- เปิดบ้านรวมมิตรความชอบของกี๋-กานต์ กันเผือก กับ แสตมป์-เมธาวี ปะมะโข หมวดแรกคือบาร์ไวบ์ขี้เล่นซึ่งเต็มไปด้วยไอเท็มสมัยพ่อแม่เป็นวัยรุ่นผสมกับคลังสะสมงานศิลปะในรูปแบบเสื้อสกรีนลาย หมวดที่ 2 และ 3 คือสตูดิโอสักกับสตูดิโอวาดภาพบนชั้น 2 ส่วนชั้น 3 เป็นที่สิงสถิตของเจ้านาย 4 ขาสีดำขลับชื่อ ‘ถั่ว’ ผู้รับผลประโยชน์สูงสุดจาก Thua Category แห่งนี้
คุณคิดว่าชีวิตควรจะสนุกแต่แรกแล้ว หรือคนเราควรใช้ชีวิตให้สนุก
กว่าจะออกมาเป็นพื้นที่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยศิลปะและของเล่นวินเทจ กี๋-กานต์ กันเผือก กับ แสตมป์-เมธาวี ปะมะโข ต้องตามล่าหาเฟอร์นิเจอร์และของเล่นที่เป็นตัวเองมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนประกอบเสร็จเป็น Thua Category
ตึกแถวหน้ากว้าง 1 ห้องสูง 3 ชั้นกลางเมืองขอนแก่น จึงเต็มไปด้วยสิ่งบอกเล่าตัวตนของทั้งสอง งานศิลปะทั้งที่เป็นฝีมือตัวเองและของที่เลือกซื้อมา อุปกรณ์สักทั้งแบบเครื่องและ Handpoke ถังสีที่วางอยู่เต็มพื้น และสมุดสเก็ตช์บนเคาน์เตอร์ที่ทั้งกี๋และสแตมป์ใช้นั่งวาดรูปเล่นระหว่างเฝ้าร้าน พอมองย้อนกลับไปจะเห็นเส้นทางการใช้ชีวิตนอกกรอบและการไม่กลัวที่จะเป็นตัวเองในข้าวของเหล่านี้
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่บาร์ แต่เต็มไปด้วยความฝันของหนุ่มสาวผู้เต็มที่กับสิ่งที่รัก พวกเขาพร้อมจะเชื้อเชิญผู้คนให้เข้าไปสัมผัสแพสชั่นอันแรงกล้า ส่งไม้ต่อให้กับคนที่กำลังตามหาเป้าหมายของชีวิต ไม่จำกัดเฉพาะคนรักศิลปะเท่านั้น
รวมหมวดหมู่ของทาสคุณถั่ว
ยังก้าวไม่พ้นประตูก็รู้แน่ว่าเป็นบาร์ แต่ที่นึกไม่ถึงคือมีสตูดิโอของศิลปินกับสตูดิโอสักอยู่บนชั้น 2 เจ้าของบอกเราว่านี่คือการรวมหมวดหมู่ของเขาและแฟนที่ใช้พื้นที่ตรงนี้ทุ่มสุดตัวทำงานรับใช้เจ้านาย 4 ขาชื่อ ‘ถั่ว’ ซึ่งเป็นแมวสีดำที่กำลังหมกตัวสบายอยู่ชั้นบนสุดของตึกแถว ณ ขณะที่เหล่ามนุษย์กำลังคุยกันอยู่
Thua Category (ถั่ว แคททะกอรี่) ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าจากร้านมือสอง ทั้งชั้นวางของ เฟอร์นิเจอร์มีแดง เขียว เหลือง และสีสดอื่นๆ ขับความสดใสให้กันโดยไม่กลบส่วนประกอบไหนจนหายไป ลึกเข้าไปจะพบกองซีดีการ์ตูนอีกเพียบ โดยรวมแล้วเป็นบาร์วินเทจที่ขี้เล่นไม่เบา แม้จะเก่าแต่ก็มีแต่ของเล่นวัยรุ่นทั้งนั้น
โซนทางเข้าร้านมีชั้นหนังสือและหนังสือภาพแนว Art&Culture อีกฝั่งของชั้นเป็นเทปคาสเซ็ตให้เลือกฟังได้ตามใจ ทางร้านเตรียมเครื่องเล่นและหูฟังไว้ให้ด้วยหากอยากนั่งชิลล์กับตัวเอง ส่วนเพลงที่ร้านเปิดผ่านลำโพงคือเพลงยุค 80 – 90 บนเคาน์เตอร์มีทีวีกล่อง ซึ่งนิยมใช้จนถึงเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กี๋เชื่อมทีวีกับโทรศัพท์แล้วเปิดยูทูปผ่านจอความละเอียดต่ำ เอาใจสายวินเทจให้ได้เสพป๊อปคัลเจอร์ผ่านอุปกรณ์รุ่นพ่อแม่
แค่เก่ายังน้อยไป ส่วนที่ดึงตัวตนของร้านออกมาโดดเด่นไม่เหมือนใครคือภาพวาดเส้นยุ่งเหยิงของกี๋และเสื้อเป็นสิบตัวที่แขวนเรียงรายอยู่ตรงระเบียงชั้น 2 ต่างหาก
“สะสมงานเป็นเสื้อ เพราะชอบและมันถูกกว่าโปสเตอร์” ลายบนเสื้อไม่เป็นแนวสตรีตก็เป็น Art Parody อย่างรูปโมนาลิซากรีดร้อง และ The Last Supper แบบกวนๆ และเสื้อบางตัวในร้านก็เอาไว้ขาย แต่บางตัวก็เอาไว้โชว์ แขวนปนกันไปให้กี๋ได้ตอบลูกค้าหน้ายิ้มๆ ว่า “ไม่ขายครับ”
“บางคนเข้ามาคุยเรื่องศิลปะ เราก็แชร์ว่ามีนิทรรศการนี้ในขอนแก่นนะ ชวนเขาไป บางทีลูกค้าก็มาบอกว่ามีงานที่ไหน แลกเปลี่ยนกัน”
บาร์นี้เป็นพื้นที่อัพเดตงานศิลปะของจังหวัดกลายๆ แล้วยังไม่พ้นจุดประกายบทสนทนาระหว่างลูกค้ากับเจ้าของร้าน กี๋บอกว่าบางคนที่รู้จักอยู่แล้ว เขาเองยังไม่รู้มาก่อนว่าสนใจศิลปะด้วย พอมีพื้นที่ที่มีบรรยากาศ Artistic ชัดเจนผสมกับความโฮมมี่ ส่งผลให้คนรักศิลปะเปิดใจคุยกันได้ง่ายๆ เฉยเลย
เครื่องดื่มส่วนใหญ่ของร้านเป็นเบียร์กับเบียร์คราฟต์ ของกินเล่นเน้นขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบอย่าง Nacho กินคู่กับ Avocado Dip ฝีมือแสตมป์ เราเคี้ยวไปจิบไป ฟังเพลงเพลินๆ เสริมอีกนิดว่าให้เยอะด้วยนะ ขนาดกินกัน 3 คนยังใช้เวลาสักพักกว่าจะหมดถ้วย
สตูดิโอสัก WAVYBLUE ของแสตมป์อยู่หลังเสื้อตรงระเบียงพอดี แสตมป์ใช้เทคนิค Handpoke เป็นหลัก แต่แบบเครื่องก็มีเช่นกัน เธอยังออกแบบลาย Flash เอาไว้เพียบ ติดตามจับจองลายและคิวของคุณช่างได้ทางอินสตาแกรมชื่อ wavybluewavyblue ซึ่งมาจากภาพ ‘The Great Wave off Kanagawa’ ของญี่ปุ่น และศิลปินชาวเกาหลี ‘Colde Blue’ ที่แสตมป์ชอบ
พื้นที่บางส่วนตรงนั้นมีภาพของกี๋วางซ้อนกันอยู่ ทั้งแสตมป์ทั้งกี๋ใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของตัวเองตั้งแต่นั่งเล่นหน้าเคาน์เตอร์จนถึงบริเวณทำงานศิลปะบนชั้น 2 เลย มันก็อบอุ่นสมกับเป็นพื้นที่ปลอดภัยของคนรักศิลปะดีนะ แล้วกว่าจะมาถึงวันนี้ เจ้าของร้านก็ต้องใจกล้าบากบั่นมาพอควร
ต่อไปคือชีวิตนอกกรอบของกี๋ เบื้องหลังของ Thua Category ที่พวกเราเห็นกันทุกวันนี้
อย่ากลัวที่จะเป็นตัวของตัวเอง
กี๋เปิดตัวเป็นศิลปินในนาม Acci 2000 ตัวเลขนั้นมาจากปีเกิด ส่วน Acci มาจาก Accident ที่แปลว่าอุบัติเหตุ ชีวิตศิลปินของกี๋มีเรื่องราวไม่คาดฝัน หรือเรื่องราวที่ไม่เป็นไปตามแผนอยู่ 2 เหตุการณ์ใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นเข็มทิศนำทางให้กับชีวิตนอกกรอบของกี๋จนเขาเป็นเขาในวันนี้
“พ่อกับแม่สอนศิลปะ เราก็ซึมซับพื้นฐานของศิลปะมา พอเริ่มเข้าโรงเรียนก็เป็นตัวแทนห้องไปประกวด ช่วงนั้นอยู่ในกรอบสูง จนทำงานหนึ่ง เราเพนต์เนี้ยบเลย แล้วทำสีหก นั่นเป็นอุบัติเหตุครั้งแรก” ผลงานของกี๋ติดอยู่ในมาตรฐานของ ‘ศิลปะที่ดี’ ที่ถูกกำหนดกฎเกณฑ์ในรายวิชาที่เรียนหรือการประกวดมาตลอด กระทั่งทำสีหกใส่ผลงาน แค่คิดว่าต้องโดนหักคะแนนก็ทำเอาวิตกกังวล ความรู้สึกอึดอัดจากการติดอยู่ในกรอบจึงยิ่งแจ่มชัดขึ้น
“อุบัติเหตุทางอารมณ์ครั้งที่ 2 คือต้องเลือกระหว่างรับราชการกับใช้ชีวิตจริงๆ ครอบครัวเรารับราชการหมดเลย แต่เราไม่อยากเป็นครู คิดว่าสอนคนอื่นไม่ได้” สุดท้ายกี๋เลือกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ โดยมองว่ามันเป็นศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง กี๋ดึงทักษะการสเก็ตช์และสเกลมาใช้ แต่แทนที่จะวาดตามหลักความเป็นจริงเป๊ะๆ เขาตั้งใจวาด Perspective มั่วบ้าง วางสเกลเพี้ยนบ้าง เพื่อให้ภาพสนุกกว่าเดิม อย่างภาพ Woman Dancing in the Gallery ของกี๋ที่คนสูงกว่าประตู
ใครจะไปคิดว่าคนที่ชอบสะสมงานล้อเลียนและวาดเส้นยุ่งเหยิงจนเป็นกิมมิกของ Acci2000 เคยเป็นเด็กวาดรูปสายประกวดที่ทำงานศิลปะตามกรอบ แล้วเริ่มต้นปลดแอกตัวเองได้เพราะทำสีหก
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน
กี๋หันหน้าเข้าสายศิลปะจริงจังก็ตอนไปฝึกงานไกลถึงเชียงใหม่กับแกลเลอรีชื่อ Seescape ของเหิร-ต่อลาภ ลาภเจริญสุข เขามีโอกาสได้ทำงานกราฟฟิก และเดินสายติดโปสเตอร์นิทรรศการตามแกลเลอรีจำนวนมาก กี๋เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงการที่เขาชอบ พร้อมแหวกม่านส่องเบื้องหลังการจัดแสดงงานศิลปะ เผื่อวันหนึ่งที่เขาจัดนิทรรศการของตัวเองก็จะรู้ว่าต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง
เชียงใหม่เป็นตัวเลือกที่ดี ศิลปะเฟื่องฟู คนรุ่นใหม่เจ๋งๆ มีหลากหลายกลุ่ม เมืองไม่ใหญ่เกินไปและผู้คนไม่ได้ห่างเหินกันอย่างเมืองหลวง นอกจากเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงการแกลเลอรี กี๋ไปเล่นสเก็ตบอร์ดกับเพื่อนใหม่ หนึ่งในนั้นแนะนำให้เขารู้จักกลุ่มศิลปินกราฟฟิตีต่ออีกทอดหนึ่ง
“เรามีสติกเกอร์บอมบ์ที่ทำไว้นานแล้ว แต่กล้าติดเฉพาะที่คณะตัวเอง พอไปฝึกงานก็เอาไปติดตามเสาไฟย่านนิมมาน ประทับรอยไว้ว่าเราเคยมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากตรงนี้”
หลังเรียนจบกี๋ทำงานด้านการออกแบบ Art Space ทำม็อกอัพ 3 มิติให้พื้นที่ศิลปะ ทำได้ไม่นานก็ตัดสินใจกลับมาลงหลักปักฐานในขอนแก่น และจัดนิทรรศการศิลปะในฐานะศิลปิน ร่วมกับ Ready for the Weekend คาเฟ่และแกลเลอรีในตึกแถวที่อยู่ติดกับ Thua Category
ก่อนหน้านั้นงานศิลปะของกี๋ยังไปไกลจนได้อยู่ในเสื้อของวง Television Off วงดนตรีจากค่าย Smallroom เชียวนะ ถึงแม้ว่าแบรนด์เสื้อผ้า Kengmakleon ที่ร่วมมือกับวงดนตรีนอกกระแสวงนี้จะติดต่อกี๋มาก่อน แต่โอกาสจะมาไม่ถึง หากเขาไม่ตั้งมั่นผลิตผลงานออกไปให้โลกเห็นเสียก่อน
พอถึงตรงนี้เราอยากรู้ว่าศิลปินก็มีไอดอลกับเขาบ้างไหม คำตอบที่ได้คือ Jean-Michel Basuiat ศิลปิน Neo-Expressionism ชื่อดัง ผู้ใช้สัญลักษณ์มงกุฎสีเหลืองเป็นลายเซ็น สไตล์งานแบบนี้ใช้สีและเส้นระยายความคิดออกมาให้มากที่สุด ตรงข้ามกับอะไรก็ตามที่ถูกแปะป้ายว่ามินิมัล และหากมองแวบเดียวก็จะรู้สึกถึงความแกร่งกล้าในตัวตนของศิลปิน
“ผมชอบที่เขาเอางานไปให้ Andy Warhol ดู รู้สึกว่าเขากล้า อยากทำงานกับใครก็ไปหาเลย ผมที่อยากไปฝึกงานเนี่ยก็วิ่งเข้าหาโอกาส สนใจอะไรก็วิ่งเข้าหา”
ลองหาเวลาแวะมาฟังเพลงเก่า เล่าเรื่องศิลปะ และชวนเพื่อนฝูงมานั่งเล่นในบ้านของศิลปินแพสชั่นแรงทั้งสอง ของเล่นวินเทจในร้านก็มีไว้ให้เล่นไม่ได้มีไว้โชว์ ดังนั้นคุณจะไม่เบื่อแน่นอน แต่หากอยากได้เสื้อ Basquiat อาจจะต้องสู้รบตบมือกับกี๋อยู่พักใหญ่ ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้ลองแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
เพราะชอบอะไรแล้วต้องไปให้สุดใช่ไหมล่ะ
Thua Category จ.ขอนแก่น
Open Hours: 18.30 – 00.00 น.
Map: https://maps.app.goo.gl/pv2tJb6SYBjywiE19
Facebook: Thua Category
Instagram: WAVYBLUE