dessert bar by BUSABA
dessert bar by BUSABA บาร์หลังบ้านที่พาขนมไทยไปไกลอีกเลเวล
- ก้าวใหม่ล่าสุดของบุษบา คาเฟ่แอนด์มีล ที่ขอเปิดตัวบาร์ขนมไทยชื่อไฉไล dessert bar by BUSABA ด้วยคอนเซ็ปต์ล้ำๆ ว่า ‘ไท-เดิร์น’ (Thai-Dern)
- แนวคิดของ ‘บุษบา’ คือการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับสิ่งเดิมที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ผ้าขาวม้าที่เราเห็นกันมานาน วันหนึ่งก็กลายเป็นสินค้าร่วมสมัยขึ้นมา หรือแม้แต่สายไหมอยุธยาก็สามารถนำมาผสมผสานชูรสหวานในอาหารคาวอย่างผัดไทยได้อย่างนุ่มนวล
คงเป็นสถานการณ์ที่ไม่พร้อมเท่าไหร่นักในวันที่ dessert bar by BUSABA เปิดตัว เมื่อทุกอย่างอยู่ในภาวะหยุดนิ่งจากผลกระทบโควิด-19 บรรยากาศเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงอย่างพระนครศรีอยุธยาที่เคยคึกคักเลยดูเหงาๆ แต่พอเราได้คุยกับสองผู้อยู่เบื้องหลังบาร์ขนมหวานกลางเมืองมรดกโลกแห่งนี้ ความพร้อมที่จะสร้างคุณค่าให้ขนมไทยก้าวไกลไปกว่าเดิมนั้น บอกได้เลยว่ายังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
1.
เรือนไทยสีขาวที่ถูกสวมด้วยโครงสร้างเหล็กแนวโมเดิร์น ทำให้เราต้องหยุดมองทุกครั้งเมื่อมาเยือนที่นี่ … เมื่อก่อนเรือนหลังนี้เคยถูกใช้เป็นโฮสเทลขนาดเล็กๆ ที่ชื่อ บุษบา โฮเทล แต่เมื่อโควิด-19 พลิกผันทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ธุรกิจโฮสเทลอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป มิ้งค์-พรเทพ แซ่ลี้ และ แอน-ณัฐพร ตรีรุ่งกิจ สองคู่หูคู่คิดคู่ชีวิต ตัดสินใจเปลี่ยนภายในเรือนสีขาวหลังนี้ให้กลายเป็น ‘dessert bar by BUSABA ’ บาร์ขนมไทยที่ชัดเจนในเส้นทางของตัวเอง
แน่นอนว่าโครงสร้างดีไซน์เท่ๆ ภายนอกยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี เพราะนี่คือสัญลักษณ์ของ ‘บุษบา’ ที่ทุกคนนึกถึง
ก่อนก้าวมาถึงจุดนี้ บุษบาคือแบรนด์ผ้าขาวม้าร่วมสมัยซึ่งเราคงคุ้นหน้าค่าตากันดีกับกระเป๋าสะพายทรงเท่ พวงกุญแจช้าง ควายสุดน่ารัก ตามมาด้วยคาเฟ่เล็กๆ ‘บุษบา คาเฟ่’ ร้านขนาดกะทัดรัดจากไอเดียที่ต้องการแกลเลอรี่ไว้โชว์โปรดักส์ พร้อมมุมนั่งชิลกับกาแฟแก้วโปรดไว้ชมโบราณสถานวัดมหาธาตุฝั่งตรงข้าม จากนั้นขยับขยายมาสู่ ‘บุษบา คาเฟ่แอนด์มีล’ ร้านอาหารและคาเฟ่ริมถนนอู่ทองที่ละเมียดด้วยรายละเอียด ตั้งแต่การออกแบบตัวร้านและเมนู
สำหรับบุษบาแล้ว ความเก๋ที่เห็นเบื้องหน้า ล้วนมีเบื้องหลังที่ซ่อนไว้ซึ่งความใส่ใจทุกขั้นตอน…
มิ้งค์บอกเราว่าวิธีคิดของเขาคือการนำของรอบตัวมาสร้างคุณค่าใหม่ เปลี่ยนเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนพร้อมเสพ “เราเอาผ้าขาวม้ามารีดีไซน์ให้กลายเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ เราทำช็อปที่มีคาเฟ่ในตัว เราเอาสายไหมซึ่งเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นมาทำให้ดูมี value เอาเรือนไทยมาทำให้กลายเป็นเซอร์วิสที่นิยมอย่างโฮสเทล หรือการเปิดร้านที่ลองเอาวัตถุดิบรอบตัวมาสร้างสรรค์ให้เป็นคาเฟ่แอนด์มีล เราใช้วิธีคิดแบบนี้มาโดยตลอด” และทุกสิ่งที่เขาเล่ามาได้เสียงตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีมาก แต่แล้ววันหนึ่งก็ถึงจุดเปลี่ยนที่ต้องกลับมาทบทวนกันใหม่
ภายในเรือนไทยสีขาวสองชั้นสวยสง่าทันสมัยที่เคยขึ้นปกหนังสือ และเป็นมุมถ่ายรูป iconic ของ ‘บุษบา’ จึงกลายเป็นโจทย์ใหม่ของมิ้งค์และแอนที่ต้องมองว่าจากนี้ไปพวกเขาจะก้าวไปอย่างไร…กว่าผลึกความคิดตกตะกอนให้เป็นบาร์ขนมหวานก็ใช้เวลาครึ่งปี รวมกับเวลาเวิร์กงานจริงเข้าไปอีกก็ร่วมปีกว่า
2.
ผลึกไอเดียแตกออกมาเป็นสองก้อน…ขนม กับ เครื่องดื่ม
“ตอนแรกเราตั้งใจทำแค่ขนมกับชาอินฟิวส์ผลไม้ กินคู่กันง่ายๆ แต่พอทำไปได้สเต็ปนึง รู้สึกว่าเราทำเครื่องดื่มแค่นั้นไม่ได้ (หัวเราะ) ต้องยกระดับไปเลย เราก็ไป explore เครื่องดื่มประเภทบาร์ ลองนั่งบาร์สองสามที่ คือปรกติมิ้งค์ไม่นั่งบาร์ ไม่กินแอลฯ เลยไม่มีความเข้าใจ พอไปนั่งในบาร์แห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ที่ขายคอนเซ็ปต์เป็นบาร์ม็อกเทล เราเอ็นจอยกับบรรยากาศและเครื่องดื่มที่มิกโซโลจิสต์ทำให้ โดยที่ไม่มีแอลกอฮอลล์ก็อร่อยได้” แอนเล่า และจากจุดนั้นจนถึงวันนี้ ไอเดียเครื่องดื่มก็แตกแขนงเป็น 12 แก้วและในจำนวนนั้น 5 แก้วต้องแพริ่งกับขนมได้ ส่วนที่เหลือคือออปชั่นให้ลูกค้าเลือกสั่งตามใจชอบ
ส่วนขนมนั้น ทั้งคู่ได้เชฟขนมฝีมือดีอย่างเชฟเบียร์และเชฟแบล็ค ภาณุภน บุลสุวรรณ เชฟดังระดับแนวหน้าของไทย มาเป็นที่ปรึกษาและครีเอทขนมไทยให้เป็นซิกเนเจอร์เด่นที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของการใช้วัตถุดิบ ขั้นตอนการทำกว่าจะออกมาเป็นขนมหน้าตาดีสักชิ้นตรงหน้า ส่วนรสชาตินั้นแค่กัดคำแรกเราได้กลิ่นหอมได้รสหวานละมุนละไมอบอวลอยู่ภายในปาก
บาร์ขนมไทยแห่งนี้อยู่ด้านหลังร้านบุษบาคาเฟ่แอนด์มีล จะเดินผ่านประตูใหญ่เข้าไปยังเรือนไทย หรือเดินทะลุผ่านร้านอาหารด้านหน้าเข้าไปก็ได้ ทันที่ที่เข้าไปนั่ง เมนูก็จะมาถึงมือในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล แค่สแกนผ่านคิวอาร์โค้ด ไฟล์พีดีเอฟเลย์เอาท์หรูหราก็จะเด้งขึ้นมา และถ้าเมนูดูละลานตาจนไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เราว่าเทสติ้งเมนูคือคำตอบที่ดีที่สุด แม้อันที่จริงเราสามารถสั่งได้หลายวิธี วิธีแรกสั่งเครื่องดื่มคู่ขนม เขามีตัวเลือกไว้ให้พร้อมแล้วว่าขนมอะไรต้องกินคู่กับเครื่องดื่มแก้วไหน วิธีที่สองมาจากโจทย์ที่ต้องครีเอทเครื่องดื่ม 1 แก้วกินคู่ได้กับขนม 5 แบบซึ่งได้ผลออกมาเป็นเทสติ้งเมนูที่เสิร์ฟขนม 5 อย่างและเครื่องดื่ม 1 แก้วนี่แหละ และวิธีสุดท้ายถ้าอยากได้อะไรที่ลึกกว่านั้นต้องลองสิ่งที่แอนบอกว่ามันคือ ‘journey’ ที่ร้านจับคู่มาให้เรียบร้อยแล้ว แต่ละเจอร์นี่มีขนม 2 อย่างกับเครื่องดื่ม 3 แก้ว ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกัน 4 เจอร์นี่เซ็ตในคอนเซ็ปต์แตกต่างกัน และที่สำคัญเราอยากแนะนำให้นั่งหน้าบาร์ เพื่อคุยกับมิกโซโลจิสต์ว่าอะไรเป็นยังไง ประสบการณ์การกินจะได้สนุกขึ้น
3.
“เราเรียกมันว่า ไท-เดิร์น (Thai-Dern) คือ ไทยเดิมผสมโมเดิร์น” มิ้งค์อธิบายต่อว่าคำๆ นี้ได้อธิบายสิ่งที่ทั้งคู่ทำมาโดยตลอด “มันสะท้อนสิ่งที่เราคิด เราเอาความเป็นไทย เอาเรื่องราวรอบตัวมาผสมความโมเดิร์น คำคำนี้มันบอกชัดมาก เป็นสิ่งที่เราบอกคนอื่นได้ว่าเราทำบาร์ขนมไทยด้วยวิธีคิดนี้” และการทวิสต์ความเป็นไทยไปสู่สิ่งใหม่ๆ คือความตั้งใจของ ‘บุษบา’ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามอย่างที่มิ้งค์เล่าให้เราฟังตั้งแต่ตอนแรก
อย่าง เทสติ้งเมนู (350 บาท) ที่เราแนะนำ ประกอบด้วยขนม 5 ชนิดจัดวางลงบนจานเซรามิกประณีต ได้แก่ ขนมเบื้องคาวหวาน ขนมเบื้องแป้งกุ้งบางกรอบสอดไส้ครีมโฮจิฉะ เค้กข้าวเหนียวอบควันเทียนที่มีสัมผัสนุ่มนวล เสิร์ฟพร้อมซอดส้มจีนโฮมเมด ขนมครกฝรั่งเศส ชิ้นนี้แปลงจากคานาเล่ กรอบนอกนุ่มใน ใช้น้ำตาลมะพร้าวชูรสหวานและตัดด้วยซอสมะเกี๋ยง พดด้วงทอง ขนมทองโบราณรสหวานมัน เป็นไท-เดิร์นซิกเนเจอร์ของบุษบาที่แค่เคี้ยวคำแรกหอมอวลไปทั่วปาก และสุดท้ายคือบ้าบิ่นข้างแรม บ้าบิ่นมะพร้าวกะทิ ปาดซอสโชยุสูตรเฉพาะ ขนมทั้ง 5 คำนี้เสิร์ฟคู่กับชวนหลง ชาอู่หลงหอมกลิ่นดอกบัวมีรสหวานอ่อนๆ จากน้ำเชื่อมบัวหลวง
คนชอบลองความสดชื่นของเครื่องดื่ม เราว่ามีหลายแก้วน่าสนใจนะ ส่วนตัวเราชอบโกปี๊มะปิ๊ด (190 บาท) ที่ผสมน้ำส้มสองสายพันธุ์รสเปรี้ยวอมหวาน ท็อปด้วย ‘ซันเดย์เบลนด์’ กาแฟเบลนด์พิเศษ ดื่มในช่วงบ่ายๆ สดชื่นเลย อีกตัวที่ได้รสชาติเปรี้ยวสดชื่นไม่แพ้กันคือนงคราญ (190 บาท) เด่นด้วยสีแดงระเรื่อจากกระเจี๊ยบ ราสเบอร์รี และสตรอว์เบอร์รี การ์นิชเพิ่มด้วยไอโซมอลต์บอล ผสมกันเป็นรสเปรี้ยวอมหวานหอมชื่นใจ หรือจะลองช็อกโกแล็ต ทรัฟเฟิล (190 บาท) ใช้ช็อกโกแลตจากเบลเยี่ยม เบลนด์รสให้เข้ากับน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล โรยหน้าด้วยผักชี เพิ่มความหอม แก้วนี้อร่อยเลยทีเดียว
ทุกเมนูมีพนักงานคอยอธิบายว่าคืออะไร อาจเป็นการกินขนมไทยแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่หยิบใส่ปาก แต่ได้สัมผัสทั้งความสวยงามของรูปร่างหน้าตาขนม ได้ฟังเกร็ดวัตถุดิบของขนมชิ้นนั้นที่เราว่าก็เพลินไปอีกแบบ คงไม่ต่างจากประสบการณ์ไฟน์ไดนิ่งที่พอเสิร์ฟเมนูนั้นปุ๊บก็จะมีคำอธิบายตามให้เรารู้ที่มาและดื่มด่ำกับมันให้ถึงที่สุด
“ยุคนี้ไฟน์ไดนิ่งกำลังเฟื่องฟู แล้วทำไมเชฟเทเบิ้ลต้องแค่อาหาร เอามาทำขนมได้ไหม เราเชื่อว่ามันน่าจะทำได้”…
dessert bar by BUSABA อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่เราเชื่อว่าอย่างน้อยก็ต้องมีสักครั้งหนึ่งล่ะที่ควรไปลองประสบการณ์แตกต่างผ่าน ‘เจอร์นี่’ ใหม่ในการกินขนมไทยแบบนี้ดู มันคืออีกเลเวลของขนมไทยจริงๆ นะ!
• เปิดบริการเฉพาะเสาร์และอาทิตย์ แบ่งเป็นรอบ 12.00 น. / 14.00 น. / 16.00 น. ควรโทรจองเวลาล่วงหน้า
• Ddessert bar by BUSABA อยู่ที่เดียวกับบุษบาคาเฟ่แอนด์มีล ถนนอู่ทอง จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเรือนไทยสีขาวด้านหลัง
• Facebook : https://www.facebook.com/DessertBarBusaba โทร.082 995 2008