About
ART+CULTURE

Sweet Dee

ดี Sweetdrug จากเด็กประตูน้ำสู่ศิลปินประยุกต์สุดเท่ที่ทุกชิ้น sold out ตั้งแต่สัตว์ประหลาดยันผ้ายันต์

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • คุยกับ ดี-ชาญณรงค์ ขลุกเอียด หรือ Dee Sweetdrug ผู้เติบโตและถูกหล่อหลอมโดยกราฟิกบนเสื้อยืดในตลาดประตูน้ำตลาดขายส่งที่ใหญ่ที่สุด ของประเทศไทย สู่ Appiled Artist ที่ประยุกต์ทุกสิ่งอย่างด้วยศิลปะ ‘ดี’ จนได้คอลแล็บกับอาจารย์หนูกันภัย และพร้อมตอบทุกคำถาม เพราะงานของเขาทุกชิ้นมี ‘ที่มาที่ไป’ เสมอ

“นั่งเก้าอี้นวดไหม จะได้สัมภาษณ์แบบสบายๆ” ประโยคเชิญชวนอันน่าสนใจจาก ดี-ชาญณรงค์ ขลุกเอียด หรืออีกชื่อหนึ่งในฐานะศิลปินว่า Dee Sweetdrug ทำให้เราเห็นถึงความเป็นกันเองของเขาได้นิดหน่อยก่อนเริ่มพูดคุย แล้วต่อมาจึงได้รู้ว่าเรื่องเล่าของเขาเองก็น่าสนใจใช่ย่อย

ดีเติบโตที่ประตูน้ำ แล้วออกจากบ้านมาตั้งแต่ตอนอายุใกล้ 18 ปี

ดีเปิดแบรนด์เสื้อผ้ามานานถึง 15 ปี นับตั้งแต่ยังอยู่มหาวิทยาลัย

ดีให้เวลาตัวเอง 10 ปี กับงานศิลปะสไตล์แรกหลังเรียนจบ

ดีได้คอลแล็บกับอาจารย์หนูกันภัยออกผ้ายันต์ร่วมสมัย

และท้ายที่สุด ดีบอกว่าตัวเองไม่ได้ฟลุคแน่นอน ทุกชิ้นงานที่ Sold Out มาจากทักษะฝีมือ กระบวนการคิดที่อัดแน่นอยู่เต็มหัว ทุกอย่างมีที่มาที่ไป และควรจะเป็นแบบนั้นกับทุกชิ้นงาน ทั้งของตัวเขาเองและของคนอื่นในวงการ เอาเป็นว่า เขาพร้อมตอบทุกคำถามระหว่างที่เราสนทนากันกับทุกข้อสงสัยที่มีต่อผลงานของเขาว่า วาดสิ่งนี้ทำไม เพราะเขาบอกเองเลยว่า ทุกอย่างมีการเตรียมตัว และการที่ชิ้นงานนั้นมีที่มาที่ไปย่อมดีกว่าแค่ดูเท่ๆ อย่างเดียวแน่นอน

dee.sweetdrug

‘ดี’ ที่ได้รู้จัก

เห็นบอกว่าได้ชื่อ Dee Sweetdrug มาในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย

ที่มาของ Dee Sweetdrug มาจากการเปิดร้านเสื้อผ้าชื่อ Sweet Drug ตั้งแต่มหา’ลัยปี 2 คนก็เลยเรียกกันว่า ‘ดี ร้าน Sweet Drug’

ตอนนั้นอยากหาอักษรภาษาอังกฤษที่จำง่าย และมีตัว D ก็เลยเป็น SD-Sweet Drug ละกัน ปรับนิดปรับหน่อยจากสำนวน ‘หวานเป็นลม ขมเป็นยา’ เพราะเสื้อผ้าของเราเป็นเหมือนยาหวานที่ทำให้คนใส่โดดเด่นขึ้นมาได้

ทำไมเด็กมหา’ลัยถึงมาเปิดแบรนด์ขายเสื้อผ้า

จุดเริ่มต้นของเสื้อ Sweet Drug มาจากบูธเล็กๆ ในงาน Gift (งานเทศการดนตรีและของขวัญของมหาลัยศิลปากร) ที่เราทำของขาย นั่นเลยเป็นที่มาของการเริ่มทำแบรนด์ เอาไปขายตามตลาดนัดบ้าง ขายหน้าห้างบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้มันอยู่รอดคือวิชาเรียนรวม

เรียนรวมตั้ง 300 คน เรียน 10 โมง เราก็ไปก่อนอาจารย์สักชั่วโมง เอาเสื้อประมาณ 100 กว่าตัวใส่ถุงดำแบกขึ้นไปบนโพเดี้ยม (ทำเสียงเคาะไมค์) ‘สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมดี ประยุกต์ศิลป์นะครับ วันนี้เราจะมีเสื้อเหมือนงาน Gift เลย แต่มีลายใหม่มา ปกติในงานเราขายเท่านี้ แต่วันนี้เราลดราคาให้เพราะเห็นเป็นคณะเดียวกัน’

ทุกคนก็วิ่งลงมาดู บางวันก็ขายหมดไม่ถึงชั่วโมง บางวันก็เกือบหมด มันกลายเป็นทุนตั้งตัวให้เราได้เลย

Dee Sweetdrug

แล้วงานในวิชาเรียนล่ะ

เราไม่เคยคิดเลยว่ามันยาก สนุกด้วยซ้ำ ใช้ไอเดียได้เต็มที่ ไม่มีขาดทุน ไม่ได้สนเกรดที่อาจารย์จะให้ แต่เราต้องชอบที่จะทำงานชิ้นนั้น

ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นเริ่มศิลปินยังไงดี การทำเสื้อผ้าเลยเป็นอีกช่องทางนึงที่งานศิลปะของเราจะถูกเผยแพร่ได้มากที่สุดผ่านลวดลายผ้าแล้วยังมีการประกวดที่เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนรู้จักเราในฐานะศิลปิน อาจจะไม่ได้รางวัล แต่มันอาจขายได้ข้างนอก ได้ร่วมแสดงผลงาน มีคนมาติดต่อมาขอซื้อผลงาน ศิลปินจะทำงานศิลปะต่อได้ ก็ต่อเมื่อมีผู้สนับสนุน จึงสามารถทำให้เลี้ยงชีพและพัฒนาผลงานศิลปะต่อไปได้

งานของเราหลังเรียนจบเป็นแนว Monsters เล่าเรื่องเกี่ยวกับความสนุกในชีวิต มีความกึ่ง Street Art ทำในสเกลใหญ่ๆ สิ่งที่อยากทำคือเราอยากฝึกปรือ อยากวาดเยอะๆ อยากเอาสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาให้หมด

dee.sweetdrug

ทำไมต้องเป็น Monsters

ตอนนั้นเราเป็นเด็กปาร์ตี้จัด เที่ยวจัด Monsters พวกนี้เหมือนเราไปเจอผู้คนหลากหลายบุคลิก หน้าตาไม่เหมือนกัน มาจากความทรงจำ ที่เปลี่ยนมาเป็น คาแรคเตอร์ โดยเราตั้งใจว่า 10 ปีแรกของเรางานจะต้องเป็น Monsters

Dee Sweetdrug

แล้วทำไม Monsters ต้องจำกัดเวลาไว้ที่ 10 ปี

เรารู้ว่ามันจะต้องถึงวันที่สายตาจะใช้พลังงานเท่านั้นไม่ได้อีก เพราะงานชุดแรกๆส่วนใหญ่เป็นงานวาดเส้น ผลงานมีรายละเอียดค่อนข้างสูง

dee.sweetdrug

Dee Sweetdrug

ชีวิตเด็กจบใหม่ของดีเป็นยังไงบ้าง

สมัยนั้นการส่งเมลยังไม่สะดวกเท่าทุกวันนี้ เราเดินถือแผ่นซีดีที่บันทึกผลงานที่ร่วมแสดงทั้งหลายไปฝากวางตามแกลเลอรีต่างๆ แล้วหลังจากนั้นมีแกลเลอรีติดต่อเข้ามาเผื่อให้กลับมาพูดคุย

พอเข้าไปที่แกลเลอรีนั้น เขาก็เปิดดูพอร์ตเราเรื่อยๆ เริ่มถามว่า อันนี้เท่าไหร่ อันนี้กี่บาท เราก็บอกราคาไปแบบคนไม่รู้ ไม่มีที่ปรึกษา ทั้งชีวิตพึ่งจะเคยมีคนถามราคานี่แหละ พูดจริงๆ ว่ามหา’ลัยไม่เคยบอกนะว่างานศิลปะต้องตั้งราคาเท่าไหร่ ทั้งที่จริงๆ มันมีวิธีการสอนเด็กด้วยซ้ำว่าต้องเริ่มต้นด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ทำกี่วันก็คิดเท่านั้น หรือบวกค่าทักษะ บวกค่าอุปกรณ์ บวกชื่อเสียง แต่เราไม่รู้ เราบอกมั่วๆ เลย (หัวเราะ)

สักพักเขาถามทั้งหมดเท่าไหร่ เอาไงดีวะ อะ บอกไปเท่านี้ เขาขอต่อ เฮ้ย เอา เซ็นเช็ค แล้วเขาบอกเดี๋ยวพรุ่งนี้มีรถสิบล้อไปขนที่บ้านนะ

ใช่เหรอ จริงเหรอวะ นี่กูได้เงินเท่านี้เลยเหรอวะ เดินถือเช็คกลับบ้านดีใจมาก เราอยากเป็นศิลปินต้องทำอะไร หรือว่าจะเปิดร้านเสื้อต่อไป เป็นช่วงวัยรุ่นสับสน มันยังไม่ดูเป็นแบรนด์เลย เป็นศิลปินก็ยังไม่ดัง ค้นหาตัวเองอยู่เป็นเดือน ถึงได้ตรัสรู้ว่า วาดสิ่งที่ชอบ ทำเสื้อที่อยากใส่ เป็นอย่างที่เป็นมาตลอดนี่แหละ ก็โอเคแล้ว

พอหมด Monsters แล้ว ศิลปะของดีเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

เริ่มเข้าสู่การรับงานห้าง เริ่มเข้าสู่งาน Commercial ละ ตรงนี้แหละคือการเป็น Applied Artist จริงๆ

Dee Sweetdrug

‘ดี’ ที่ได้ค้นพบ

ทำไมเรียกตัวเองว่าเป็น Applied Artist (ศิลปินประยุกต์)

เพราะงานศิลปะของเรามีอยู่หลากหลาย เราไม่ได้ยก 90% ของทั้งชีวิตให้ Painting ถ้าแบบนั้นเราก็จะพูดได้ว่าเราเป็น Painter แต่อันนี้เราอย่างละ 10 20 30 40 เน้นความหลากหลาย ปาร์ตี้ อีเวนต์ ออร์แกไนซ์ ทั้งหมดเอางานศิลปะของเราไปประยุกต์หมดเลย

การเอาศิลปะของดีไปประยุกต์กับงาน Commercial เปลี่ยนดีไปยังไงบ้าง

เราแคร์คนมากขึ้นนะ โจทย์แรกของการมาทำงาน Commercial คือ เราต้องสื่อสารออกไปให้ง่ายที่สุด เป็นมิตรที่สุด และเอาความเป็นไทยมาทำให้เป็นสากลที่สุด งานทุกชิ้นจะไม่มีรูปสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ามี ‘ดี’ อยู่ในงานนี้ แต่ทุกคนต้องรู้ผ่านลายเส้น ด้วยสีสัน ด้วยอารมณ์ เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง คนจะรู้แล้วว่า นี่มันคืองานของ ‘ดี’ ซึ่งยากมากเลย

dee.sweetdrug

แล้วดีทำยังไงให้คนรู้ว่าเป็นงานของ ‘ดี’

ดี พยายามนำเสนอ ลายเส้น ลายมือ สีสันที่สนุกสนาน เผื่อเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ ชีวิตของดี ในการสร้างสรรณผลงาน ด้วยลายเส้นที่มีเอกลักษณ์ วาดด้วยความมั่นใจเลยอาจะทำให้หลายคนจำงานของดีได้

dee.sweetdrug

จริงไหมที่ว่าศิลปะจะสะท้อนความคิดคน

ตัวตนของศิลปินกับภาพต้องเป็นคนคนเดียวกัน เราคิดว่างานส่วนใหญ่ของเราน่าจะพูดแทนตัวเราได้ดี อารมณ์ของเราอยู่ในงาน อยู่ในเส้นที่เราวาด สิ่งที่เราเป็นอยู่ในทุกอย่างเลย และถ้าคนที่รู้จักกันเขาอาจจะดูออกว่า งานชิ้นนี้ออกมาจากตรงไหนของชีวิตเรา

งานของเราจะพูดเรื่องเดียวเลยคือ ‘ความสนุก’

dee.sweetdrug

dee.sweetdrug

dee.sweetdrug

ในวันที่ร่วมงานกับอาจารย์หนูกันภัย โดนตั้งคำถามเยอะไหม

โดนตั้งแต่วันที่ถืองานเข้าไปละ ตัวอาจารย์เขาก็ไม่ได้สนิทกับเรา เราเป็นใครไม่รู้ ไม่ใช่ลูกศิษย์ ที่เคยสักมาแล้ว อยู่ดีๆ มาขอยันต์ห้าแถวให้ไปอยู่ในภาพ แม่งไม่ได้แน่ๆ เราก็วาดภาพให้เสร็จ ม้วนไปให้อาจารย์เห็นของจริงว่าจะอะไรยังไงต่อ

วันนั้นมีลูกศิษย์อยู่ แต่ละคนถอดเสื้อมาเป็นเสือตัวใหญ่ทั้งหลัง ลูกศิษย์เขาก็แบบ ‘มึงจะทำอะไร’ เขาพูดแบบนี้กับเราเลย เราก็บอกว่า ผมจะทำแบบนี้ครับ ยันต์อาจารย์จะกลายเป็นแบบนี้ คนที่ด่าเราเมื่อกี้ถามเราเลยว่า ‘น้องเปิดขายวันไหน พี่เอาเลยได้ไหม’

dee.sweetdrug

ย้อนกลับไปสักนิด ทำไมถึงเลือกมาร่วมงานกับอาจารย์หนู

พอเริ่มทำศิลปะแบบไทยประยุกต์ให้กับห้างต่างๆ เราเห็นว่าศิลปะไทยยังมีเรื่องของป่าหิมพานต์ ซึ่งทั้งหมดถูกผูกไว้ด้วยเรื่องความเชื่อ เป็นเรื่องของนิยายปรัมปราจากพระไตรปิฎก มีรูปแบบรอยสัก มีศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทุกรูปดูน่ากลัวชะมัดเลย

พอเราไปศึกษาทำการบ้านถึงได้รู้ว่า จริงๆ มันเป็นแค่สัญลักษณ์สัตว์ตัวหนึ่ง มีเนื้อเรื่อง มีที่มาหมดเลย เพียงแต่ว่าคนที่เขาเล่า เขาเป็นพระ ไม่ใช่ศิลปิน เขาเลยวาดและสื่อสารออกมาได้แค่นั้น แต่มันศักดิ์สิทธิ์จากการที่มีคนไปสวดให้ อย่างรูปม้าบนผนัง (ชี้ไปที่รูปม้า) ‘เจริญรุ่งเรือง’ ม้าตามความเชื่อเป็นสัตว์ที่ทำให้ก้าวหน้ารุ่งเรือง มั่งมีศรีสุข เป็นภาพมงคล แต่มันไม่มียันต์ไง ถ้ามียันต์ เราก็สวดให้ไม่ได้ แต่ทำให้มันสวยขึ้นได้

Dee Sweetdrug

Dee Sweetdrug

จนมีงานที่เราต้องทำให้ห้างห้างหนึ่ง เราอยากทำให้ถึง ไม่ใช่แค่คอนเซปต์ไทยเฉยๆ เราเลยเสนอไปว่า ‘ผมอยากพูดเรื่องศิลปะไทยที่มีเรื่องของการสักยันต์จากอาจารย์สักยันต์จริงๆ ครับ’

ทางห้างก็โอเค แล้วอาจารย์คนนั้นจะเป็นใครล่ะ เลยนึกถึงอาจารย์หนูกันภัย เราบอกอาจารย์ว่า ผมจะทำผ้ายันต์ให้มันร่วมสมัยแบบนี้ครับ ผมสร้างงานขึ้นมา อาจารย์ปลุกเสกให้ถูกต้องตามธรรมเนียม อาจารย์ก็โอเค เขาชอบเลยแหละ เลยมีการจัดพิธีปลุกเสกจริงจัง

Dee Sweetdrug

Dee Sweetdrug

พอช่วงโควิด เรากับอาจารย์ก็ปล่อยผ้ายันต์ 4 เรื่อง สุขภาพ ความรัก เงินทอง และอำนาจบารมี อย่างน้อยในช่วงเวลาที่ทุกคนขาดกำลังใจ การมีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ก็คงดี

dee.sweetdrug

ความสนุกอยู่ตรงไหน

มันท้าทายเราไปอีกแบบหนึ่ง อีกสไตล์หนึ่ง เราต้องทำเรื่องที่ไม่รู้ และพูดเรื่องที่เราไม่รู้ให้คนอื่นเขารู้ และเข้าใจในแบบที่เราเข้าใจด้วย ต้องทำการบ้านหาข้อมูล มันทำให้ได้รู้เรื่องที่เราไม่รู้ไปพร้อมๆ กับทุกคน ถ้าไม่ได้มาร่วมงานกับอาจารย์หนู ก็คงไม่ได้เห็นคนของขึ้นแบบนี้ (หัวเราะ)

Dee Sweetdrug

‘ดี’ ที่ได้เป็น

สำหรับดี สิ่งที่ยากที่สุดคืออะไร

ตอนเริ่มต้นมักยากเสมอ และการหาข้อมูล เวลาเราทำงาน ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า ‘เราทำไปทำไม’ ศิลปินหลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วก่อนที่เขาจะเผยแพร่ผลงานออกไปว่า เขาทำอะไรอยู่ ต้องรู้ตัวว่าปล่อยไปจะโดนถามว่าอะไร จึงต้องหาข้อมูลแล้วตอบตัวเองให้ได้

อย่างสมัยเรียน บางคนแค่ตวัดนิดเดียว ทำวันเดียวเสร็จ แต่เขาตอบตัวเองและอาจารย์ได้ว่า ทำไมถึงวาดภาพนี้ ทำไมถึงวาดต้นไม้แบบนี้ ทำไมถึงเลือกวาดวิวนี้ กลับกัน บางคนทุ่มเทเวลาเป็นเดือน แต่ตอบไม่ได้ว่าทำไปทำไม ถ้าเราสามารถตอบคำถามที่คนสงสัยได้เคลียร์ มันก็ไม่มีอะไรละ ที่เหลือเดี๋ยวภาพจะตอบให้ด้วยตัวมันเอง

Dee Sweetdrug

มหา’ลัยสอนเราตรงนี้มากน้อยแค่ไหน

สภาพแวดล้อมในมหา’ลัยมากกว่าที่สอนเรา มันจะเรียนรู้ได้เองจากประสบการณ์ จากเพื่อนๆพี่ๆรุ่นน้องและ อาจารย์ที่จะค่อยแนะนำอยู่ห่างๆ

เหมือนวงการศิลปะตอนนี้ที่สนุกสนาน เปิดกว้างเต็มที่ มีอิสระมากมาย เราชอบดูมาก เราได้เห็นรูปแบบงานที่เยอะขึ้น การใช้เทคนิคต่างๆ เราชอบดูความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินท่านอื่น แต่สุดท้าย งานที่เราชอบที่สุดก็คืองานที่มีที่มาที่ไป

dee.sweetdrug

ทำไมถึงชอบงานที่มีที่มาที่ไปที่สุด

กระบวนการคิดเป็นเรื่องสำคัญ มันจะเชื่อมต่อ ที่มาและที่ไปของเรื่องราวภายในภาพ ที่เราจะสื่อสารออกไป เผื่อให้คนดูได้เข้าใจ ความสนุกคือการหาข้อมูลและเปลี่ยนข้อมูลเป็นภาพที่เราต้องการ

เด็กๆ หรือเราเองก็เคยมีความคิดว่า ‘เราทำสวยมากเลยนะ แต่ทำไมเราถึงขายไม่ได้’

‘งานเราเจ๋งกว่าตั้งเยอะ แต่ทำไมถึงขายไม่ออก’

ทุกคำถามเหล่านั้นมันมีคำตอบหมดเลย หลายคนคิดแล้วทำเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องของยุคนี้ แต่ต่อจากจุดนั้น คุณต้องตอบคำถามที่คิดว่าคนอื่นเขาจะถามให้ได้ทุกข้อด้วย จะมาตอบว่า ‘ไม่ได้’ ไม่ได้ คนที่ขายได้เพราะเขาตอบได้ไง

เหมือนที่เราถูกถามว่า เราวาด Monsters ทำไม เพราะเราไม่ได้แคร์ใคร และเราจะทำงานนี้ 10 ปี เพราะเราเลือกวาดในสิ่งที่ชอบจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอมาวันนี้เราเลือกที่จะทำงานแบบ Commercial เพื่อเป็นงานที่คนส่วนใหญ่ชอบ เพราะฉะนั้นทุกวันนี้งานที่วาดออกไป เราคิดมาแล้ว ไม่ใช่แค่เท่ แล้วปล่อยงานออกมาเลย เราต้องคิดมาก่อน และค่อยพร้อมที่จะปล่อยออกไป

คำถามที่ยากที่สุดสำหรับดีคืออะไร

ซื้อยันต์ไปแล้วรวยจริงไหม (หัวเราะ) จะรวยไม่รวยมันขึ้นอยู่กับตัวคุณเลย สิ่งที่ภาพเราจะให้ได้อย่างแรกเลยคือ กำลังใจ เพราะค่าพลังมันวัดไม่ได้ เราเป็นแค่เปอร์เซ็นต์เดียวในความสำเร็จที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้

Dee Sweetdrug

ศิลปินยุคฝากวางแผ่นซีดี อยากฝากอะไรถึงศิลปินยุคโซเชียลมีเดียไหม

อย่างแรกเลย การเป็นศิลปินมันไม่ง่าย บางครั้งก็ควรต้องมีช่องทางอื่นในการเลี้ยงชีพ การมีแบรนด์เสื้อผ้าทำให้พูดได้ว่า เราไม่ลำบากในเวลาที่งานขายไม่ออก แต่หลายครั้งก็ต้องยอมกินเลือดกินเนื้อตัวเองเพื่อให้อยู่ได้ ยอมลดหย่อนตัวเองเพื่อทำงานอื่นบ้าง หรือทำงานที่ไม่เป็นตัวเองเลยก็ได้ เพื่อเอารายได้ไปให้ตัวเองเลี้ยงชีพต่อ

อย่างที่สอง การทำงานในวงการศิลปะมันไม่ได้มีแค่ศิลปิน ยังมีงานเบื้องหลังอีกมากมายให้เราเข้าไปทำ และบางตำแหน่งอาจไม่ได้ถูกสอน แต่ประสบการณ์จะหล่อหลอมเราขึ้นมาเองตามบริบทของแต่ละยุคสมัย

อย่างที่สาม ในสมัยก่อน อาจารย์จะชอบให้เราหาตัวตน และจะถูกกดดันให้ไม่ซ้ำกับใคร แต่จริงๆ ทุกแนวมันซ้ำกันได้ และก็จะไม่มีใครมาบอกคุณว่า เมื่อคุณหาไม่เจอ คุณจะต้องอยู่กับมันยังไงเราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง

อย่างสุดท้าย เราต้องคอยคิดหาคำตอบตลอดเวลา หาความรู้เอามาอธิบาย มันเหมือนที่เราวาดรูป ความรู้อะไรไม่รู้มากมายอัดอยู่ในหัวเราเต็มไปหมด เพราะเราไม่ได้แค่วาดให้มันจบๆ ไป ไม่ใช่แค่องค์ประกอบนี้สวยจังเลยถึงเอาออกมาขาย ไม่ใช่ดิ มันต้องมีที่มา เทคนิคที่ใช้คืออะไร สิ่งนี้เรียกว่าอะไร เราต้องอธิบายได้

เราถึงได้มั่นใจว่าเราไม่ฟลุค เพราะทุกอย่างมีการเตรียมตัว
——
นี่แหละ ‘ดี

ติดตามศิลปินคนนี้ได้ทาง IG: dee.sweetdrug
Line: lin.ee/UJl0uRF

Tags: