About
ART+CULTURE

The Big Three

ใครปังสุด? เทียบจุดเด่น 3 ยอดศิลปินยุคเรเนซองส์คนไหนคือเบอร์หนึ่ง

เรื่อง ณัฐนนท์ จันทร์ขวาง Date 15-11-2024 | View 146
Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • เมื่อเรเนซองส์เป็นยุคที่มีศิลปินเกิดขึ้นมากมาย แล้ว ใครคือสุดยอดศิลปินยุคนั้น? เทียบจุดเด่น 3 ศิลปินแห่งยุค ดา วินชี vs. ราฟาเอล vs. มีเกลันเจโล

เรเนซองส์ (Renaissance) หรือยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของหน้าประวัติศาสตร์ทางศิลปะ กับการฟื้นฟูองค์ความรู้แห่งการสร้างสรรค์ในอดีตที่สูญหายไปให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

มีแรงบันดาลใจเกิดขึ้นผ่านศิลปินมากมายในช่วงเวลานั้น จนกลายเป็นงานศิลปะหลายชิ้นที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาดโมนาลิซา, รูปปั้นเดวิด หรือภาพจิตกรรมฝาผนัง The School of Athens

นอกจากนี้ยุคเรเนซองส์ ยังเป็นยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับแนวคิดปัจเจกนิยม (individualism) ทำให้ถึงจะมีศิลปินมากมายในยุคนั้น แต่ผลงานของศิลปินแต่ละคนกลับแตกต่างกันออกไป และมีเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนผ่านความโดดเด่นของผลงานออกมาได้อย่างชัดเจน

3 คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปินที่ผลงานดีที่สุดจากยุคเรเนซองส์ จนถูกเรียกว่าเป็น “BIG 3” ของยุคสมัยได้แก่ เลโอนาร์โด ดา วินชี, ราฟาเอล ซานซิโอ และมีเกลันเจโล ซึ่งล้วนเป็นนักสร้างสรรค์ผลงานที่โด่งดัง และมีชื่อเสียงมาถึงยุคปัจจุบัน

อย่างที่ได้บอกไปว่ายุคเรเนซองส์ ศิลปินแต่ละคนมีสไตล์และจุดเด่นในผลงานของตัวเองอย่างชัดเจน ทำให้แต่ละคนก็มีกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบของตัวเอง และเมื่อมีการสร้างสรรค์ย่อมมีการเปรียบเทียบ สิ่งที่ตามมาคือคำถามที่ว่า

“ใครกันคือสุดยอดศิลปินของยุคเรเนซองส์?”

นี่ไม่ใช่คำถามใหม่ที่แฟนรุ่นหลังเพิ่งมาตั้งคำถามกัน แต่ย้อนไปในยุคเรเนซองส์ ตัวศิลปินก็แข่งขันกันเองมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะฝั่งของ เลโอนาร์โด ดา วินชี และมีเกลันเจโล ที่เปิดสงครามแข่งขันตั้งแต่ช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่

แน่นอนว่าใครเป็นศิลปินที่ดีกว่ากันคือมุมมองที่แต่ละคนเห็นต่างกันออกไป แต่วันนี้ ONCE รวมจุดเด่นของศิลปินทั้ง 3 คนที่เหนือกว่าคู่แข่งขันพวกเขา เพื่อให้ทุกคนได้รับความรู้และข้อมูล ก่อนจะตัดสินว่าในมุมของคุณ ใครคือสุดยอดศิลปินแห่งยุค?

ศิลปินยุคเรเนซองส์

ทำไม เลโอนาร์โด ดา วินชี คือสุดยอดแห่งยุคเรเนซองส์?
[ศิลปะผสมผสานกับวิทย์-คณิต]

 

ยุคเรเนซองส์ไม่ได้เพียงแต่ฟื้นฟูองค์ความรู้แค่ด้านศิลปะ แต่รวมถึงความรู้ด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดด้านวิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์ และปรัชญา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่มีบทบาทมากขึ้นกับความคิดของคนในสังคมจากอิทธิพลของยุคเรเนซองส์

เลโอนาร์โด ดา วินชี คือหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังกับแนวคิดผ่านผลงานของเขาที่ไม่ได้สะท้อนแค่ความยอดเยี่ยมด้านศิลปะ แต่แฝงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ลงไปผ่านงานของเขาอย่างชัดเจน

ยกตัวอย่างผลงานที่โด่งดังที่สุดของ ดา วินชี อย่างภาพวาดโมนาลิซา ศิลปินรายนี้ได้ใส่องค์ความรู้นอกแขนงของศิลปะมากมายลงไป ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านกายวิภาคทางชีวะวิทยา, ความรู้แสงและเงาในแบบฉบับของวิทยาศาสตร์ รวมถึงความรู้อัตราส่วนทองคำทางคณิตศาสตร์ ไปจนถึงความรู้ด้านทัศนมิติทางสถาปัตยกรรม

สำหรับผู้ชื่นชอบงานศิลปะของเลโอนาร์โด ดา วินชี พวกเขายังเชื่อกันว่า มีความลับอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่ยังซ่อนอยู่ในงานของศิลปินรายนี้เพื่อรอให้คนรุ่นหลังค้นหา เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเลโอนาร์โดใส่ความรู้จำนวนมากลงไปผ่านงานของเขา ซึ่งซ่อนอยู่ภายหลังความสวยงามด้านศิลปะ

ศิลปินยุคเรเนซองส์

[ใส่ใจทุกรายละเอียด]

งานของเลโอนาร์โดได้รับคำชมอย่างมากว่ามีความโรแมนติก ผสมกับความเพ้อฝันผ่านจินตนาการอย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม ในหมู่คนที่ชื่นชอบงานของศิลปินรายนี้พวกเขาจะชมว่างานของ ดา วินชี ถือว่าสมจริงสุดๆ

จุดเด่นงานของเลโอนาร์โดที่ได้รับคำชม ได้แก่ ความละเอียดและแม่นยำในการลงรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตีความสีหน้าของมนุษย์ในผลงานซึ่งถูกรังสรรค์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมจริงของมนุษย์

หรือรายละเอียดต่างๆ ที่เขาใส่ลงไปในภาพ ก็จะเป็นสิ่งที่เขาเห็นมาจากชีวิตจริง มากกว่าจะเป็นจินตนาการที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาเองทั้งหมด

เลโอนาร์โด ดา วินชี จะมีแนวคิดที่ถูกเรียกว่า “His serene and accurate habits of thought” ซึ่งสะท้อนสไตล์การทำงานของศิลปินคนนี้ได้เป็นอย่างดี

เพราะสไตล์ของดา วินชี คือการทำงานที่เน้นความสงบนิ่งค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อน และยังใส่ใจรายละเอียดพิถีพิถัน ซึ่งแนวคิดนี้ทำให้งานของเลโอนาร์โดมีความลึกซึ้ง เพราะเขาใช้เวลาและความละเอียดกับงานของตัวเองอย่างมาก จนว่ากันว่างานวาดของดา วินชี ไม่มีทางเห็นเส้นขอบเพราะเขาใส่ใจในความแม่นยำของชิ้นงานอย่างมาก

นอกจากนี้ การทำงานที่ใส่ใจในรายละเอียด ทำให้ศิลปินรายนี้สามารถแฝงรายละเอียดต่างๆ เข้าไปได้ตลอด ซึ่งส่งผลให้ผลงานของเขาโดดเด่นทั้งในด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์

ศิลปินยุคเรเนซองส์

[เทคนิค sfumato]

เทคนิค sfumato คือเทคนิคการสร้างสรรค์ผลงานที่แฟนของเลโอนาร์โด ดา วินชี ชื่นชอบมากๆ เพราะเทคนิคนี้ทำให้แสงและเงาผสมกันอย่างเป็นธรรมชาติราวกับหมอก ซึ่งมองเห็นได้ในงานสำคัญ อย่าง ภาพวาดโมนาลิซา และภาพวาดพระแม่มารีแห่งภูผา (Virgin of the Rocks)

นอกจากจะเป็นเทคนิคที่ทำให้รายละเอียดของงานวาดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ เทคนิคนี้ยังช่วยให้ เลโอนาร์โด ดา วินชี สร้างบรรยากาศของภาพในแบบที่เขาต้องการได้ ผ่านการไล่ระดับแสงเงาในภาพ

ซึ่งส่วนใหญ่ศิลปินรายนี้จะใช้เพื่อสร้างความรู้สึกลึกลับในภาพ เพื่อเปิดโอกาสให้คนได้ตีความงานของเขาในรูปแบบที่แตกต่าง อันเป็นจุดเด่นในงานของดา วินชี ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากทุกยุคทุกสมัย

ศิลปินยุคเรเนซองส์

ทำไม ราฟาเอล ซานซิโอ คือสุดยอดแห่งยุคเรเนซองส์?
[เรียนรู้ พัฒนา ต่อยอดจากงานศิลปินคนอื่น]

 

สำหรับผู้ชื่นชอบงานของราฟาเอล ซานซิโอ จะชื่นชมเขาอย่างมากกับความสามารถในการเรียนรู้จุดเด่นงานทางศิลปะจากศิลปินคนอื่น และนำมาปรับใช้ให้เขากับงานของตัวเอง

ด้วยความที่ราฟาเอลเป็นศิลปินที่เข้าวงการทีหลังเลโอนาร์โด ดา วินชี และมีเกลันเจโล ทำให้เขาสามารถเรียนรู้จุดเด่นในงานของศิลปินทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่างเช่น งานภาพวาด Madonna of the Pinks ของราฟาเอล ได้ถูกนำไปเปรียบเทียบอย่างชัดเจนว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาดที่มีชื่อว่า Benois Madonna ซึ่งเป็นงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี แต่ราฟาเอลได้ใส่เทคนิคการวาดและแนวคิดของเขาลงไป เพื่อสร้างสรรค์เป็นผลงานใหม่ขึ้นมา

สำหรับกลุ่มคนที่ชอบผลงานของราฟาเอล จะมองว่า Madonna of the Pinks คือการยกระดับ Benois Madonna ซึ่งถูกวาดขึ้นก่อนหน้านั้นราว 30 ปี ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ว่ากันว่า เหตุผลที่ราฟาเอล ซานซิโอ เข้าสู่วงการศิลปินก็เพราะเขาเดินทางมาที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และได้เห็นงานศิลปะของ เลโอนาร์โด ดา วินชี, มีเกลันเจโล และศิลปินอีกหลายคน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขากลายเป็นศิลปิน

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่การเรียนรู้สไตล์และเทคนิคของศิลปินคนอื่น จะเป็นจุดแข็งในการสร้างสรรค์ผลงานของราฟาเอล ซานซิโอ

ศิลปินยุคเรเนซองส์

[เรื่องราวที่มีชีวิต]

ด้วยนิสัยของราฟาเอล ซานซิโอ ซึ่งเป็นคนจิตใจดี เข้าสังคมได้ง่าย ทำให้เขาได้มีโอกาสพบปะกับผู้คนอยู่เสมอ ซึ่งราฟาเอลก็ไม่พลาดที่จะเรียนรู้พฤติกรรม และอารมณ์ของมนุษย์ที่หลากหลาย เพื่อมาปรับใช้ในงานของเขา

งานศิลปะของราฟาเอลได้รับความชื่นชมถึงการแสดงอารมณ์ที่เด่นชัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะอารมณ์ด้านบวกไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่น่ายินดี มีความสุข ไปจนถึงความน่าหลงใหลที่สนุกสนานชวนให้ค้นหาเรื่องราวผ่านงานศิลปะ

ไม่ว่างานของราฟาเอลจะพยายามใส่ความคิดเชิงนามธรรมเข้าไปมากแค่ไหน แต่จุดเด่นหนึ่งที่เขาไม่เคยปล่อยให้หายไปคือ การทำให้ผลงานของเขามีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ทั้งการใส่รายละเอียดสีหน้าของผู้คนที่อยู่ในงานของเขาให้สมจริง ไปจนถึงพฤติกรรม การเคลื่อนไหวท่าทางต่างๆ ของมนุษย์ในภาพ

จนทำให้งานของราฟาเอลได้รับคำชื่นชมด้านนี้ เพราะภาพที่เขาได้วาดออกมาให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการได้เห็นภาพถ่ายรูปที่มีการบันทึกบุคคลที่ชีวิตจริงๆ เอาไว้

นอกจากนี้ในงานภาพของราฟาเอล เขาจะใส่เรื่องราวที่สะท้อนมุมมองด้านชีวิตลงไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความคิดที่สะท้อนแง่มุมบวกของชีวิต แสดงให้เห็นว่าชีวิตมนุษย์มีความหวัง และความสวยงามเสมอ

ถึงขนาดที่ว่า แคโรไลน์ แคมป์เบล ผู้อำนวยการหอศิลป์แห่งชาติของประเทศไอร์แลนด์ ถึงกับชื่นชมงานของราฟาเอลว่า

“ถ้าคุณมองงานของราฟาเอล คุณจะรู้สึกว่าโลกใบนี้คือสถานที่ที่น่าอยู่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย”

[มากกว่าแค่นักวาด]

แม้ว่างานที่สร้างชื่อเสียงให้กับราฟาเอล ซานซิโอ จะเป็นงานวาดเป็นหลัก แต่เขาก็ยังมีความรู้ด้านแขนงอื่นให้สมกับเป็นคนยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านสถาปัตยกรรม ไปจนถึงความรู้ด้านโบราณคดี

ราฟาเอล ซานซิโอ เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสถาปนิกในการออกแบบมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) มาแล้ว แม้ว่าจะเป็นที่น่าเสียดายที่งานด้านสถาปัตย์ของเขาในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์จะได้ถูกทำลายไปเกือบหมดแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ราฟาเอลในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ก็ได้ต่อสู้ในการรณรงค์ไม่ให้มีการทำลายโบราณสถานในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งสะท้อนความรักของเขาที่มีในงานศิลปะทุกแขนงออกมาได้เป็นอย่างดี

น่าเสียดายที่ ราฟาเอล ซานซิโอ เสียชีวิตตอนอายุได้เพียง 37 ปี ทำให้ในกลุ่มคนที่ชอบผลงานศิลปินรายนี้จึงมักตั้งคำถามว่า ราฟาเอล ซานซิโอ จะเป็นศิลปินยิ่งใหญ่ได้อีกแค่ไหน? หากเขามีชีวิตยืนยาวกว่านี้

ศิลปินยุคเรเนซองส์

ทำไม มีเกลันเจโล คือสุดยอดแห่งยุคเรเนซองส์?
[จิตวิญญาณของยุคเรเนซองส์]

 

สำหรับกลุ่มคนที่ชื่นชอบผลงานของมีเกลันเจโล พวกเขาจะชื่นชมศิลปินรายนี้ในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ขององค์ความรู้ หรือตัวตนของคนในยุคนั้น

มีเกลันเจโลถือว่าเป็นนักสร้างสรรค์ผลงานอย่างแท้จริง เพราะเขาเป็นทั้งนักวาด, นักประติมากรรม, สถาปนิก ไปจนถึงกวี ซึ่งสะท้อนถึงการกลับมามีชีวิตของศิลปะในยุคเรเนซองส์ที่ศิลปินสามารถมีความสามารถที่หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแค่แขนงเดียว

นอกจากนี้ แม้จะทักษะการสร้างสรรค์ในหลายรูปแบบ แต่ผลงานของมีเกลันเจโลก็ยังมีเนื้อหาสำคัญที่สะท้อนถึงยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการคือ การตั้งคำถามกับความเป็นจริงเพื่อชวนให้ผู้คนค้นหาคำตอบของตัวเอง

เกือบทุกผลงานของมีเกลันเจโล ได้แสดงออกถึงอารมณ์ที่ท้าทายความเชื่อและศีลธรรมตามขนบธรรมเนียมของสังคม ทั้งทางรูปลักษณ์ และความรู้สึกของชิ้นงาน เพื่อให้ผู้หาความหมายในงานของเขาตามความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป

ศิลปินยุคเรเนซองส์

[เอกลักษณ์และความซับซ้อนของผลงาน]

งานของมีเกลันเจโลได้รับคำชื่นชมว่ามีความซับซ้อนอยู่มาก ที่สามารถให้คนหาความหมายได้ไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านประติมากรรม, ภาพวาด ไปจนถึงงานด้านสถาปัตยกรรม

เนื่องจากรากฐานผลงานของมีเกลันเจโลมาจากจินตนาการมากกว่าจะเป็นการสังเกตพฤติกรรมจริงของมนุษย์ อย่าง เลโอนาร์โด ดา วินชี และราฟาเอล ซานซิโอ ทำให้ผลงานของมีเกลันเจโลมีไอเดียที่ไร้ขอบเขตของผการสร้างสรรค์ และใส่ความคิดของตัวเองลงไปได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดในชีวิตจริง

ยกตัวอย่างเช่น งานประติมากรรมปิเอตะ (Pietà) ทางมีเกลันเจโลได้ถึงความรู้สึกโศกเศร้าของเขา ผสมผสานกับจินตนาการที่ว่า จะเป็นอย่างไรหากพระแม่มารีย์ผู้เยาว์วัยเดินทางมารับลูกชายของเธอนั่นคือพระเยซูซึ่งจากโลกไปหลังจากการตรึงที่กางเขน จนกลายเป็นงานประติมากรรมชิ้นสำคัญที่อยู่คู่วงการศิลปะจนถึงทุกวันนี้

ผลงานปิเอตะคือสิ่งสะท้อนความซับซ้อนในผลงานของมีเกลันเจโลได้เป็นอย่างดี เขาใช้จินตนาการสร้างสรรค์เรื่องราวของผลงานที่อยากจะสื่อออกมา แต่ขณะเดียวกันก็ใส่อารมณ์ของมนุษย์จริงๆ เข้าไปในผลงาน

พร้อมกันนั้นยังตั้งคำถามกับความเชื่อของผู้คนถึงเส้นแบ่งระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า อันเป็นประเด็นถกเถียงสำคัญของคนยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเอาไว้อีกด้วย

ศิลปินยุคเรเนซองส์

[เปลี่ยนศาสนาให้เป็นศิลปะ]

มีเกลันเจโลได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศิลปินสำคัญที่สร้างสไตล์ที่โดดเด่นให้กับยุคเรเนซองส์ เนื่องจากเขามีส่วนสำคัญกับการหยิบแรงบันดาลใจทางศาสนา มาสร้างเป็นผลงานทางศิลปะที่งดงาม และเป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน

ผลงานที่โดดเด่นของมีเกลันเจโลคือการสร้างสถาปัตยกรรมให้กับปีอัซซาเดลโปโปโล (Piazza di Campidoglio) จัตุรัสแห่งหนึ่งในกรุงโรม ซึ่งมีเกลันเจโลใส่ความซับซ้อนในแบบฉบับของเขาลงไป เช่นการดึงจุดเด่นผ่านศิลปะโรมันยุคโบราณเพื่อสะท้อนตัวตนของกรุงโรม

แต่ขณะเดียวกันก็ใส่อิทธิพลและความยิ่งใหญ่ของศาสนาคริสต์ลงไปด้วย เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยจากโรมันสู่นครวาติกัน และความสำคัญของคริสตจักรคาทอลิกในฐานะศูนย์กลางแห่งศาสนาและวัฒนธรรมของยุโรป ณ เวลานั้น

นอกจากนี้เขายังมีผลงานจิตรกรรมที่เด่นชัด อย่าง จิตรกรรมฝาผนังบนเพดานของโบสถ์ซิสทีน (Sistine Chapel) ซึ่งเอาแรงบันดาลใจจากเรื่องราวผ่านคัมภีร์ไบเบิลมาสร้างเป็นงาน อย่าง The Creation of Adam และ The Last Judgment

มีเกลันเจโลจึงถือเป็นศิลปินคนสำคัญที่หยิบเรื่องราวทางศาสนา มาแปรเปลี่ยนเป็นศิลปะในแขนงต่างๆ ซึ่งไม่เพียงสร้างสไตล์ของศิลปะที่โดดเด่นขึ้นมาในยุคเรเนซองส์ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างศิลปะที่เกี่ยวข้องกับศาสนามาจนถึงปัจจุบัน

Tags: