Miniature Memories
ZILLUSTATION ศิลปินนักร่างความทรงจำจากเส้นปากกาและศิลปะการย่อเมืองบนกระดาษ
- พามาคุยกับ ZILLUSTATION หรือ ชิว-การุญ เจียมวิริยะเสถียร นักวาดภาพภูมิทัศน์เมือง ผู้ย่อเมืองลงบนกระดาษด้วยปากกาหมึกธรรมดาที่วาดจากความทรงจำและสถานที่จริงผสมจินตนาการ ในทุกเรื่องราวกว่าจะเป็นศิลปินเช่นทุกวันนี้
ใครใช้ (หรือเคยใช้) ชีวิตในกรุงเทพมหานครโซนเมืองชั้นในและได้เห็นผลงานศิลปะจาก ZILLUSTATION ปฏิเสธไม่ได้ว่า งานของผู้ชายคนนี้มีชีวิตขึ้นมาผ่านความทรงจำของเรา
ZILLUSTATION หรือ ชิว-การุญ เจียมวิริยะเสถียร คือนักวาดภาพแผนที่ภูมิทัศน์เมืองขนาดเล็ก หรือ Urban Microstructure งานของเขาคือการย่อส่วนภาพพื้นที่เมืองที่เราเห็นจนคุ้นตา ทั้งจากมุมข้าง และมุมสูง วาดลงบนกระดาษด้วยปากกาหมึกอย่างเรียบง่าย
หลายภาพวาดของเขาทำให้ตัวผู้เขียนสนุกมากตอนชมงาน ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้นที่ได้มองสถานที่ต่างๆ บนเกาะรัตนโกสินทร์ที่คุ้นเคยสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย หรือการจ้องมองภาพของลอนดอน ริมแม่น้ำเทมส์ พาให้นึกถึงช่วงเวลาที่เคยไปเยือนเมืองหลวงของอังกฤษในสถานที่เดียวกับที่ศิลปินวาดไว้
ผลงานของ ZILLUSTATION เต็มไปด้วยชีวิตและความทรงจำอยู่ในนั้น แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือรายละเอียดของภาพวาดเมืองขนาดยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ที่เก็บรายละเอียดได้เหมือนกับภาพถ่ายที่มีความคมชัด ทั้งที่เป็นผลงานที่มาจากมือมนุษย์ และปากกาหมึกธรรมดาๆ เท่านั้น
ONCE จึงต้องขอมาคุยกับ ชิว-ZILLUSTATION สักหน่อย เพื่อสัมผัสแรงบันดาลใจ ตัวตน วิธีคิดของศิลปินคนนี้ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปพูดคุยกับเขากันได้เลย 👇

เมืองในความทรงจำ
ชิวเล่าให้ฟังว่า ความหลงใหลที่เขามีต่อเมืองเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัดและได้เข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ ตอนอายุ 6 ขวบ เขาได้เห็นเสน่ห์ของเมืองหลวงที่ต่างออกไปจากบ้านเกิด ความทันสมัยและสีสันอันมีชีวิตชีวา ทำให้เขาหลงรักและเริ่มต้นวาดภาพเมืองของตัวเองออกมา
“ผมคิดว่าเมืองเป็นสิ่งที่มีโครงสร้างซับซ้อน ทำให้เราสนใจ อยากค้นหามัน ผมก็เริ่มวาดตั้งแต่เด็ก ตอนเริ่มจะเป็นสไตล์ Perspective แนวสูงหน่อย เพราะอยากเก็บรายละเอียดของเมืองที่เราเห็น อยากใส่บรรยากาศเข้าไปมากที่สุด
“ตอนแรกผมฝึกวาดจากเส้นทางรถไฟก่อน ใช้วิธีสังเกตเอา เพราะเมื่อก่อนตอนเป็นเด็กไม่มีกล้อง ไม่มีรูปถ่ายเมือง ก็ไปเดินจดจำเมือง สังเกตสิ่งรอบตัว


“จริงๆ สมัยก่อนผมวาดเมืองจากจินตนาการของตัวเอง แต่เปลี่ยนมาจุดหนึ่งผมก็เปลี่ยนมาวาดจากสถานที่จริง ผมรู้สึกว่าพอวาดภาพจากสถานที่ คนสามารถอินไปด้วยได้ คือหลายคนมากที่มาคุยกับผมแล้วบอกว่า ‘เขาจำตรงนี้ได้’ หรือ ‘ขอบคุณที่วาดบ้านของเขา’ ผมว่ามันทำให้คนรู้สึกกับงานได้แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะผ่านความทรงจำหรือเป็นที่อยู่อาศัยของเขา”

จากเส้นปากกาสู่แผนที่ชีวิต
เป็นระยะเวลา 10 ปีเต็มที่ชิวทำงานในฐานะนักวาดภาพ Urban Microstructure เขาผ่านการวาดภาพเพื่อพัฒนาตัวเองมามากมาย จากมีแค่ลายเส้นปากกาเพียงอย่างเดียว สู่การฝึกฝนวาดแสงเงาให้เชี่ยวชาญ จากเมื่อก่อนเคยใช้ไม้บรรทัดในการตีเส้น ทุกวันนี้เขาวาดเส้นต่างๆ โดยไม่ใช้เครื่องมือ ไปจนถึงอัปเกรดตัวเองให้ฝึกลงสีสไตล์ขาว-ดำให้สอดคล้องกับภาพจริงมากขึ้น เหมือนดูภาพถ่ายขาวดำ
แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ ศิลปินพูดเองเลยว่า เป็นผลลัพธ์ของการฝึกฝนที่ฝึกมาอย่างยาวนานมากๆ เหมือนฝึกมาทั้งชีวิต เสียผลงานจนไม่สามารถนับจำนวนได้ กว่าจะเป็นนักวาดภาพภูมิทัศน์เมืองที่เชี่ยวชาญแบบนี้

“จริงๆ งานที่ผมทำคือการฝึกฝนตัวเองด้วยนะครับ เพราะมันยากมาก” ชิวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่ระหว่างประโยคนั้นเรารับรู้ได้ถึงความตั้งใจบางอย่างที่ซ่อนอยู่
เขากำลังพูดถึงการบริหารพื้นที่บนกระดาษ งานที่ต้องย่อสิ่งใหญ่โตอย่างเมืองทั้งเมือง ให้เหลืออยู่ในขนาดเท่ากระดาษแผ่นเดียว “เรากำลังย่อสิ่งที่ใหญ่มากให้ลงในพื้นที่เล็ก ทุกเส้นต้องบรรจบกัน ถ้าวาดขาดหรือผิดซอยไปนิดเดียว มันก็จะทะลุผิดเส้น ต้องทำให้ถูกต้องที่สุด” เขาว่า

คำพูดของเขาทำให้เราเริ่มเข้าใจว่าเบื้องหลังเส้นหมึกที่ดูนิ่งสงบ เต็มไปด้วยแรงจดจ่อและสมาธิที่ไม่ธรรมดา “มันต้องโฟกัสมากครับ แต่ผมชอบนะ เหมือนเราได้อยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดฟุ้งซ่าน แค่ใช้สมาธิกับการทำงานก็พอ”
ผลงานบางชิ้นของเขาใช้เวลาหลายเดือน บางชิ้นกินเวลาข้ามปี แต่เขากลับพูดเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกำลังเล่าถึงเพื่อนเก่าที่อยู่ด้วยกันมานาน การวาดภาพสำหรับชิว จึงไม่ใช่งานที่ต้องอดทน หากแต่เป็นช่วงเวลาที่เขาได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด

ครึ่งหนึ่งจากความจริง อีกครึ่งจากจินตนาการ
ชิ้นงานของชิวใช้เวลาไม่เท่ากัน บางงานใช้เวลา 3 เดือน บางงานใช้เวลาถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของงาน แต่แม้จะพูดเองกับปากว่า ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ศิลปินคนนี้ยืนยันว่า เขาไม่เคยเบื่อกับการทำงานตรงนี้เลย เพราะเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก การวาดรูปเมืองสักเมือง ก็เหมือนกับการได้ออกเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนคนสนิท
สำหรับขั้นตอนในการทำงาน สิ่งหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือการลงสถานที่จริง ชิวเลือกวาดภาพเมืองที่เขาประทับใจ และการเดินทางลงพื้นที่ก็ช่วยให้เขามีภาพในหัวไปวาด จนถึงขนาดเคยเดินทางไปที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว

แต่แม้จะเป็นการวาดภาพเมืองที่มีความเหมือนและแม่นยำ ชนิดให้คนมานั่งจ้องหาบ้านของตัวเองได้เลย แต่นี้ก็ไม่ใช่ภาพวาดก๊อบปี้เหมือนถ่ายเอกสารให้ต้องเหมือนเป๊ะ ในทางตรงกันข้าม ศิลปินมองว่า งานของเขามีความแม่นยำจากเมืองต้นแบบแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือเสน่ห์ของจินตนาการที่ถ่ายทอดออกไปในฐานะภาพวาด
“มันคือการเอาข้อมูลที่เราต้องจำว่า เมืองที่เราจะวาดมีอะไรบ้าง แต่ว่าลายเส้นต่างๆ ยังเป็นของเรา คือต่อให้ทุกคนดูออกว่า นี่คือสถานที่อะไร แต่ว่ารายละเอียดต่างๆ ก็ต่างจากความจริงไปนิดนึง

“มันคือการเอาภาพในหัว 50% บวกกับความเป็นไปได้อีก 50% เพราะถึงเวลาวาดจริงๆ เราไม่รู้นะว่างานจะออกมาเป็นแบบไหน ผมเองก็ต้องวาดต่อไปเพื่อหาอีก 50% ที่เหลือให้เจอว่า สมองเราอยากให้งานนี้ออกมาแบบไหน”


การทำงานของชิวเองไม่ได้มีจุดเริ่มต้นที่ตายตัว เจ้าตัวก็เผยว่า เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานของเขา คือภาพเมืองกว้างใหญ่จะเริ่มต้นจากจุดไหนดี? จะเริ่มจากส่วนขอบก็ได้ หรือเริ่มจากตรงกลางก็ได้ ซึ่งเจ้าตัวจะดูจากแพสชันที่มีในแต่ละงานเป็นหลัก

แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกงานต้องมีจุดศูนย์กลางเสมอ ซึ่งจะเลือกหนึ่งสถานที่สำคัญมาเป็นเซนเตอร์ และที่ชอบที่สุดสำหรับชิวก็คือ “สถานีรถไฟ” ซึ่งนอกจากใช้เป็นศูนย์กลางบ่อย ยังเป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดด้วย และหนึ่งในผลงานที่เขาชอบมากที่สุด คือภาพวาดสถานีรถไฟ Ueno ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
“ผมมองว่าสถานีรถไฟคือจุดพักผ่อนของการเดินทางครับ ไม่ว่าเดินทางไปที่ไหน สถานีเหมือนจุดตรงกลางให้คนได้หยุดพักชมความงามรอบข้างก่อนเดินทางต่อ ผมว่าสถานีรถไฟทำให้เราเห็นความสวยงามของการเดินทางนะ ชีวิตก็เป็นแบบนั้น

“ผมมองว่าเมืองมีความงามนะ อยู่รอบตัวเราตลอด แค่เราอาจมองข้ามไป” ชิวพูดขึ้นเรียบๆ เขาเล่าถึงความแตกต่างของแต่ละเมืองที่เคยไป บางแห่งมีระเบียบ บางแห่งเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ทั้งหมดนั้นมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง “บางทีเจอสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนไทย ก็เป็นความท้าทายของเรา เป็นความสนุกที่ได้วาดสิ่งใหม่ที่เราไม่เคยวาด” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะเสริมว่า “เมืองคือการรวมกันของหลายสิ่งหลายอย่าง วัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป ผมพยายามถ่ายทอดความสวยงามของเมืองออกมา”


“ทุกครั้งที่ผมวาดภาพ ผมจะรู้สึกประทับใจเสมอ เพราะมันคือการได้เห็นเมืองที่เราชอบ กลับมาอยู่ตรงหน้าในแบบที่เรามองเห็นมันจริงๆ” เขาทิ้งท้ายไว้แบบนั้นผ่านน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผูกพัน และทำให้เรารู้ว่าศิลปินคนนี้…ไม่ได้แค่วาดเมือง หากกำลังใช้เส้นปากกาเรียงร้อยความทรงจำของชีวิตตัวเอง

ใครที่ชื่นชอบผลงานของศิลปินคนนี้ ก็ไปติดตามเขาเพิ่มได้ที่ (tag https://www.facebook.com/zillustation/) หรือ Instagram @zillustation