริปลีย์ถูกบดบังด้วยงานภาพสีขาวดำในซีรีส์เรื่อง Ripley
SPOILER ALERT! : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์

Photo: Netflix

Photo: Netflix
Artist vs. Con Artist
นักเรียนศิลปะและผู้ฝักใฝ่ในงานศิลป์ต้องฟินกับ Ripley ซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์ที่ใช้ภาพเขียนของศิลปินชั้นครู ตั้งแต่ Picasso จนถึงคาราวัจโจมาบอกใบ้แฝงนัยเรื่องราวของหนุ่มนิวยอร์กที่หากใครต้องการ ‘ตรายางปลอม เอกสารเลียนแบบ’ ไปจนถึงงานปลอมแปลงทุกประเภทต้องไปหาเขาคนนี้ ‘ทอม ริปลีย์’
ทว่า เมื่อ Mr.Greenleaf เจ้าพ่อธุรกิจเดินเรือมองหาทอมนั้นก็เพื่อภารกิจที่ต่างออกไป กรีนลีฟผู้พ่อเชื่อว่าทอมคือเพื่อนของ Richard ‘Dickie’ Greenleaf บุตรชายที่หายหัวเผาเงินไปวันๆ ในอิตาลี และพ่อคนนี้ก็ส่งตัวทอมให้ไปพาตัวลูกชายกลับบ้าน
นักต้มตุ๋นที่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าได้แค่ห้องพักเล็กเท่ารูหนู เมื่อได้ค่าจ้างก้อนงามและโอกาสทองไปเปิดโลกในยุโรป ไยใครจะไม่คว้าลาภลอยเช่นนี้

Photo: Netflix
เมื่อทอมเดินทางไปถึงอะตรานี เมืองชายทะเลที่มีประชากรเพียง 800 คน (ในปัจจุบัน) ชีวิตที่เต็มไปด้วยลูกกรงเหล็กดัดราวกับคุกในนิวยอร์กของทอมได้เปลี่ยนเป็นเส้นสายคดโค้งเปิดโล่งของอิตาลี ประเทศที่ทุกมุมคืองานศิลปะ
และการผจญภัยในโลกชนชั้นสูงที่นำมาซึ่งความตายสุดสยองได้เปิดฉากขึ้นเมื่อทอม ริปลีย์ค้นพบชีวิตในฝันของตนถูกปฏิเสธในชีวิตของ ‘เพื่อนรัก’ ดิกกี้ กรีนลีฟ
Patricia Highsmith ผู้แต่งนิยายเรื่อง The Talented Mr.Ripley ในปี 1955 บรรยายไว้เพียงว่าศิลปะเป็นดั่งรักใหม่ของดิกกี้เมื่อเขาผลาญเงินกองทุนของพ่อไปวันๆในอิตาลี แต่ผู้กำกับ Steven Zaillian (มือเขียนบทหนังออสการ์ Schindler’s List) ใช้งานศิลปะเป็นดั่งตัวละครสำคัญที่เล่าเรื่อง และแม้แต่พยากรณ์โชคชะตาของทอม ริปลีย์ ผ่านภาพเขียนต่างๆ ที่แทรกใน 8 เอพิโซดของซีรีส์ Ripley ดังนี้

Photo: Public Domain
Augustus John – Sir William Orpen (1900)
ภาพเขียนนี้ที่อยู่ในร้านขายของแอนทีกดึงดูดความสนใจของทอมขณะเดินผ่านหน้าร้านในนิวยอร์ก บอกใบ้ถึงการเริ่มต้นสายสัมพันธ์ฉันท์ ‘เพื่อน’ ของเขากับดิกกี้ เนื่องจาก Sir William Orpen จิตรกรเป็นเพื่อนกับ Augustus John ที่มานั่งเป็นแบบในภาพ การวาดภาพเหมือนบุคคลนั้น ตัวศิลปินต้องพินิจทุกรายละเอียดของตัวแบบ เช่นเดียวกับพฤติกรรมของทอมในเวลาต่อมาที่เฝ้าสังเกตทุกอากัปกิริยาของดิกกี้เพื่อเลียนแบบท่าทาง น้ำเสียง วิธีพูด แม้กระทั่งเอาเสื้อผ้า(และกางเกงใน)ของดิกกี้มาใส่

Photo : https://www.artchive.com/
Guitar Player – Pablo Picasso (1910)
เมื่อแรกไปถึงวิลล่าในเมืองอะตรานีของดิกกี้ ทอมยืนเผชิญหน้ากับภาพเขียนชิ้นนี้ของปิกัสโซ ซึ่งมีแต่คนร่ำรวยเท่านั้นที่ครอบครองได้ แต่งานศิลปะล้ำค่าชิ้นนี้ไม่ได้อยู่หลังกระจก ไม่ได้แขวนในพิพิธภัณฑ์ หากมันลอยอยู่บนผนังในบ้านที่เพียงเขายื่นมือออกไปก็ได้สัมผัส ‘สิ่งสูงค่า’ ได้แล้ว
อนึ่ง ภาพเขียนนี้เกิดขึ้นในยุคแรกๆที่ปิกัสโซพยายามถอดรูปทรงในความเป็นจริงให้กลายเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ทำให้เขากลายเป็นมาสเตอร์แห่งศิลปะแนวคิวบิสม์ในเวลาต่อมา สะท้อนห้วงความคิดของทอมที่เริ่มถอยห่างจากความเป็นจริงไปสร้าง ‘โลกของทอม’ ที่ตัวเขาสวมรอยเป็นดิกกี้ กรีนลีฟ

Photo: Wikipedia
The Seven Works of Mercy – Caravaggio (1607)
ผลงานของคาราวัจโจที่ปรากฏในซีรีส์ Ripley มีแต่ภาพเขียนบรรยายฉากในพระคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น ภาพแรกที่ทอมได้รู้จักคาราวัจโจคือ The Seven Works of Mercy ที่ฉายภาพนักบุญไปโปรดกระยาจก ผู้แสวงบุญแสวงหาที่พักพิง สตรีให้นมทารกผู้หิวโหย ฯลฯ แม้เป็นกิริยาที่แสดงเมตตาธรรม 7 ประการ ทว่าคาราวัจโจกลับวาดให้คนในภาพมีกล้ามเนื้อเขม็งเกร็งราวกับกำลังสัประยุทธ์ในสงคราม
ดิกกี้พาทอมไปชมภาพนี้ของคาราวัจโจในเมืองเนเปิลส์ และเล่าว่าตัวศิลปินวาดภาพนี้ในวัย 36 หลังจากสังหารชายชื่อ Ranuccio Tommasoni ในกรุงโรมก่อนจะหนีความผิดไปอยู่ที่เนเปิลส์ ที่ซึ่งเขารุ่งโรจน์มีเศรษฐีค้ำจุนให้ทำงานศิลปะเน้นแสงเงาที่เรียกว่า chiaroscuro ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกับงานภาพในซีรีส์ Ripley ที่เป็นภาพขาวดำ(เกือบ)ทั้งเรื่อง เพราะผู้กำกับตีความว่า Ripley เป็นแนวฟิล์มนัวร์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับซ่อนเงื่อนเขยื้อนปม ซึ่งแสงเงาในงานของคาราวัจโจและภาพขาวดำในซีรีส์ Ripley ช่วยลดทอนภาพอันสยดสยอง ขณะเดียวกันได้ขับเน้นกลดำอำพรางของทอม ริปลีย์ให้เข้มข้นขึ้น

Photo: Wikipedia
The Calling of St. Matthew – Caravaggio (1600)
ทอมที่บัดนี้สวมรอยใช้ชีวิตเป็นดิกกี้ออกจากเนเปิลส์ไปยังกรุงโรม เขาแวะไปสักการะคาราวัจโจ ผู้นำทางจิตวิญญาณของตนที่ Contarelli Chapel โบสถ์น้อยในวิหาร San Luigi dei Francesi ที่ประดับภาพเขียน 3 ชิ้นของคาราวัจโจซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนักบุญมัทธิว อัครสาวกและผู้นิพนธ์พระวรสาร
ทอมพุ่งความสนใจไปที่ภาพ The Calling of St. Matthew ที่คาราวัจโจวาดช่วงชีวิตของมัทธิว (หรือเลวี) ผู้เก็บภาษีที่ถูกพระเยซูเรียกตัวไปเป็นสาวก สะท้อนความคิดของทอมในเวลานั้นที่ตาม ‘เสียงเพรียก’ แล้วก้าวไปสู่ชีวิตใหม่และใช้ชื่อใหม่เป็นดิกกี้ กรีนลีฟ โดยมองข้ามภาพเขียนที่แขวนอยู่ตรงข้ามกันคือ The Martyrdom of Saint Matthew ที่บรรยายจุดจบของนักบุญมัทธิวที่โดนปลิดชีพตามคำบัญชาของพระราชาแห่งเอธิโอเปียขณะทำพิธีมิซซาหน้าแท่นบูชา ภาพกลุ่มนี้ของคาราวัจโจจึงฉายลักษณะนิสัยของทอมได้ดีว่ารับมือกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้ หากจงใจแยแสต่อผลที่ตามมา
ทอมสวมชื่อใช้ชีวิตเป็นดิกกี้ กรีนลีฟ ชมงานศิลปะของคาราวัจโจที่โบสถ์ San Luigi dei Francesi (จากซ้าย) The Calling of St Matthew (1599–1600), The Inspiration of Saint Matthew (1602) และ The Martyrdom of Saint Matthew (1599–1600)

Photo: Wikipedia
David With The Head Of Goliath – Caravaggio (1610)
คาราวัจโจฉายภาพเด็กหนุ่มเดวิดในชั่วขณะที่พิชิตยักษ์โกไลแอธ วงหน้าของเดวิดแฝงความอาดูรระคนเห็นอกเห็นใจเจ้ายักษ์ ซึ่งทอมแอบเงี่ยหูฟังไกด์บรรยายถึงภาพนี้ในพิพิธภัณฑ์ว่า คาราวัจโจวาดภาพนี้เป็นดั่งภาพเหมือนของตนเอง สังเกตได้จากหน้าของเดวิดที่เหมือนคาราวัจโจในวัยหนุ่ม ส่วนหน้าของโกไลแอธคือตัวเขาในวัยชรา ภาพนี้จึงเป็นดั่งคำพยากรณ์ชะตากรรมของตัวคาราวัจโจเองที่อย่างไรเสียก็ปลงตกว่า กงล้อแห่งกรรมจะหมุนมาลงทัณฑ์เขาเข้าสักวัน
ณ จุดนี้ที่มองภาพชี้ชะตาของคาราวัจโจ ทอมสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำลงไปกับดิกกี้ ลึกๆแล้วเขาไม่ใช่คนกระหายเลือดโดยสันดาน เพียงแต่เป็นจอมคว้าโอกาสและนักขจัดอุปสรรคที่ขวางไม่ให้เขาเข้าถึงโอกาสนั้น แม้ว่ามือต้องเปื้อนเลือดก็ยอม และบัดนี้ ทอมตระหนักในชะตากรรมสุดท้ายของตนเองแล้ว

Photo: Netflix
Nativity With St. Francis And St. Lawrence – Caravaggio (1609)
หลังจากฆ่าศพที่สอง ทอมเร้นรอดมือตำรวจไปยังเมืองปาแลร์โม และหลังจากฆ่าคนมาหมาดๆก็ยังมีแก่ใจไปเที่ยวชมงานศิลปะอีกชิ้นของคาราวัจโจในเมืองนี้ Nativity with St. Francis and St. Lawrence ภาพของจริงนั้นถูกขโมยไปในปี 1969 และไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมันอีกเลย ภาพเขียนชิ้นนี้ของคาราวัจโจจึงเป็นชิ้นงานเลียนแบบของจริงสำหรับใช้ในซีรีส์เรื่องนี้โดยเฉพาะ
ตัวภาพบรรยายฉากการกำเนิดใหม่ของพระเยซู ล้อไปกับการสูญหายของภาพเขียนชิ้นดั้งเดิม ขณะที่ทอมเองตระเตรียมแผนการเกิดใหม่เป็นทอม ริปลีย์เวอร์ชั่น 2.0 และผูกเรื่องราวให้ทุกคนในเรื่องเชื่อว่าดิกกี้ กรีนลีฟหายตัวไปอย่างไม่อาจตามเจอได้ และทอมได้อัปเลเวลเป็นนักต้มตุ๋นในสังคมชั้นสูงนามว่า Richard Fanshaw

Photo: www.caravaggio.org
The Crucifixion of St. Peter – Caravaggio (1601)
ภาพนี้ปรากฏในเอพิโซด 8 ซึ่งเปิดมาด้วยเหตุการณ์เมื่อ 350 ปีก่อนในคืนที่สังหาร Ranuccio Tomassoni คาราวัจโจกลับบ้านไปนั่งจิบไวน์อย่างสำราญใจที่ได้แก้แค้น ขนานไปกับภาพทอมที่นั่งจิบไวน์หลังสังหารศพที่สอง คาราวัจโจสร้างชิ้นงานศิลปะที่แฝงความตาย ทอม-แม้มิได้เขียนภาพ หากผลงานของเขาคือความตายศพแล้วศพเล่า ชีวิตปลอมจอม และการลวงหลอกที่ตบตาทุกคนได้แม้กระทั่งตำรวจ
ในภาพ นักบุญปีเตอร์ถูกปลิดชีพโดยชาวโรมัน แต่เขาไม่ยอมถูกตรึงกางเขนแนวตั้งเพราะเชื่อว่าเป็นการลบหลู่พระผู้เป็นเจ้า แม้ในโมงยามแห่งความตาย นักบุญปีเตอร์ยืนกรานให้ตรึงกางเขนตนในแนวคว่ำ นักบุญปีเตอร์อาจเป็นภาพแทนชะตากรรมที่อาจตาลปัตรของทอมที่อาจโดนลงทัณฑ์อย่างเหี้ยมโหดโดยอำนาจรัฐ หรืออาจเป็นภาพแทนบรรดาเหยื่อที่โดนทอมสังหารอย่างนองเลือด เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ลงทารุณอย่างอยุติธรรมด้วยวิธีการอำมหิต

Photo: www.caravaggio.org
Madonna And Child With St. Anne – Caravaggio (1606)
พระแม่มารีกำลังพยุงหรือชี้นำให้พระเยซูในร่างทารกน้อยย่ำงูพิษคือสัญญะของความดีชนะความชั่ว แน่นอนว่าทอม ริปลีย์คืองูพิษที่โดนพลังความดีงามบดขยี้ และในวินาทีส่งท้ายของซีรีส์ Ripley ซึ่งปูทางด้วยงานศิลปะที่บอกใบ้ถึงความตายมาหลายภาพ ทว่าทอม ริปลีย์กลับรอดตัวไปได้อีกครั้ง และทุกครั้งที่รอดจากการโดนจับได้ ทอมกลับมาอย่างทรงอำนาจขึ้น ร่ำรวยขึ้น และมีชีวิตที่หรูหรายิ่งขึ้น
กฎหมายทำอะไรไม่ได้ ตำรวจไม่เคยจับได้ไล่ทันคนร้าย ฝ่ายอธรรมมีชัยเหนือฝ่ายธรรมะอยู่ร่ำไป…?
เอ๊ะ ทำไมคุ้นๆเหมือนชีวิตจริงในประเทศสารขัณฑ์จังนะ
ข้อมูลจาก
• https://screenrant.com/ripley-show-paintings-art-meaning-explained/
• https://www.euronews.com/culture/2024/04/10/the-art-of-deception-how-the-ripley-series-uses-artworks-to-inform-and-misdirect
• https://sea.mashable.com/tv-shows/32044/netflixs-ripley-is-full-of-caravaggio-references-heres-why
• https://www.netflix.com/tudum/features/ripley-series-locations-costumes-black-white-cinematography
• https://news.artnet.com/art-world/as-seen-on-ripley-netflix-caravaggio-2466041
• https://www.caravaggio.org/