บ้านของอากงสู่โรงเตี๊ยม

“เราเดินเข้ามาดูตึกนี้ในตอนที่มีแสงสวยๆ ส่องเข้ามาตรงต้นไม้กลางร้านพอดี ถึงบ้านจะโทรม แต่เรากลับรู้สึกชอบมากๆ”

วันนี้ ONCE ได้นั่งคุยกับแค่กับแตง เพราะจัมพ์ยังวุ่นอยู่หน้าเคาน์เตอร์ คอยรับออเดอร์ลูกค้าที่หลั่งไหลเข้าร้านไม่หยุด

ทั้งแตงและจัมพ์ไม่เคยเปิดร้านอาหารมาก่อนเลย เพราะทำงานในสายโปรดักชันเฮาส์ที่ทำหนังและโฆษณามาก่อน เดิมทีการได้ค้นพบตึกเก่าของอากงจากฝั่งครอบครัวจัมพ์ เกิดจากเหตุที่แตงอยากหาตึกเพื่อทำออฟฟิศโปรดักชันเฮาส์

“ตอนนั้นแนวคิดการทำคาเฟ่ยังไม่มา เราแค่อยากมีออฟฟิศเล็กๆ ไม่ได้ใช้พื้นที่เยอะ เลยมองว่าพื้นที่ที่เหลือเราเอาไปทำคาเฟ่กุ๊กกิ๊กๆ เพื่อรองรับคน รองรับลูกค้ากันดีไหม”

ตึกนี้คือบ้านหลังเก่าจากอากงของจัมพ์ แตงเลยไม่แน่ใจว่าตัวบ้านมีอายุกี่ 10 ปี แต่ดูจากที่อากงอยู่บ้านหลังนี้จนถึงอายุ 90 ปี และเป็นบ้านที่มีอยู่แล้วก่อนอากงของจัมพ์จะเข้าอยู่ด้วยซ้ำ ชัดเจนเลยว่าตึกนี้ถูกเปลี่ยนผ่านลูกหลานหลายรุ่น กระทั่งมาสู่รุ่นจัมพ์และแตงที่เสกให้บ้านโทรมๆ กลายเป็นคาเฟ่สไตล์โรงเตี๊ยมสุดครีเอต

ช่วงกะเทาะไอเดียการทำคาเฟ่ ทั้งคู่ลังเลว่าจะทำคาเฟ่เป็นสไตล์ไทยหรือจีนดี สุดท้ายคำตอบที่เลือกคือคอนเซปต์ ‘โรงเตี๊ยม’ เพราะทั้งแตงและจัมพ์ ชอบดูหนังจีนแล้วก็สะสมของจีนกันที่บ้านอยู่แล้ว

เราโตมากับกิมย้ง มังกรหยก หนังจีนกำลังภายใน ซึ่งในหนังเขามักมีโรงเตี๊ยมน้ำชา เป็นโรงเตี๊ยมที่จอมยุทธ์เร่ร่อนไปตามยุทธจักรจนไปเจอโรงเตี๊ยมเล็กๆ ก็จะไปแวะพักและมักเกิดเรื่องราวขึ้นในโรงเตี๊ยม เราเลยเปลี่ยนให้คาเฟ่เป็นโรงเตี๊ยม และให้ลูกค้าเป็นจอมยุทธ์”

แตงเล่าอย่างอารมณ์ดี

ชัดเจนเลยว่าเธอตกหลุมรักในการสร้างและดูแลฟาคาเฟยแบบสุดใจ เพราะคาเฟ่นี้สร้างจากความทรงจำวัยเด็กและความชื่นชอบของแตง-จัมพ์จริงๆ

“ฟาคาเฟยเหมือนเป็นโรงเตี๊ยมกลางทางที่ out of nowhere เป็นสถานที่ที่คนไม่ค่อยรู้จัก เหมาะกับย่านสวนมะลิมากๆ เพราะจอมยุทธ์ (ลูกค้า) ทุกคนต้องร่อนเร่มากว่าจะเจอเรา ต้องเดินลัดเลาะซอกซอยมาเรื่อยๆ จนได้ค้นพบโรงเตี๊ยมกลางทางเสียที”

ที่บอกว่าลูกค้าต้องร่อนเร่เดินทางจนกว่าจะเจอฟาคาเฟยนั้นไม่เกินจริง เพราะช่วงแรกของการเปิดร้าน พิกัดบน GPS ของร้านผิดเพี้ยนไปหมด ลูกค้าต่างเดินหลงทางไปโผล่ที่วัดบ้าง หรือไปโผล่อีกฟากฝั่งของซอยบ้าง เรียกได้ว่าเป็นโรงเตี๊ยมกลางทางลึกลับตรงคอนเซปต์ที่แตงตั้งใจอยู่หน่อยนึงนะ

โรงเตี๊ยมที่อยากให้จอมยุทธ์ดื่มชานานๆ

ความชอบในการดื่มชาของแตง ทำให้เกิดเมนูสุดครีเอตที่ผสมผสานความเป็นเครื่องดื่มสมัยใหม่เข้าไปด้วย

“ไม่อยากทำชาร้อน เพราะถ้าทำแบบนั้นจะมีแต่อาม่าอากงมานั่งจิบชาในร้านแน่เลย เราอยากทำชาที่ทุกเพศทุกวัยเข้าถึงได้ หลากหลาย และดื่มง่าย”

การเติบโตในบ้านที่มีเชื้อสายจีน ทำให้แตงคุ้นชินกับวัตถุดิบและสมุนไพรจีน เธอหยิบจับวัตถุดิบจีนที่พบเห็นได้ทั่วไปมาผสมผสาน มาทดลองหลากกรรมวิธี จนได้เมนูชาที่แตกต่าง ไม่น่าเบื่อ และส่งมอบประสบการณ์การดื่มชาใหม่ๆ ให้เหล่าจอมยุทธ์ที่มาเยือนได้

“ตอนเด็กๆ ไปเดินเยาวราชกับแม่บ่อยๆ วัตถุดิบทุกอย่างคือสิ่งที่เราคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เคยช่วยแม่แกะเก๋ากี้ แม่สอนว่า จะซื้อเก๋ากี้ต้องเลือกเม็ดแดงๆ เพราะถ้าสีดำคือเก่าแล้ว เราซึมซับอะไรแบบนี้มา แล้วลองเอามาทำเครื่องดื่มดู ซึ่งเราก็ชอบ เพราะรสชาติ มีมิติกว่าที่คิด”

ONCE ลองได้ชิม 3 เมนู ได้แก่ หว่านหลีเซียง กาแฟที่ผสมผสานกับชาหอมหวานหมื่นลี้ ทิ้งรสหวานหอมที่ปลายลิ้น เป็นรสชาติที่กลมกล่อม หอมหวน เข้ากับกาแฟ Cold Brew เป็นเมนูให้ความสดชื่นที่แปลกใหม่ดี

Affogato Coconut เมนูที่เสิร์ฟไอศกรีมมะพร้าวคู่กับเอสเพรสโซช็อต ลองชิมครั้งแรกให้ความรู้สึกประหลาดใจ แต่ความเข้มของกาแฟกับเข้ากันกับไอศกรีมมะพร้าวที่มีความนัว ดึงความหอมของไอศกรีมมะพร้าวและอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟพร้อมๆ กัน เหมาะที่จะเป็นเมนูที่ดื่มเพลินๆ คลายร้อน

เซี่ยอู๋ ฉา จิบชายามบ่ายที่เสิร์ฟคู่กับขนมเปี๊ยะไส้ถั่วผสมไข่ร้อนๆ จากเตา ใครที่ไม่ชอบชาร้อนก็เลือกแบบเย็นได้เช่นกัน และหากใครใคร่จิบชาแบบยาวๆ ที่ร้านก็พร้อมเติมชาให้ได้ตามใจ แต่จัมพ์แนะนำว่าไม่ควรดื่มชาเกิน 3 กาน้ำชา เพราะจะทำให้ท้องอืดไปหลายวันเลย

ระหว่างที่เราปล่อยใจไปกับเครื่องดื่ม ก็เห็นว่าทุกคนในร้านดูผ่อนคลาย บรรยากาศในร้านไม่เร่งรีบ รู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังหลงใหลไปกับศิลปะจีนที่โอบล้อมทุกพื้นที่ของร้าน

“เราอยากทำให้ร้านมีความผ่อนคลายนี่แหละ เพราะบางทีถ้าร้านมีไวบ์ขรึมๆ เท่ๆ ลูกค้าจะอยู่ไม่นาน เราไม่ชอบให้ลูกค้ามาแป๊บเดียวแล้วก็ไป เพราะถ้าลูกค้าอยู่ไม่นาน แปลว่ามีอะไรผิดปกติแน่ๆ”

แอบประหลาดใจในคำตอบของแตงอยู่เหมือนกัน เพราะจากประสบการณ์ผู้เขียนเอง ไม่ใช่ทุกคาเฟ่ที่จะพร้อมให้ลูกค้านั่งอยู่ที่ร้านนานๆ เพราะการมีลูกค้าเวียนเข้าออกมักเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านส่วนใหญ่คาดหวังกัน

“ถ้าไม่ใช่ช่วงตรุษจีน ก็มีลูกค้าประจำที่มานั่งทำงาน แวะมานั่งเล่น อย่างเพื่อนเขามาจากต่างถิ่น เขาจะชวนเพื่อนมาที่นี่ด้วยกัน ฟาคาเฟยเป็นที่ที่ถ้าลูกมา ลูกก็จะไปชวนพ่อแม่มา ไปชวนญาติมาด้วยกัน เพราะที่นี่เป็นร้านที่นั่งได้นานๆ ไม่ต้องรีบไปไหน”

หากมาฟาคาเฟยคนเดียวก็ไม่น่าเบื่อเหมือนกัน เพราะชั้น 2 ของร้านมีแกลเลอรีเล็กๆ ไว้จัดแสดงงานศิลปะ

“อยากให้ที่นี่เป็นที่ที่คนชอบศิลปะแวะเวียนมาได้ เป็น Creative Space ที่ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นศิลปะสไตล์จีนเท่านั้นนะ”

ผลงานที่จัดแสดงอยู่ตอนนี้คือ The Aliens Gallery Galaxy เป็นผลงานของ DOCTORJINK งานที่ใช้เอเลียนมาสื่อสารถึงเพื่อนในจินตนาการของเรา เชื่อว่าหลายคนก็มีเพื่อนในจินตนาการที่ต่างกันไป แต่นิทรรศการนี้ต้องการสื่อถึงการยอมรับและโอบอุ้มเพื่อนในจินตนาการของเราเอง นิทรรศการมีถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้นะ

นอกจากนี้ ฟาคาเฟยยังมีจัดเวิร์กช้อปเป็นระยะ เช่น เวิร์กช้อปเขียนภาพสไตล์จีน เวิร์กช้อปวาดภาพด้วยสีอะคริลิก และในอนาคตจะมีเวิร์กช้อปอื่นๆ ให้เหล่าจอมยุทธ์ได้ไปเปิดประสบการณ์ด้วยกัน เพราะฟาคาเฟยคือพื้นที่ที่ไร้ขอบเขตทางศิลปะ

“เดือนกุมภาฯ ก็ครบรอบ 4 ปีของร้าน เราจะมีกิจกรรมแจกของขวัญให้ลูกค้าด้วย อาจจะมีแจกเซียมซี หรือกิจกรรมประมาณไหนก็ยังไม่แน่ใจนะ ขอไปครีเอตกิจกรรมสนุกๆ กันก่อน แต่มีกิจกรรมแน่นอน”

ถ้าอยากลองสัมผัสประสบการณ์จอมยุทธ์อย่างในหนังจีนกำลังภายในล่ะก็ ลองแวะไปจิบชาและเสพศิลป์ที่ฟาคาเฟยช่วงตรุษจีนนี้กันได้ แต่อย่าลืมปักพิกัด GPS ให้ดี จะได้ไม่กลายเป็นจอมยุทธ์ผู้หลงทาง