- กิ่งไกร ร้านอาหารไทยสี่ภาค นำเสนอเมนูเด่นๆ ของแต่ละภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ด้วยรสชาติแบบ Home-Cooked อันเป็นสูตรดั้งเดิมของครอบครัว “เหล่าเราวิโรจน์”
- เพราะเปิดท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 กลุ่มเป้าหมายแรกของ “กิ่งไกร” จึงเป็นคน Local ในเชียงใหม่ และเป็นคนรุ่นใหม่ ที่อยากชิมอาหารไทย Authentic
- นอกจากอาหารที่ว่าเด่นๆ ทางร้านยังมีชาเบลนด์อีกหลายชนิด ที่สามารถเสิร์ฟคู่กับอาหาร และขนมไทยโบราณได้อย่างลงตัว
นับเป็นร้านอาหารที่เปิดสวนกระแสโควิด-19 เลยก็ว่าได้ สำหรับ “กิ่งไกร” ร้านอาหารไทยสี่ภาคในซอยนิมมานเหมินทร์ 11 จังหวัดเชียงใหม่ ที่นำเสนออาหารไทยรสชาติพื้นถิ่นของแต่ละภูมิภาค จากสูตรดั้งเดิมของครอบครัว คุณเอ้-ธนฤกษ์ เหล่าเราวิโรจน์
กิ่งไกร เป็นร้านอาหารไทยแบบ All Day Ding ที่เปิดใหม่เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ในขณะที่ร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มทยอยปิดตัว แต่ “กิ่งไกร” เลือกเปิดในช่วงเวลาท้าทาย โดยนำเสนออาหารไทยสี่ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคอีสาน และภาคตะวันออก หลายเมนูจัดเป็นอาหารหาทานยาก บางเมนูก็เป็นเมนูทานง่ายๆ หรือเป็นอาหารจานเดียว ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่น ด้วยสูตรลับและดั้งเดิมตั้งแต่สมัยรุ่นคุณทวดของคุณเอ้
รสมือของคุณยาย
ว่ากันว่า อาหารที่อร่อยที่สุดคือ อาหารจากรสมือแม่ หรือจากคนในครอบครัว ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่ที่แน่ๆ มันคือรสชาติที่เราคุ้นชินมาตั้งแต่วัยเยาว์ และฝังแน่นอยู่ในความทรงจำจนยากจะลืมเลือน เช่นเดียวกับ คุณเอ้–ธนฤกษ์ เหล่าเราวิโรจน์ ผู้ก่อตั้งร้านกิ่งไกรและอีสานจันทรากรุ๊ป ซึ่งเติบโตมากับอาหารจากรสมือของคุณยาย ด้วยรสชาติอร่อยและถูกปากทุกคนในครอบครัว ซึ่งภายหลังจึงเปิด “ร้านอาหารสุพรรณิการณ์บายคุณยาย” ร้านอาหารไทยพื้นบ้านสูตรโบราณในจังหวัดขอนแก่น
“คุณยายผมเป็นคนจังหวัดตราด และเป็นคนเดียวในบ้านที่ทำอาหารให้ทุกคนกินตั้งแต่เด็กจนโต อาหารที่เรากินทุกวัน เป็นอาหารภาคกลางกับอาหารภาคตะวันออก เพราะคุณยายทำอาหารอีสานไม่เป็น แต่ผมโตที่ขอนแก่น อาหารอีสานจึงอยู่ในสายเลือดตั้งแต่เด็ก เราได้รู้ได้กินในแบบที่เรียกว่า ไม่รู้ว่าสูตรใคร แต่เป็นสูตรคุณยาย ไม่รู้สูตรใครแต่เป็นสูตรบ้านขอนแก่น”
ด้วยความที่ซึมซับและเติบโตมาในครอบครัวคนทำอาหาร บวกกับประสบการณ์ที่ได้จากการเดินทางตั้งแต่อายุ 14 ทำให้คุณเอ้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตผู้คน และวัฒนธรรมการกินจากที่ต่างๆ ทั่วโลก กลายเป็นความรู้สึก “อิน” กับเรื่องราวที่เป็นวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ความเป็นอยู่ จนในที่สุด จึงเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากหนุ่มไฟแนนซ์ ดีกรีปริญญาโทจากนิวยอร์ก สู่การทำธุรกิจอาหารอย่างเต็มตัว โดยเขาคือหนึ่งในผู้ปลุกปั้นสุพรรณิการ์กรุ๊ป ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์ และส้มตำเด้อ ร้านอาหารอีสานที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก รวมทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเพิ่งปิดตัวไปไม่นาน หลังเจอพิษโควิด-19
สำหรับ “กิ่งไกร” ถือเป็นร้านอาหารไทยในคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่คุณเอ้ต้องการนำเสนออาหารรวมสี่ภาค ลูกค้ามาที่นี่ แทบไม่ต้องกังวลว่าจะสั่งอะไรดี เพราะที่นี่มีอาหารจาภูมิภาคต่างๆ ไว้คอยรองรับ ที่เพิ่มเติมเข้ามาคืออาหารของภาคเหนือ เนื่องจากปัจจุบันคุณเอ้ย้ายมาลงหลักปักฐานที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ทำให้เขาคลุกคลี และเข้าใจในรสชาติอาหารเหนือพื้นบ้าน
ต้นไม้ของแม่
ส่วนชื่อร้าน “กิ่งไกร” นั้น มีที่มาจาก “ต้นไกร” ในสวนบ้านขอนแก่น ที่เติบโตมาพร้อมๆ กับคุณเอ้ จากต้นเล็กๆ ที่มีความสูงไม่ถึง 2 เมตร ปัจจุบันต้นไกรที่ว่ากลายเป็นต้นไม้ใหญ่ขนาด 3-4 คนโอบ แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาและความร่มเงาไปทั่วบริเวณ การนำชื่อของต้นไกรมาใช้เป็นชื่อร้าน สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะสร้างร้านอาหารไทยภูมิภาคให้มีรากฐานที่มั่นคง แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะแผ่ขยายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
“ต้นไกรนี้ เป็นสายพันธุ์เดียวกับต้นโพธิ์และต้นไทร เป็นต้นไม้ต้นแรกที่คุณแม่ปลูกไว้ในสวนของสุพรรณิการ์บายคุณยาย เป็นต้นไม้ที่โตมาพร้อมกับเราเลยก็ว่าได้ เพราะเราใช้ชีวิตอยู่ในสวนในครัวของร้าน จึงมีความหมายและความผูกพัน เลยนำมาตั้งเป็นชื่อร้าน และอยากจะให้ร้านนี้โตไปกับเราไปเรื่อยๆ อีก 10-20 ปีข้างหน้า”
คุณเอ้เล่าเพิ่มเติมว่า 10 กว่าปีในการทำธุรกิจร้านอาหาร จนมาถึงจุดที่ต้องการเปลี่ยนอะไรบางอย่างในชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การค้นหา แต่คือความต้องการพัก และได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เขาจึงเลือกย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เพราะมองว่าเป็นที่ๆ Stay Still และก็ยังทำงานได้
เมนูของภูมิปัญญา
ด้วยความที่เป็นร้านเปิดท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ กลุ่มเป้าหมายแรกจึงเป็นคน Local ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่อยากเข้ามาสัมผัส ทำความรู้จักกับอาหารไทยโบราณ ซึ่งใช่จะหาทานได้ง่ายๆ ในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเป็นการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์จาก Restaurant มาเป็น Food & Beverage & Dining Experience Survivor เพื่อความอยู่รอดของการทำธุรกิจยุคโควิด-19
กิ่งไกร จึงไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหาร ที่คนมาทานข้าวแล้วก็กลับบ้านไป แต่พิเศษกว่านั้น คือเป็นร้านที่ลูกค้าจะได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมการกิน และความเป็นท้องถิ่นของอาหารแต่ละภาค
อาทิ “ขนมจีนซาวน้ำ” และ “หลนกุ้ง” ตัวแทนของอาหารภาคกลาง ส่วนอาหารภาคตะวันออก ที่เป็นจุดเด่นเลยก็คือ “หมูชะมวง”สูตรดั้งเดิม 100 ปีจากคุณทวด และ “ยำปลาสละหอมทอด”
อาหารเหนือที่เป็นไฮไลท์ อาทิ “ผักเชียงดาผัดไข่” และ “ลาบเมือง” ส่วนภาคอีสานมีเมนู “ลาบปลาตอง” และ “ส้มตำไทย” ที่ให้รสชาตินัวครบรส จากฝีมือพ่อครัวคนอีสานแท้ๆ
อาหารแต่ละจาน สามารถเสิร์ฟคู่กับชาผสม และม็อกเทลสูตรพิเศษจาก TE แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านชา ที่คิดค้นสูตรม็อกเทลชาในคอนซ็ปต์สี่ภาค โดยใช้สมุนไพรและผลไม้จากท้องถิ่นแต่ละภาคเป็นปรุงเป็นใบชาและไซรัป เช่น ภาคเหนือใช้ลิ้นจี่ ลำไย มะแขว่น ขมิ้น ภาคตะวันออก ใช้ใบชะมวง มังคุด เงาะ ส่วนภาคอีสานใช้ใบหม่อน ลูกหม่อน ฯลฯ ภาคกลาง ใช้มะม่วง มะกรูด มะขาม บ๊วย ฯลฯ กลายเป็นเครื่องดื่มรสชาติดี ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ทางร้านยังมีเมนูขนมไทยโบราณ รวมไปถึงขนมทานเล่นอย่างป็อบคอร์น ที่ปรุงรสด้วยน้ำพริกสูตรโบราณ เช่น รสแกงป่า รสน้ำพริกเผา รสลาบอีสาน รสลาบเหนือ ตลอดจนผลิตภัณฑ์น้ำพริกสำหรับปรุงอาหารอีกหลายหลากที่สามารถซื้อกลับเป็นของฝากได้ อาทิ น้ำพริกแกงป่ากิ่งไกร สูตร 100 ปีของคุณทวด รสจัดจ้านและให้กลิ่นสมุนไพรไทยรวมกว่าสิบชนิด ตลอดจนน้ำพริกเผากากหมูกุ้งแห้ง, น้ำพริกเผาปลานิลคั่วแห้ง ฯลฯ
ของดีของอีสาน
นอกเหนือไปจากเรื่องอาหารภูมิภาค “กิ่งไกร” ยังเป็นร้านที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย โดยงานสิ่งทอทั้งหมดที่ใช้ภายในร้าน ไม่ว่าจะเป็นกระด้ง ถาดอาหาร ถาดเครื่องดื่ม ผ้ารองจาน แผ่นรองแก้วน้ำ ตะกร้า ฯลฯ เป็นผลงานจาก Thorr แบรนด์ท้องถิ่นของชาวอีสาน บางชิ้นงานเป็นการทอด้วยลวดลายสมัยใหม่เพื่อร้านกิ่งไกรเท่านั้น
สินค้าไลฟ์สไตล์ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเหล่านี้ รวมไปถึงโปรดักส์อาหารของกิ่งไกร มีจำหน่ายในรูปแบบ E-Commerce พร้อมมอบประสบการณ์จากกิ่งไกร ส่งตรงถึงบ้านแล้ว ทั่วประเทศ ผ่านเว็บไซต์ www.ginggrai.com
กิ่งไกร เชียงใหม่
อยู่ในซอยนิมมานเหมินทร์ 11 อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โทร. 052-010-414, 081-861-2283
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-21.00 น. (Last Order 20.30 น.)
เฟซบุ๊ค : www.facebook.com/4regions/
IG : ginggrai – chiangmai