สุขท่ามกลางป่า

“ต้นไทรเป็นศูนย์กลางของอาหาร สัตว์ป่านานาชนิดจะรวมกันที่ต้นไทร เพื่อกินลูกไทรในช่วงเวลาที่ดีที่สุด แนนเลยแปรรูปของท้องถิ่นตามฤดูกาลมาเป็นไอศกรีม ผมก็สร้างฐานการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ป่า”

เต้ยกับแนนจำลองบทบาทของต้นไทรผ่านร้าน โดยเล่าเรื่องท้องถิ่นตามความถนัดของตัวเอง นอกจากนั้น ไทรสุกคือประตูสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่จะทำหน้าที่กระชับความรู้สึกห่างเหินระหว่างนักท่องเที่ยวกับป่า แล้วสร้างความตระหนักว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว

“มีคีย์หนึ่งของไทรสุกที่เราชอบมาก ไทรสุก 1 ลูกส่งผลต่อชีวิตคนยังไง ลูกไทรคือแหล่งอาหาร สัตว์ป่าต่างๆ โดยเฉพาะนกเงือกที่เป็นนักกระจายเมล็ดพันธุ์ พอสัตว์ป่าเยอะขึ้น ต้นไม้เพิ่มขึ้น มีแหล่งน้ำไหลผ่านแหล่งเกษตรกรรมมาสู่ชีวิตเรา

เรื่องดิน น้ำ อากาศ มันเฉพาะมาก รุ่นพี่ผมนำองุ่นที่ปลูกบนเขาใหญ่ไปทำไวน์ แล้วส่งประกวดได้รางวัลระดับโลกมา และเขาพยายามจะขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ภาคเกษตรกรรม เลยได้ผลผลิตคุณภาพดีและมีความเฉพาะตัวด้วย”

ใจการสื่อสารเรื่องธรรมชาติอย่างตรงไปตรงมาจากภาคเอกชนไม่ได้มีให้เห็นบ่อย เมื่อไทรสุกปลุกกระแสท่องเที่ยวดูสัตว์ป่า ก็จะทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนนำเที่ยวหวงแหนธรรมชาติมากขึ้น เมื่อเสียงส่วนนี้แข็งแกร่งมากพอก็จะป้องกันการบุกรุกทำลายป่าหรือล่าสัตว์อย่างผิดกฎหมายในอนาคต เพิ่มเติมจากประเด็นพื้นฐานอย่างการรณรงค์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ส่งผลให้สัตว์สูญพันธุ์

การสื่อสารประเด็นหนักเหล่านี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป และทำอย่างแนบเนียนคู่กับความสนุก ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด เต้ยและแนนแค่อยากให้คนมีความสุขกับธรรมชาติเท่านั้นเอง เพราะเมื่อคนชื่นชอบธรรมชาติ ความต้องการอยากอนุรักษ์จะตามมาโดยอัตโนมัติ

พูดเฉยๆ อาจจะนึกภาพไม่ออก เต้ยบอกให้เราลองชิมน้ำแอปเปิลเขียวผสมบีทรูต (85 บาท) ตรงหน้า แล้วถามรสชาติ

หวานปนฝาดค่ะ – เราตอบ

“วินาทีนั้นน่ะครับ เราลืมว่าเราเป็นใครไปชั่วขณะ ลืมว่ากำลังเป็นทุกข์ เราไม่ใช่ลูก ไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่ใช่เจ้านาย เรากำลังมีความสุขกับสิ่งตรงหน้า เพราะฉะนั้นเวลาอยู่ในป่าแล้วสังเกตธรรมชาติตรงหน้า มันช่วยให้ความเครียดลดลง”

เอ๊ะ?! นี่มันตัวอะไร

มาถึงฐานการเรียนรู้ไทรสุกทั้งที ต้องเอาทั้งตัวเข้าไปลงเล่น อย่าตกใจไป เพราะไม่เลอะดินเปื้อนโคลนแน่นอน คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องระวังแทนน้องๆ ส่วนผู้ใหญ่เล่นก็สนุกไปอีกแบบ

ฐาน 1 แยกประเภทสัตว์ป่า โดยแยกสัตว์ป่าเขาใหญ่จากสัตว์ป่าต่างประเทศ โดยมีสัตว์ 2 ประเภทผสมรวมกันกว่า 50 ชนิด พอระบุได้แล้วก็ถึงเวลาย้ายพวกเขาไปแปะบนบอร์ดที่อยู่อาศัย ว่าสัตว์แต่ละตัวจะอยู่ส่วนไหนของป่า

ฐาน 2 รู้จักนกเงือกเขาใหญ่ เขาใหญ่อุดมไปด้วยนกเงือก ซึ่งได้สมญานามว่า ‘นักกระจายเมล็ดพันธุ์’ ฐานนี้มีโมเดลนกขนาดเท่าของจริงด้วย พอเห็นความกว้างของปีกด้วยตาตัวเองก็ทำเอาตะลึงไปเลย

ฐาน 3 เรียนรู้วิถีชีวิตชะนี ไหนๆ ชะนีอยู่ไหน? รู้หรือเปล่าว่ามันอาศัยบนยอดไม้แต่ไม่ลงพื้นดิน เข้าป่าไปแล้วอย่าลืมเงยหน้ามองดูล่ะ ฐานนี้ยังจำลองอุปสรรคบนเรือนยอดไม้ให้เราโหนตัวเล่นด้วยนะ

ฐาน 4 ฐานทายภาพลวดลายสัตว์ป่า มาสำรวจลักษณะเด่นของสัตว์แต่ละชนิดที่พบบนเขาใหญ่กัน หากเห็นส่วนของสัตว์เพียงเสี้ยวเดียว แต่จับจุดเด่นของมันได้ ก็อาจระบุได้นะว่ามันคือตัวไหน

ฐาน 5 ต่อจิกซอว์ภาพนก ใครชอบต่อจิกซอว์ต้องชอบแน่ หลังจบฐาน 4 เราจะมาทดสอบกันว่าจำสัตว์เขาใหญ่ได้จริงไหม ด้วยการเลือกจิกซอว์รูปนกที่พบในเขาใหญ่มาต่อให้เห็นภาพนกเต็มตัว

ฐาน 6 เสียงธรรมชาติ ถ้าเรามีหูใหญ่เท่าช้าง จะได้ยินชัดขึ้นไหมนะ? ฐานนี้เราจะลองฟังเสียงด้วยหูช้างจำลอง แล้วเรียนรู้ความสำคัญของเสียงในป่าว่า มันบ่งบอกอะไรเราได้บ้าง

ฐาน 7 แกะรอยเท้าสัตว์ป่า นั่นรอยเท้าใคร? ฐานสุดท้ายมีโป่งดินจำลอง เราจะได้ฝึกแกะรอยเท้าหลากขนาดหลายรูปร่างบนโป่ง แถมด้วยเกร็ดความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของโป่งดินต่อสัตว์ป่าด้วย

“ชาวต่างชาติมาเขาใหญ่เยอะมาก เพราะว่า 1. มันคือมรดกโลก 2. เป็นพื้นที่ดูสัตว์ป่า เราเลยตั้งโจทย์ว่า ทำยังไงให้คนไทยสนใจการท่องเที่ยวแบบนี้ ก็เลยทำฐานการเรียนรู้ที่ปรับพื้นฐานการดูสัตว์ป่าก่อนที่จะเข้าอุทยานฯ จริง พอมีข้อมูลชุดนี้ คนไทยจะได้สนใจสัตว์ป่ากันเยอะขึ้น”

เต้ยยังตั้งใจเปิดพื้นที่นี้เป็น Nature Community เขาเล่าแผนการในการจัดสัปดาห์นกเงือกที่ร้านให้เราฟังอย่างตื่นเต้น โดยบอกว่าทีมนักวิจัยนกเงือกจะมาใช้พื้นที่ เพราะในร้านมีโซนแกลเลอรีขนาดเล็กที่ใช้จัดนิทรรศการเล่าเรื่องธรรมชาติได้ โดยช่วงที่เราแวะไปพูดคุยกับเต้ยนี้ แกลเลอรีจัดแสดงภาพถ่ายสัตว์ป่าของเต้ยเอง

อิ่มอร่อยรสเขาใหญ่

ไอศกรีมไทรสุก สนุกตั้งแต่ตั้งชื่อยันวัตถุดิบเลย แต่ละรสได้ชื่อตามสัตว์ป่าเขาใหญ่ ซึ่งวิธีเลือกวัตถุดิบสำหรับไอศกรีมแต่ละรส ก็ใช้สีของสัตว์ชนิดนั้นๆ เป็นตัวกำหนด อย่างรสนกขุนแผนสีส้ม (85 บาท) ที่เราชิม มีสีขาวกับส้มอมเหลืองจากพีชย่างเนย น้ำผึ้ง และโยเกิร์ต

อีก 2 รสที่ได้กินคือ นกพญาไฟใหญ่ (85 บาท) แท่งนี้สีแดงสด มีรสเปรี้ยวอมหวานจากมิกซ์เบอร์รี กับรสหมาใน (85 บาท) สีน้ำตาล ซึ่งมีส่วนผสมของชาไทย บราวนี และที่ว้าวคือทองม้วน! เต้ยย้ำว่าสารพัดส่วนผสมของไอศกรีมไม่ต่ำกว่าครึ่งตู้มาจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาได้ในโคราช

แนนแปรรูปอย่างพิถีพิถันตั้งแต่การแยกเลเยอร์ไอศกรีม ความแข็งตัวที่พอดีของส่วนผสมจากธรรมชาติ และรสชาติที่ลงตัวทุกแท่ง โดยวัตถุดิบที่ซื้อมานั้น แม้ไม่ได้ซื้อทีละหลักตันจนสร้างอาชีพได้ แต่ก็ต่อยอดวัตถุดิบและสร้างช่องทางเติบโตให้เกษตรกรเขาใหญ่ได้อีกทาง

“เราอยากเป็นกระบอกเสียงให้เกษตรกรมีช่องทางในการส่งต่อวัตถุดิบให้คนรู้จักเพิ่มขึ้น ถ้าลูกค้าอยากใช้บริการหรืออยากซื้อของจากฟาร์มนั้นๆ ก็ตามรอยได้ เราไม่ได้หวังจะเติบโตอยู่คนเดียว”

ส่วนไฮไลต์สุดท้ายที่ไม่อยากให้พลาดคือ Khao Yai Bite (180 บาท/260 บาท) ของกินเล่นขนาดพอดีคำ ฐานเป็นมันหวานเขาใหญ่อบ รสชาติหอมมันกลมกล่อม โรยด้วยฟักทอง ลูกเกด ข้าวโพดอบกรอบ หมูฝอย มะเขือเทศ และเฟตาชีส เมนูนี้คือรสชาติของเขาใหญ่ในรูปแบบของคาว แต่ไม่ว่าไอศกรีมหรือ Khao Yai Bite ก็สั่งกินง่าย ไม่ต้องคิดเยอะเหมือนกินข้าวมื้อหลัก