DOCTORJiNK
จิ้ง – ชตารัช ‘DOCTORJiNK’ ศิลปินนักเติมฝันผู้แจกจ่ายแคปซูลเยียวยาทุกหัวใจผ่านบทเพลง
- “DOCTORJiNK คือ ด็อกเตอร์ที่ไม่ได้จบด็อกเตอร์ แต่เป็นด็อกเตอร์ที่ร้องเพลงมีชื่อนำหน้าว่าด็อกเตอร์ไปเรื่อยๆ” จิ้ง – ชตารัช ให้คำนิยามว่าอย่างนั้น
- เขาเป็นศิลปินคนหนึ่งที่กลับมาพร้อมแพสชั่นครั้งใหม่ นั่นคือ การได้เติมความหวังในใจของผู้คน และการทำให้เขาเหล่านั้นได้กลับมาเห็นคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง ผ่านบทเพลงในอัลบั้มใหม่ล่าสุด ที่พูดถึงทั้งความรัก ความฝัน และการให้กำลังใจ แฝงความปรารถนาดีไว้ในทุกถ้อยคำที่สลักออกมาเป็นเนื้อเพลง มีท่วงทำนองที่ฟังง่ายแต่จับใจ
- หากใครเป็นแฟนเพลงคงสังเกตเห็นการเติบโตของเขาผ่านทำนองและเนื้อร้องที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยแว่นมองโลกที่เปลี่ยนไป
‘ดีใจที่ได้พบกัน’ เป็นความรู้สึกของเราหลังจากได้สนทนากับชายหนุ่มผู้ไม่ย้อท้อในความฝัน จิ้ง
หลายคนอาจเคยรู้จักเขาในนามนักร้องร้องนำวง Helmetheads เจ้าของเพลงดังหลายร้อยล้านวิวอย่างเพลง อันเฟรนด์ อินสตาแกรม ฯลฯ วันนี้เขานั่งอยู่ด้านหน้าเราในฐานะ DOCTORJiNK ครั้งใหม่ที่มาพร้อมแคปซูลเยียวยาหัวใจ แจกจ่ายพลังบวก รอยยิ้ม กำลังใจ และเรื่องราวน่ารักๆ ผ่านบทเพลงในอัลบั้มใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นาน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากดึงลิสต์ความฝันออกมาจากหน้ากระดาษ บทสนทนาระหว่างเราก็พร้อมตะโกนบอกคุณว่า ‘ลองเลยอย่าไปรอ!’ อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่เพราะชีวิตมีเวลาให้เราล้มเหลวและเรียนรู้อยู่เสมอ
เรานัดกันช่วงบ่ายเพื่อพูดคุยในเรื่องที่ไม่อาจเสิร์ชเจอในกุเกิ้ล แต่ต้องค้นจากเขาเอง จึงเป็นอีกครั้งที่เราพบเจอความฝันในถ้อยคำ และค้นพบความหมายของชีวิตจากคู่สนทนา…
• ชีวิตในวงการเพลงที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง
ก่อนหน้าจิ้งเคยเป็นนักร้องนำของวง Helmetheads ครั้งนั้นมันประสบความสำเร็จเร็วมาก แต่ก็จบไปที่อัลบั้มนั้นเลย เพราะทุกคนต้องแยกย้าย เราก็เหมือนกับหลายๆ คนที่เคยผ่านทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ จุดที่ต้องเรียนรู้ และจุดที่ต้องกลับมาค้นหาตัวเองอีกครั้ง
• เห็นว่าช่วงโควิดเป็นจุดเปลี่ยนของอะไรหลายๆ อย่าง
คือช่วงนั้นเรารู้เลยว่า เราไปต่อไม่ได้จริงๆ ต้องปรับเปลี่ยน หันไปทำอย่างอื่น เพราะตอนนั้นคอนเสิร์ตจัดไม่ได้สองปี เราเลยหันไปวาดรูป อยากเล่าเรื่องผ่านวิธีอื่นบ้าง นอกจากการเขียนเนื้อเพลง
• แสดงว่าช่วงโควิดไม่ได้ร้องเพลงเลย?
ไม่เลย ไปวาดรูปอย่างเดียว
• เป็นงานอดิเรกที่ค้นพบตอนโควิด?
เราวาดตามจินตนาการของเราเลย ไม่เคยเรียน ไม่เคยอะไรเลย คือพึ่งรู้ตอนนั้นเลยว่าเราก็วาดรูปได้ อย่างน้อยก็ได้เจอความสามารถตัวเองอีกหนึ่งอย่าง แต่เอาจริงๆ เราจะรู้ได้ไงว่าเราวาดรูปได้ ถ้าไม่ออกไปค้นหามัน (เราพยักหน้าเห็นด้วยกับที่จิ้งว่า เพราะความเป็นจริงแล้วเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าทำสิ่งไหนได้ ถ้าไม่ลองลงมือทำ)
• ก็ถือว่าในเรื่องร้ายๆ ยังมีเรื่องดีๆ อยู่
เหมือนโควิดทำให้เรากลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าเราอยู่จุดไหนในวงการเพลง ได้กลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายของเราคืออะไร…คำตอบที่ได้คือ เราอยากทำอาชีพเราให้เป็นประโยชน์ อาจจะเป็นแค่ส่วนเล็กน้อยก็ได้ แต่อยากเริ่มที่ตัวเรา
พอมาปีนี้เลยคิดว่ามันถึงเวลาที่อยากทำอัลบั้มใหม่แล้วล่ะ ออกมาเริ่มต้นทำเองดีกว่า เพราะเราก็มีเพลงที่แต่งเก็บเอาอยู่ เพื่อรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม คงถึงเวลาแล้ว
• ทำไมถึงชอบแต่งเพลง หรือพื้นฐานเป็นคนชอบเล่าเรื่องอยู่แล้ว
มองว่าทุกเพลงก็เหมือนไดอารี่ขนาดย่อยที่ถูกกลั่นกรองและเรียบเรียงแต่ละเรื่องราวไว้ในไม่กี่นาที ทำให้หลายครั้งพอได้ย้อนกลับไปฟังก็จะนึกถึงช่วงเวลาความรู้สึกที่มันอยู่ในเพลง เพราะมันมีความทรงจำของเราอยู่ในนั้น
• พอเคยประสบความสำเร็จไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่มันยากมั้ย
พอเราเคยผ่านจุดที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว มันจะเหมือนมีมาตรฐานบางอย่างที่เรามองไม่เห็น มาคอยกดดันในผลงานชิ้นต่อไป แต่ตัวเราเองก็ต้องกล้าที่จะข้ามผ่านสิ่งเหล่านั้น เพราะมันจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะคงอยู่ตลอดกาล ผลงานต่างหากที่จะอยู่กับเรา เลยกลับมาคิดว่า งั้นแค่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้วแฮปปี้ก็พอแล้ว
• แชร์หน่อยว่าธรรมชาติเยียวยาเรายังไงบ้าง?
พอเราได้เปลี่ยนบรรยากาศรอบตัว ลองไปอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา อยู่กับธรรมชาติมันเหมือนได้เติมแบตเตอรี่ ได้อยู่กับตัวเอง เหมือนพอไปอยู่ตรงนั้นน้ำหนักของทุกอย่างที่เราถือไว้ในใจมันเบาลง เราว่ามันคือความรู้สึกนี้เลยนะ
• ปกติเวลาไปเที่ยวได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงกลับมาบ้างมั้ย?
ช่วงก่อนโควิดเราเป็นคนชอบเดินทาง ไปอินเดีย เวียดนาม นิวยอร์ค ไปหลวงพระบาง พอได้ไปหลายๆ ที่แล้วก็เหมือนได้เอาตัวเองไปเชื่อมต่อกับผู้คน วัฒนธรรม อารยธรรม รู้สึกตื่นตาตื่นใจในสิ่งที่เค้าเชื่อถือปฏิบัติกัน เปิดโลกให้ตัวเรามีมุมมองที่กว้างขึ้น พอได้ไปเจอกับโลกภายนอกก็ทำให้รู้ความต้องการจริงๆของเราว่า เราอยากเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่ใช้ดนตรีเป็นสื่อในการบอกเล่าส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้กับสังคม…แค่นี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มความสุขในชีวิตได้แล้ว
• การกลับมาครั้งนี้เรามีส่วนร่วมอะไรบ้าง
หลักๆ เราก็คิดคอนเซปต์ เขียนเนื้อเพลง ทำนอง แล้วก้มีเพื่อนพี่น้องมาดูหลายๆ ฝ่ายให้ ครั้งนี้เลยได้เรียนรู้ความเหนื่อยยากของแต่ละตำแหน่ง ได้เห็นคุณค่าของงานแต่ละด้าน พอได้เห็นกระบวนการทำงานทั้งหมดมันก็เกิดความเข้าใจมากขึ้น สนุกมาก รู้สึกเหมือนได้เป็นศิลปินใหม่อีกครั้งเลย (หัวเราะ)
• ครั้งนี้ความตั้งใจหรือจุดยืนเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
เปลี่ยนไปนะ เราว่ามันเป็นอีกวัยนึงของเราไปเลย ถึงจะไม่ได้ทำวงแล้ว แต่เพราะไม่อยากทิ้งดนตรีก็เลยตัดสินใจทำอัลบั้มใหม่อีกครั้ง ส่วนตอนนี้ความตั้งใจคือ เราอยากที่จะพูดเรื่องด็อกเตอร์ไปเรื่อยๆ คอยเติมกำลังใจให้กันและกัน
• ตอนนี้ภาพความสำเร็จสำหรับเราเป็นยังไง
แต่ก่อนคิดว่าจะทำอะไรต้องสำเร็จเท่านั้น แต่ในวันนี้…แค่ได้ร้องเพลงไปเรื่อยๆ ก็แฮปปี้แล้ว
• ฝากอะไรถึงคนที่กำลังอยากออกไปค้นหาตัวเอง
ลองเลย จะได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง เราว่าแค่กล้าลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ต่อให้จะทำได้ไม่ดีในครั้งแรก แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ฝึกฝนได้ ถ้าเรามัวไปตั้งเป้าตั้งแต่ต้นว่าต้องทำให้ออกมาดีแบบนี้แบบนั้น ก็จะไม่มีวันมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
จากการได้ฟังหลายๆ คำตอบ เราพบว่าภายใต้รอยยิ้ม ความสดใส และเสียงร้องที่ใครก็ต่างจดจำได้ มีบางสิ่งในตัวเขาที่น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับเราจิ้งเป็นศิลปิน ที่รังสรรค์งานศิลปะที่มีชื่อว่า ‘ความชอบ ความฝัน ความสุข’ ด้วยลวดลายต่างๆ ที่เปรียบเหมือนร่องรอยทางเดินชีวิต เป็นผลงานที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมผู้ฟังได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
สามารถติดตามผลงานได้ทางช่อง Youtube: https://www.youtube.