เป็นบ้านหลังที่สอง

“อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองเมื่อคุณเบื่องาน เบื่อสิ่งแวดล้อมเดิมๆ คุณมาที่นี่ได้ มาพักผ่อนกับธรรมชาติ เราอยากให้ทุกคนได้รู้สึกว่าเป็นการมาพักผ่อนที่ได้พักผ่อนจริงๆ” เมื่อทุกคนในทีมคิดไปในทิศทางเดียวกัน สถานที่แห่งนี้จึงอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ความใส่ใจ และความตั้งใจบ่มเพาะในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ดีไซน์การออกแบบโครงสร้างภายนอกไปจนถึงดีเทลการตกแต่งภายในห้องพัก

ประสบการณ์และความรู้เดิมจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี พ่วงกับความชอบในการตกแต่งบ้านทำให้เพื่อนคู่หูตัดสินใจเลือกทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยตัวเอง “เราเลือกของเข้าบ้านดียังไง ก็ต้องเลือกของเข้ารีสอร์ตดีอย่างงั้น” คาร่า คาร่า รีสอร์ตจึงไม่ต่างจากบ้านหลังที่สองของพวกเขาและทุกคนที่มาพัก

เพราะบ้านหลังที่สองคือคอนเซ็ปต์ที่เจ้าของวางโพสิชั่นโรงแรมไว้เช่นนั้น

ตัวอาคารห้องพักเป็นแบบ low-rise เพื่อไม่ให้บังวิวภูเขาที่เป็นเหมือนฉากหลังของโรงแรม ทุกอาคารอบอุ่นด้วยโทนภายนอกสีขาวที่เข้ากันได้ดีกับงานไม้จากกรอบหน้าต่างกรุกระจกใส เสริมรายละเอียดให้น่าสนใจผ่านลวดลายบนพื้นผิวผนังด้านนอกที่ไปด้วยกันได้ดีกับลายบานประตูทางเข้าห้องพัก

อาคารห้องพักโอบล้อมสระว่ายน้ำที่สวยสะดุดตาเมื่อแรกเห็น ส่วนห้องอาหารแบบออลเดย์ไดนิ่งและเป็นคาเฟ่ด้วยในตัวเดียวกัน ก็มีบรรยากาศโคซี่จากงานเฟอร์นิเจอร์หวายที่เลือกสรรมาแล้วอย่างดี เก๋ไก๋ด้วยการจัดวางเบาะนั่ง หมอนอิงสีเหลืองสดใส ประดับไฟกลมสีขาว

ห้องพักทั้งหมด 32 ห้องแบ่งเป็น 5 ประเภท เช่น สแตนดาร์ด สุพีเรียร์ แกรนด์สุพีเรียร์ ห้องแฟมิลี่ ฯลฯ สวยสุดและเราชอบสุดต้องยกให้ Pool Villa ที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องค่อนข้างกว้าง แม้ตกแต่งในโทนอบอุ่นสบายตา แต่ก็ยังรู้สึกถึงความสดใสผ่านโทนสีของโซฟาและของประดับ ได้ฟีลมินิมอลผสมผสานความโมเดิร์นแบบญี่ปุ่น และเมื่อเปิดม่านออกจะได้ดื่มด่ำไปกับวิวสวนสีเขียวซึ่งถือเป็นอีกไฮไลท์ของคาร่า คาร่าเลยทีเดียว

สวนที่ไม่ตั้งใจ (แต่สวยเลย!)

เพราะสวนของคาร่า คาร่า มี วิทย์ – ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง ศิลปินนักจัดสวนมากฝีมือมาช่วยสร้างสรรค์ งานสวนจึงส่งเสริมดีไซน์รีสอร์ตให้ดูโดดเด่นมีคาแรกเตอร์ “อยากให้ต้นไม้ดูกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งไปกับสถานที่” แต่จะตั้งใจยังไงให้เหมือนไม่ตั้งใจและเป็นธรรมชาติมากที่สุด คือโจทย์ของการจัดสวนในครั้งนี้ จังหวะของการจัดวางจึงเป็นลูกเล่นสำคัญเพราะจะช่วยให้โครงสร้างอาคารดูซอฟต์ไม่โดดกันเกินไป เราจึงเห็นไม้ต่างชนิดคละวางอยู่ด้วยกันเป็นหย่อมๆ ยิ่งเป็นไม้ใบละเอียด ภาพรวมของสวนยิ่งดูฟุ้งเป็นธรรมชาติ

พระเอกของสวนต้องยกให้ต้นเสม็ดขาวที่สูงชะลูด 7 – 8 เมตรแทบทุกต้น ข้อดีของเสม็ดขาวเป็นต้นไม้ที่มีฟอร์มต้นสูงไม่บดบังโครงสร้างทั้งยังล้อไปกับตัวอาคาร จึงทำให้พื้นที่ดูโปร่งมองแล้วให้ความรู้สึกเป็นป่าเป็นทะเล พิเศษกว่านั้นเมื่อเงาของลำต้นตกกระทบไปที่ผนังสีขาว จะดูคล้ายกับภาพศิลปะผ่านแสงและเงา ถือเป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่สะท้อนให้เห็นความละเมียดและความตั้งใจของวิทย์ได้เป็นอย่างดี

“สถาปัตยกรรมกับแลนสเคปต้องไปด้วยกันและเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง มันสำคัญที่สุดในหัวใจของงาน คือเราจะต้องอินกันตัวสถาปัตยกรรมก่อน ต้องเข้าใจธรรมชาติของต้นไม้ แล้วก็เข้าใจเรื่องของการจัดวาง พอเราเข้าใจตรงนี้แล้ว เราจะเลือกต้นไม้ได้ถูกต้อง” เขาอธิบาย เพราะถ้าเราเลือกต้นไม้ผิดอารมณ์ของสถานที่ก็จะเปลี่ยนไปด้วย…

ด้วยการออกแบบตัวอาคารกับคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนในตัวเอง ทำให้คาร่า คาร่า โดดเด่นและแตกต่าง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับไลฟ์สไตล์การพักผ่อนสุดไพรเวทบนเกาะล้าน ใครอยากใช้ชีวิตให้ช้าลงในวันหยุด เพื่อเติมพลังชีวิตให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ เราว่ารีสอร์ตนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว

ทริปหน้าคงต้องลองมาใช้เวลาเสพบรรยากาศของคาร่า คาร่าดูสักครั้ง