เบื้องลึกการเปิดสปาสืบเนื่องจากการปฏิบัติธรรม ?

“ชอบไปสปาตั้งแต่ตอนเรียนไฮสกูล เลิกเรียนแล้วจะชวนเพื่อนเข้าสปาไปนวดเท้านวดตัวกัน รู้สึกว่าสปาเป็นที่ที่สงบ นิ่งๆ เงียบๆ ดี เข้ามาแล้วรีแลกซ์ สบายตัว เหมือนได้มาฮีลใจ” ซีเล่าถึงความชอบส่วนตัวที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการเปิดสปาเป็นธุรกิจแรกในชีวิต

ซีจบปริญญาตรีบริหารธุรกิจจาก University of Washington ที่อเมริกาและปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จาก Imperial College London จากอังกฤษ เดิมทีซีตั้งใจจะกลับมาช่วยธุรกิจจิเวลรีของคุณแม่ แต่สุดท้ายกลับชอบงานสาย Hospitality มากกว่า เลยคิดว่าหากได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบน่าจะทำได้ดี

นี่เป็นจุดเริ่มต้นให้กลับมาคิดทบทวนค้นหาความชอบของตัวเอง จนเจอคำตอบว่า คือ สปา

“ช่วงนั้นมีแต่สปาสไตล์ไทยๆ ซึ่งก็สวยงามและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่แค่สงสัยว่า ทำไมไม่มีใครทำโมเดิร์นสปาบ้างนะ” เราเลยถามถึงสปาในฝันของเธอ เจ้าตัวอมยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากก่อนตอบสั้นๆ ว่า “เหมือนที่นี่เลยค่ะ (หัวเราะ) ซีชอบความรู้สึกเวลาไปรีสอร์ตหรือโรงแรมต่างจังหวัด รู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เลยอยากเปิดสปาที่เข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายอย่างนั้น อยากให้ดูลักชัวรีแต่ต้องมินิมัล คลีนๆ ขาวๆ เน้นแสงเดย์ไลต์ ที่นี่เลยติดกระจกรอบด้านเพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ และให้เห็นสวนเอาต์ดอร์ของเรา

“แต่อีกเหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจเปิดสปามาจากคำสอนของพระอาจารย์” ซีเปิดประเด็นที่ทำให้คิ้วเราโผขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนเจ้าตัวจะขยายความว่า “ครอบครัวซีปฏิบัติธรรมกันอยู่แล้ว พระอาจารย์ที่บ้านเรานับถือเคยบอกไว้ว่า ‘หากจะประกอบอาชีพอะไร ขอให้เลือกที่ได้ช่วยเหลือคน’ ซีเลยมองว่า ยุคนี้คนเราเครียดและเป็นซึมเศร้ากันเยอะ อยากให้ที่นี่เป็นเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่มาแล้วสบายใจและได้ความผ่อนคลายกลับไป การเปิดสปาสำหรับซีจึงถือเป็นการได้ช่วยเหลือคนอย่างหนึ่ง”

เริ่มต้นที่สปา…ต่อยอดเป็นอาร์ตแกลเลอรีเฉยเลย

ขณะที่เจ้าบ้านพาชม Pine Tree Gallery Spa เราถือโอกาสชวนคุยถึงชื่อสปา

“ช่วยกันคิดกับที่บ้าน แล้วก็นึกถึงคำว่า Pine Tree ขึ้นมา สำหรับชาวต่างชาติแล้ว ต้นสนเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความ Well-being (อยู่ดีมีสุข) และ Longevity (อายุยืนยาว) ซึ่งเป็นความหมายที่ดี และเข้ากับความเป็นสปา แล้วก็ขึ้นต้นด้วยตัว P เหมือนชื่อตัวเอง Prima ด้วย เลยเคาะที่ชื่อนี้”

ซีเล่าอีกว่า ความที่คุณพ่อเป็นผู้รับเหมา ตอนที่สร้างที่นี่ เธอเลยรีเควสต์ว่า ผนังต้องสีขาวเท่านั้น อยากได้ฟีลแกลเลอรี เพราะซีตั้งใจจะนำภาพวาดที่เป็นของสะสมของตัวเองมาตกแต่ง นั่นทำให้เรานึกอยากรู้เลเวลความอาร์ตของเธอ

“ลึกๆ คิดว่าตัวเองคงชอบด้านศิลปะ เพราะชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนคุณแม่จะให้เรียนโน่นนี่ ทั้งว่ายน้ำ เปียโน จะร้องไห้ตลอด ไม่อยากไปเรียน แต่ถ้าเรียนศิลปะ จะแฮปปี้ทุกครั้ง เคยคิดจะเรียนด้านศิลปะ เพราะอยากเป็นอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ แต่คิดว่ามีธุรกิจที่ต้องกลับมาสานต่อ เลยล้มเลิกความคิดนั้นไป แล้วมาใช้เวลาอยู่กับศิลปะแทน ถ้าไปเมืองนอกก็จะขลุกอยู่ในอาร์ตแกลเลอรีและมิวเซียม ชอบเดินดูงานศิลปะ เป็นที่ที่สงบ และเป็นที่พักใจของตัวเอง

“ซีเชื่อว่าศิลปะส่งต่อความรู้สึกได้ งานศิลปะก็มีหลากหลายมากตั้งแต่ Painting, Sculpture, Illustration, Installation, Digital Art มันเยอะไปหมด และมีความสวยงามของตัวเอง แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน ถ้าได้ลองเปิดใจ เราได้เจองานที่เราชอบหรือเข้ากับเรา จะรู้สึกได้ว่ามันคอนเน็กกับเรา วันไหนไปอาร์ตแกลเลอรีแล้วเจองานที่เราชอบ จะยิ่งรู้สึกมีความสุข”

ศิลปะสำหรับซีแล้ว มันสามารถส่งต่อความรู้สึกได้ “งานศิลปะก็มีหลากหลายมาก แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน วันไหนไปอาร์ตแกลเลอรีแล้วเจองานที่ชอบ จะยิ่งรู้สึกมีความสุข งานศิลปะทุกแบบมีความสวยงามของตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราคอนเน็กกับมันไหม บางชิ้นที่ชอบสวยจนอยากซื้อกลับบ้าน”

คุณพ่อเห็นว่าลูกสาวชอบศิลปะ และบรรยากาศร้านก็ตกแต่งเหมือนเป็นแกลเลอรี เลยเสนอให้เติมคำว่า ‘แกลเลอรี’ ในชื่อร้าน เลยกลายเป็น Pine Tree Gallery Spa ในที่สุด ภารกิจตั้งชื่อสปาจบไป แต่ภารกิจเนรมิตสปาให้สมกับเป็นแกลเลอรีเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

“ซีมีเพื่อนสนิทที่สนใจด้านศิลปะและเริ่มเป็นนักสะสมงานอาร์ต พอรู้ว่าเราเปิดสปาและอยากทำให้เป็นอาร์ตแกลเลอรีด้วย เพื่อนเลยแนะนำให้ลองติดต่อตามอาร์ตแกลเลอรีดู เผื่อเขามีคอนเน็กชันศิลปินอยู่ในมือ หรือดีลขอนำงานศิลปะมาจัดแสดงในสปาเรา เป็นการเพิ่มกิมมิกให้กับสปาด้วย”

และศิลปินท่านแรกที่ตอบรับให้นำผลงานมาแขวนในสปาคือ ปอม – นพนันท์ ทันนารี

เป้าหมายหลักต้องไม่เขว

การมีแกลเลอรีเป็นส่วนหนึ่งของสปา เป็นกิมมิกที่ทำให้ Pine Tree Gallery Spa โดดเด่นและแตกต่างจากสปาอื่น แต่ซีย้ำชัดกับเราว่า เธอยังมุ่งมั่นตามความตั้งใจเดิมที่อยากเปิดสปา และแกลเลอรีจะเป็นส่วนเสริมที่เพิ่มเติมเข้ามา โดยยึดแนวคิด 3 อย่าง ได้แก่ Art, Nature และ Positive Mindset ที่เธอจับมาเขย่าผสมผสานให้เข้ากันในแบบของเธอ

“อย่างแรกคืออาร์ต ความที่เราเป็นสปาเดียวที่เป็นอาร์ตแกลเลอรีด้วย ที่นี่เลยเปิดกว้าง ถ้าใครอยากจะแวะมาชมภาพวาดอย่างเดียว โดยไม่ได้อยากทำสปา หรือใครขอนวดอย่างเดียว เพราะไม่อินกับงานอาร์ตใดๆ ก็ไม่ว่ากัน มาที่นี่อยากให้รู้สึกสบายๆ เหมือนมาทำสปาแล้วได้ชมภาพวาดด้วย ถ้าชอบก็ซื้อกลับไป เพราะบางคนไม่ชินกับการเข้าอาร์ตแกลเลอรี กลัวทำตัวไม่ถูกหรือไม่รู้จะเริ่มซื้อหรือสะสมงานยังไง ที่นี่เราเป็นกันเอง ชอบที่จะคุยกับคนที่ชอบงานศิลปะเหมือนกัน ไม่ว่าจะมาชมงานเพื่อความสบายใจ หรือสนใจซื้อกลับไป เราก็ยินดีให้คำแนะนำและคุยเล่นกันได้

“สองคือธรรมชาติ โปรดักต์สปาของเรามาจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีใดๆ อย่างกลิ่นน้ำมันอโรมา เราก็เบลนด์ขึ้นเอง กลิ่นซิกเนเจอร์ของเราคือ Tea Ceremony มีส่วนผสมของชาเขียวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระผสมกับส่วนผสมของดอกเวอร์บีนา ให้กลิ่นหอมเบาๆ ช่วยให้รู้สึกรีแลกซ์ แต่ถ้าเป็นการนวด เรามี Candle Massage หรือการนวดด้วยเทียนอโรมา ที่เทอราปิสต์ต้องพิถีพิถันและชำนาญเป็นพิเศษ เพื่อวอร์มเทียนให้อุ่นกำลังดี แล้วนวดด้วยท่านวดที่เราดีไซน์เป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะที่นี่เท่านั้น รับรองว่าจะกดจุดและลงลึกได้ยิ่งขึ้น ช่วยให้อาการออฟฟิศซินโดรมหายชะงัด

“และสามคือทัศนคติเชิงบวก ซีเชื่อว่าความรู้สึกหรือความตั้งใจดีจากในใจเป็นทัศนคติที่ส่งต่อถึงลูกค้าได้ เลยบอกพี่ๆ เทอราปิสต์ทุกคนว่า ให้คิดว่าเราอยากนวดให้ลูกค้าทุกคนหายปวดเมื่อย และได้รับความผ่อนคลายกลับไป ไม่อยากให้ทำงานด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว หรือโกรธเคืองใครอยู่ ให้ทิ้งความรู้สึกลบๆ เหล่านั้นก่อน เมื่อมาถึงสปาที่นี่คือที่ทำงานที่เราจะส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้ลูกค้าทุกคน”

ใช้ความตรงไปตรงมารับมือความติสต์

เราขอให้ซีเล่าถึงการดีลงานกับศิลปินผู้มักถูกร่ำลือถึงความติสต์ที่เข้าถึงยาก เธอย้อนความหลังกลับไปเมื่อกว่า 3 ปีก่อนตอนที่สปาเปิดใหม่ๆ ช่วงก่อนโควิด-19 ได้ไม่นาน

“ซีชอบศิลปะ แต่ไม่เคยทำงานด้านศิลปะในรูปแบบนี้มาก่อน ไม่ได้มีงานอาร์ตระดับนักสะสม แค่ซื้อชิ้นที่ชอบ เมื่อต้องมาดีลงานกับศิลปิน อาศัยความเป็นตัวของตัวเอง และตรงไปตรงมา เน้นคนที่คุยกันแล้วสบายใจ อย่างพี่ปอม นพนันท์ หรืออาจารย์เล็ก ทวีศักดิ์ เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แม้เราจะหน้าใหม่ในวงการ แต่พี่เขาน่ารักมาก ให้คำแนะนำที่ดีกับเราเสมอ

“ในขณะที่ศิลปินอาวุโสบางท่านอาจเป็นกังวลหลายอย่าง โดยเฉพาะการอ่อนประสบการณ์ของเรา ซึ่งเราเข้าใจในมุมเขา แต่ก็ชี้แจงไปตามตรงว่า สปาเราไม่ได้เป็นอาร์ตแกลเลอรีจ๋า แค่อยากเป็นพื้นที่แสดงผลงานศิลปะให้คนได้เห็นมากกว่า เพราะตลอด 4 เดือนที่จัดแสดงภาพแต่ละเซ็ต ก็จะมีคนที่ได้เห็นรูปนั้นเพิ่มขึ้น ให้งานศิลปะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเมื่อได้มาสปาเรา ถ้ามีใครสนใจ ชอบหรือถูกใจภาพไหน ก็ยินดีและพร้อมช่วยจัดการการซื้อขายให้ ”

ส่วนตัวแล้วเจ้าของสปาสาววัย 33 ปีผู้นี้ชื่นชอบ Claude Monet (โคลด์ โมเนต์) Pierre-Auguste Renoir (ปิแอร์-โอกุสต์ เรอนัวร์) Pierre Bonnard (ปิแอร์ บอนาร์ด) Henri Matisse (อ็องรี มาทิส) ศิลปินแนวอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism – Post-Impressionism) เลยชอบภาพวาดแนวทิวทัศน์และธรรมชาติเป็นพิเศษ เมื่อไหร่ที่เจองานสไตล์นี้ในไอจี จึงมักโดนตกอยู่เสมอๆ ภาพวาดที่จะจัดแสดงในสปาเป็นอภิสิทธิ์ของเธอที่ได้เลือก ซึ่งจะแอบลำเอียงเลือกที่ตัวเองชอบ

เจ้าตัวยิ้มน้อมรับความเป็นจริงนั้น แล้วเสริมว่า “แต่ศิลปินต้องมีคอนเซ็ปต์และแนวทางงานที่ชัดเจนแล้ว ซีถึงจะติดต่อไป แล้วคุยกันแบบพี่แบบน้อง อาจจะต่างกับอาร์ตแกลเลอรีจริงๆ ที่ดีลแล้วอาจจะต้องมีความเป็นทางการหน่อย แต่เราแลกเปลี่ยนคำแนะนำกันได้สบายๆ และเป็นกันเอง อย่างศิลปินก็จะให้ความรู้ด้านศิลปะกับเรา เช่น งานศิลปะมีทั้งแบบบน Cotton Canvas และบน Linen Canvas มีเทคนิคการสร้างงานหลายแบบทั้งการวาดเส้นด้วยปากกาไม้ไผ่ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง หรือภาพพิมพ์จาก Woodcut ที่ใช้สิ่วไม้แกะและพิมพ์ได้วันละแค่ 1 เลเยอร์ แม้กระทั่งภาพควรใส่กรอบแบบไหน ต้องเว้นขอบช่องประมาณเท่าไหร่ ส่วนเราก็จะแชร์ข้อมูลหน้างานที่ได้จากการเจอลูกค่า เช่น ลูกค้ามักสนใจและซื้อภาพที่มีขนาดแปลกๆ ที่หาไม่ได้ทั่วไป และภาพแนวนอนจะขายดีกว่าภาพแนวตั้ง เพราะคนมักซื้อหาเพื่อไปติดตกแต่งบ้าน”

ใส่ใจแม้เรื่องเล็กๆ …ได้ใจเราไปแบบเต็มๆ

นอกจากการเป็นแกลเลอรีสปาที่แตกต่างจนดึงดูดเราให้มาทำความรู้จักที่นี่ ได้มาพูดคุยกับซีผู้เป็นเจ้าของแล้ว เราสังเกตเห็นว่า Pine Tree Gallery Spa ยังมีกิมมิกเล็กๆ อีกหลายอย่างที่บอกให้เรารู้ถึงความตั้งใจ … ใส่ใจ … ในทุกดีเทลกันจริงๆ

เริ่มตั้งแต่เคาน์เตอร์รีเซปชันที่ด้านหน้าของชั้นล่าง มีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทั้งน้ำมันอโรมาและเทียนอโรมาวางอยู่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดของ Claude Monet ศิลปินคนโปรดของซี นอกจากเราจะชื่นชอบกลิ่นต่างๆ ที่มีคาแร็กเตอร์แล้ว ยังประทับใจภาพวาดขนาดย่อส่วนของโมเนต์ที่มาอยู่บนฝาของผลิตภัณฑ์ด้วย

ก่อนที่จะไปที่โซนลิฟวิงรูมที่อยู่ใกล้ๆ กัน เราก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นบางๆ ยาวๆ ซีเลยหยิบมาวางเรียงให้ตรงหน้าเรา “ซีชอบอ่านหนังสือ ชอบดูหนัง เวลาเจอโควตน่ารักๆ ก็เก็บมาเขียนให้ลูกค้า ซีอยากส่งต่อข้อความดีๆ ให้ลูกค้าบางคนเอาไปเป็นที่คั่นหนังสือ” พูดจบก็เดินนำไปที่ชั้นหนังสือแล้วหันมาบอกเราว่า “หนังสือที่นี่ก็ยืมไปอ่านได้นะ”

ระหว่างขึ้นบันไดไปชั้น 2 เราเพิ่งสังเกตว่า ที่นี่เปิดเพลงแจ๊ซ ! ไม่ใช่เพลงสปาบรรเลงเหมือนอย่างที่อื่น เก๋ไหมละ มาถึงชั้นบน ซีพาไปที่ห้อง Therapy ที่มีเก้าอี้พร้อมอ่างใบเล็กสำหรับการล้างทำความสะอาดเท้าก่อนการทำสปา ก็แอบแปลกใจว่าจะพามาดูอะไร สักพักบนผนังห้องก็ปรากฏดิจิทัล อาร์ต ทำเราเหวอไปเลย

“ได้แรงบันดาลใจจากการชมงาน Art Installation ของ teamLab ที่โตเกียว เขาทำห้องหนึ่งสำหรับแสดงดิจิทัลอาร์ตเป็นรูปคลื่น แล้วให้คนไปนั่ง รู้สึกเหมือนอยู่ทะเลเลย นั่งแล้วก็นึกในใจว่า แหม…ถ้ามีคนมานวดด้วยน่าจะดี เลยปิ๊งไอเดียเก็บมาทำที่สปาเราดีกว่า พอใส่เพลงด้วย แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที ก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว เป็นกิมมิกเล็กๆ ก่อนนวด แล้วเราเป็นอาร์ตแกลเลอรีอยู่แล้ว ก็เข้ากันดี”