- Dash.space คือ พื้นที่สีขาวที่โปร่งโล่ง มีสวนและต้นไม้แปลกตา ตั้งใจสร้างความผ่อนคลาย เพื่อช่วยลดความวุ่นวายในชีวิต เป็นการสร้างประสบการณ์เรียบง่ายที่ต่อยอดจาก dash. สินค้าแบรนด์ไลฟ์สไตล์
- ที่นี่เป็นมากกว่าคาเฟ่ เพราะมีฟังก์ชันการใช้พื้นที่ที่หลากหลาย ใช้จัดอีเวนต์ จัดเวิร์กช็อป สตูดิโอถ่ายรูป หรือจะเป็นแกลเลอรี่ก็ได้
สังคมที่เต็มไปด้วยความรีบเร่ง วุ่นวาย นำมาซึ่งความสับสนและยุ่งยากในชีวิต หากคุณมองหาพื้นที่ที่จะช่วยพาหลบจากสิ่งเหล่านั้น เราขอแนะนำ Dash.space ที่คุณสามารถมาปล่อยใจปล่อยกาย ทิ้งความวุ่นวายไว้หน้าประตู แล้วก้าวเข้าสู่พื้นที่ที่จะมอบประสบการณ์ความเรียบง่ายและผ่อนคลายให้คุณ
ผ่อนคลายกับความเรียบง่าย
จากแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มุ่งสร้างประสบการณ์อันเรียบง่ายให้กับชีวิตคนเมืองในยุคนี้ ได้ต่อเนื่องคอนเซปต์นั้นมาเป็น Dash.space พื้นที่แห่งความผ่อนคลาย ลดความวุ่นวาย พร้อมเสิร์ฟความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความพิเศษไว้ในสถานที่และเครื่องดื่ม ที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น
“พอเราทำผลิตภัณฑ์ dash. ไปสักพัก ก็เริ่มเห็นว่าการสร้างประสบการณ์ที่เรียบง่ายให้คนสัมผัสได้มากที่สุดจะเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อม เลยเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา” นนทน์ – นนทน์ พงศ์ไพโรจน์ เจ้าของร้านเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Dash.space
อาคารทรงกล่องสีขาวสะอาดตา 2 หลังบนพื้นที่ 1 ไร่ย่านรามอินทรา ด้วยต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง การออกแบบตั้งใจให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง เล่นกับแสงเงาธรรมชาติที่ตกกระทบแต่ละเหลี่ยมมุมของอาคาร ส่วนบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างสองอาคาร เป็นพื้นที่โล่งที่มีการจัดวางโต๊ะเก้าอี้สำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศเอาต์ดอร์ มีลานกรวดแทรกอยู่นิดหน่อย พร้อมแอ่งน้ำตื้นๆ
“เราตั้งใจไม่ใช้คำว่า ‘คาเฟ่’ เพราะต้องการให้สามารถเปลี่ยนแปลงทำอะไรได้หลายอย่าง ให้มีชีวิตชีวาอยู่ตลอด” นนทน์เล่าถึงที่มาของชื่อร้าน ส่วนเหตุผลที่ใช้ชื่อ Dash.space นั่นเพราะอยากให้เป็นทั้งพื้นที่จัดอีเวนต์ จัดเวิร์กชอป สตูดิโอถ่ายภาพ หรือจัดเป็นแกลเลอรี่ก็ได้ ซึ่งอาคารหลังที่ 2 นอกจากจะเป็นที่สำหรับคนต้องการความสงบมากๆ แล้วยังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนอาคารหลังแรกเป็นโซนทำเครื่องดื่ม และขนม พร้อมมีที่นั่งให้ในร้าน
ผ่อนคลายกับสถานที่
ส่วนใครกังวลว่าคนจะเยอะพลุกพล่านเกิน สบายใจได้เลย เพราะที่นี่จำกัดจำนวนคนที่เข้าใช้พื้นที่ของร้านด้วย โดยพยายามให้ในร้านมีไม่เกิน 35 คน เพื่อให้พนักงานดูแลได้ทั่วถึง นอกจากนี้ยังออกแบบและจัดโซนเพื่อโฟลว์ลูกค้าในร้าน เพื่อลดความวุ่นวาย และให้แน่ใจว่าไม่แออัดเกินไป เช่น ออกแบบในร้านให้มีหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่เพื่อให้เห็นพื้นที่สวยๆ ด้านนอก และดึงดูดใจให้อยากออกไปถ่ายรูป เป็นการระบายคนไม่ให้แออัดอยู่ในร้านจนเกินไป
หรือการจัดโต๊ะก็มีทั้งโต๊ะทรงสูงเพื่อคนที่มานั่งทำงาน โต๊ะทรงเตี้ย ไว้สังสรรค์กับเพื่อน จะได้พูดคุยและมองเห็นกันสะดวก ไม่มีอะไรมาขวางกั้น และทางร้านมีเครื่องดื่มและขนมรสชาติดีสำหรับดึงดูดสายกินอีกด้วย
สำหรับคนที่มาเพื่อนั่งทำงานแล้วต้องการความสงบมาก ๆ ก็มีอาคารหลังที่ 2 ที่เงียบสงบเหมาะกับการทำงาน นนทน์บอกว่า “ตรงนี้ก็พิสูจน์มาแล้วจากการที่ลูกค้าถือโน้ตบุ๊กมา เขาถามเลยว่าอาคารนู้นนั่งได้ไหม โดยที่เราไม่ต้องเสนอเลย” และพูดต่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปลื้มใจ “นี่เป็นจุดที่เราวางแผนไว้ และก็ค่อนข้างดีใจ ว่าพอใช้งานจริง ผลออกมาเวิร์กตามที่เราวางไว้”
และที่สำคัญยังถูกออกแบบให้เป็น Universal Design สามารถรองรับทุกกลุ่มในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ เห็นได้เลยว่าภายใต้ความเรียบง่าย โล่งๆ ดูธรรมดานี้ แฝงไปด้วยรายละเอียด ทุกอย่างถูกคิดมาแล้วแบบลงตัวสุดๆ
ผ่อนคลายกับสวน
พูดถึงบรรยากาศในร้านไปแล้ว เราอยากพาทุกคนมาดูโซนเอาต์ดอร์อีกโซนหนึ่ง คือบริเวณสวนกรวดสีนวล ที่มาทั้งความทันสมัย และการออกแบบให้น้อยแต่มาก หน้าตาคล้ายป่าในเขตร้อน ตกแต่งด้วยพืชพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ ที่ไม่ค่อยเห็นกันในเมืองไทย เช่น มะกอกโอลีฟ มีพุ่มไม้ดอกขนาดเล็กๆ ไปจนถึงขนาดกลางเช่น หญ้าน้ำพุ นีออน
เป็นสวนที่ดูกว้างขวาง มีความโปร่ง เปิดรับแสงธรรมชาติ เข้ามาแล้วรู้สึกโล่ง สบาย มีบ่อน้ำสไตล์โมเดิร์นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพิ่มความสดชื่นขึ้นไปอีก
และนอกจากจะสวยงาม และผ่อนคลายแล้ว สวนยังเป็นพื้นที่อเนกประสงค์อีกด้วย ความที่พื้นเป็นกรวด จึงเดินเข้าได้โดยไม่ต้องกลัวเหยียบหญ้า เวลาฝนตกก็ไม่มีปัญหาเรื่องเลอะเฉอะแฉะ จึงสามารถจัดอีเวนต์ต่าง ๆ ได้
อีกทั้งเจ้าของร้านยังตั้งใจทำให้เหมือนเข้ามายังสถานที่ใหม่ ตัดขาดจากโลกภายนอก จึงออกแบบทางเดินเข้าให้คดเคี้ยว ให้คนที่เข้ามาได้เดินอ้อม ชมแต่ละมุมของสวน เพื่อปรับ Mood ให้ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ เจ้าของร้านบอกว่า “เราอยากโชว์สวนในทุกๆ มุม อีกอย่างพอได้มองก็ทำให้ช้าลง และเกิดความผ่อนคลายขึ้น พอสิ้นสุดทางเดินก็มีความ Relax รออยู่ในร้าน”
ผ่อนคลายกับเมนู
สำหรับเมนูยังคงความเรียบง่ายตามแบบฉบับของ Dash คือ มีการออกแบบเพื่อหลีกเลี่ยง Paradox of Choices ไม่ต้องการให้มีตัวเลือกเยอะ จนทำให้เกิดความเครียดว่าจะเลือกเมนูไหนดี จึงจัดเป็นหมวดหมู่ จำกัดให้มีหมวดหมู่ละ 5 – 6 เมนูเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ก็เป็นเมนูที่ผ่านการระดมความคิดกันอย่างหนัก เพื่อคัดเลือกเมนูที่ตอบโจทย์ที่สุดในหมวดนั้น ๆ
เมนูแรกที่อยากแนะนำเลย เพราะมีสีดำเข้มเด่นสะดุดตามากเลย คือ Eclipse เมนูที่ตั้งใจทำให้มีสีเข้มเพื่อให้ตัดกับสีขาวของร้าน เห็นหน้าตาเข้ม ๆ คงคิดว่ารสชาติจะเข้มไปด้วยใช่ไหม เปล่าเลย รสชาติกลับเบา หอมกลิ่นละมุนของชาเอิร์ลเกรย์ ผสมความสดชื่นของผลไม้ บอกเลยว่ารสชาติขัดกับสีอย่างสิ้นเชิง
On the rock เมนูหมวดกาแฟแฟนซีที่นำเสนอให้เห็นอีกมิติหนึ่งของกาแฟ ที่ผ่านการกลั่นพิเศษเพื่อกรองความขมออกไปหมด แต่เพิ่มความละมุนให้ตัวบอดี้กาแฟมีความสมบูรณ์มากขึ้น ด้วยความละเอียดในขั้นตอนการทำ จึงจำกัดขายเพียงวันละ 30 แก้วนั้น
อีกหนึ่งเมนูในหมวดแฟนซี คือ Hour Glass เมนูที่เกิดจากคำถามว่า “เรามีเวลาอยู่เฉยๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมากครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” เพราะการอยู่ในสังคมที่วุ่นวาย เมนูนี้ทำให้เรามีช่วงเวลาได้นั่งนิ่งๆ ใช้เวลากับตัวเอง นั่งมองเครื่องดื่มที่ถูกแบ่งเป็นสองส่วน เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มไหลลงมา เหมือนนาฬิกาทราย กลายเป็นชั้นที่สามแยกออกมา
สำหรับสายฟรุตตี้ เราขอแนะนำเมนูที่แสนสดชื่น เติมความซาบซ่าให้ร่างกาย Midnight Cloud กาแฟผสมกับน้ำแอปเปิล รสเปรี้ยวหอมกลมกล่อม ท็อปด้วยโฟมนุ่ม ละมุนละลายในปาก
มาที่เมนูของหวานกันบ้าง เราได้ลองเป็น Affogato ของหวานสไตล์อิตาลี มีเลเยอร์ตรงกลางเป็นไอศกรีมวนิลาราดด้วยช็อตเอสเพรสโซร้อน ความหวานของไอศกรีมตัดกับความขมของเอสเพรสโซได้อย่างลงตัว กินไปสักพักไอศกรีมจะลงไปรวมกับราสป์เบอร์รีที่อยู่ชั้นล่างสุด มีความกรุบกรอบ ความเปรี้ยวจากราสป์เบอร์รีจะช่วยตัดความหวานจากรสวนิลาลงได้
นอกจากนี้ทางร้านยังมีสโลบาร์ เอาใจคอกาแฟโดยเฉพาะ โดยพื้นที่ตรงนี้จะเปิดโล่ง ไม่มีเครื่องชงกาแฟ หรืออุปกรณ์ในร้านมาวาง เพื่อให้นั่งพูดคุยกับบาริสตาได้สะดวก
นนทน์ทิ้งท้ายว่า “ในวันที่ทุกคนต้องเจอความซับซ้อน วุ่นวายในชีวิต เราอยากให้รู้ว่ายังมีพื้นที่ที่สามารถเข้ามาหลบหลีกหนีความวุ่นวายจากข้างนอกได้ มาใช้เวลาผ่อนคลาย หาแรงบันดาลใจ หรือแม้กระทั่งสร้างผลงานใหม่ๆ ที่นี่ก็ได้นะ”
เราเองก็มองว่า Dash.space เป็นที่สำหรับทุกคนที่ต้องการความผ่อนคลาย ถือเป็นเซฟโซนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลย
Dash.space
4 ซอยรามอินทรา 19 แยก 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
Facebook : Dash.space
เบอร์ติดต่อ : 091-549-6664
เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)