- INNSiDE by Melia โรงแรมไลฟ์สไตล์สัญชาติสเปนในอ่อนนุช ที่เชื่อว่าโรงแรมไม่ใช่สถานที่แต่คือผู้คน เลยเน้นเลือกแต่พนักงานบุคลิกดี บริการเด่น แถมสกิลเข้าหาคนเป็นเลิศ เอาใจแขกให้ได้มีประสบการณ์กับโรงแรมเต็มที่ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยนำเสนอดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ อาหารสเปนเลิศรส บาร์ที่เปิดแต่เพลงสนุกๆ สัมผัสของเครื่องนอนนุ่มเป็นพิเศษ และกลิ่นหอมเฉพาะตัวของโรงแรม มาที่นี่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่เป็นตัวของตัวเองและโฟกัสความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็พอ
“สวัสดีครับ!” ก้าวเท้ายังไม่พ้นป้อมยาม คุณ รปภ. ก็ตะโกนทักเสียแล้ว เราเลยเดินเข้าโรงแรมติดแยก BTS อ่อนนุชด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
INNSiDE by Melia เป็นโรงแรมที่สอดแทรกแลนด์มาร์กต่างๆ ของประเทศไทยไว้ในดีไซน์ของทุกชั้น ตั้งแต่ขึ้นมาที่ล็อบบี้บนชั้น 32 ก็จะเห็นลวดลายสีทองเต็มผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากวัดอรุณฯ และในยามพระอาทิตย์สาดส่องผ่านกระจกฟูลเฟรมจะขับสีทองให้เด่นน่ามองขึ้นไปอีก และเราชอบที่โรงแรมใช้สีขาวเป็นหลัก ทุกอย่างเลยดูสะอาดตา รวมถึงเป็นผ้าใบขาวสำหรับรองรับแสงธรรมชาติในแต่ละช่วงเวลาด้วย
The Open Lobby เป็นชั้นที่เชื่อมกับ The Kites Eatery ห้องอาหารบนชั้น 31 ที่ตกแต่งตามกิมมิคของสนามหลวง เราสังเกตเห็นเสาไฟที่มีหัวเสาเป็นลายไทยสูงเลยไปถึงล็อบบี้เป็นอย่างแรก พอเดินลงบันไดมาถึงเจอโต๊ะที่มีลายเป็นแผนที่ของย่าน มองผ่านๆ เกือบจะไม่ทันสังเกตเห็น และว่าวตกแต่งตรงโซนตักอาหารก็น่ารักมากๆ
เพราะการตกแต่งหรือเปล่านะที่ทำให้เรามองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าโรงแรมแห่งนี้อยู่ในเครือแบรนด์ของสเปน และเป็นโรงแรมแห่งที่ 4 ในเครือ Melia โดยเป็นแห่งแรกในกรุงเทพฯ (โรงแรมอื่นตั้งอยู่ที่เชียงใหม่ ภูเก็ต และสมุย) มาพักคราวนี้เราได้สัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ แอรอน เจมส์ เนลสัน ผู้จัดการทั่วไปของ INNSiDE by Melia
ผู้จัดการคนเก่งภูมิใจนำเสนอห้องอาหาร บาร์ สระว่ายน้ำ ที่หยิบจับเอกลักษณ์ของย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ มาตกแต่งพร้อมดัดแปลงดีไซน์ให้ทันสมัย เข้าถึงง่าย และเพิ่มเสน่ห์ให้กับโรงแรมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ถึงอย่างนั้นการรีวิวที่พักที่ทำให้แอรอนดีใจที่ได้เห็นมากที่สุดคือคำชมถึงพนักงาน โดย Helpful Friendly และ Nice คือ 3 คีย์เวิร์ดที่แอรอนมองหา เขาเคยถึงขั้นแคปหน้าจอส่งเข้าไลน์กลุ่มเพื่อย้ำกับทีมว่าทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก สำหรับแอรอน การทำโรงแรมไลฟ์สไตล์นั้นนอกจากการบริการของโรงแรมต้องถึง พนักงานก็เป็นหัวใจสำคัญที่จะสนับสนุนให้แขกได้มีประสบการณ์ระหว่างเข้าพักอย่างเต็มที่ ดังนั้นโรงแรมไลฟ์สไตล์จึงไม่ใช่แค่สถานที่ แต่รวมถึงคนของโรงแรมด้วย
พนักงานของ INNSiDE ส่งมวลความผ่อนคลายมาถึงเรากันทุกคน แถมการแต่งตัวก็ชิลล์มากซะด้วย ส่วนใหญ่แล้วใส่เสื้อโปโล กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ แอรอนต้องการเน้นว่าเขาคัดพนักงานที่บุคลิกนิสัยพอๆ กับสิ่งที่เขียนในเรซูเม่เลย เขาว่าการที่พนักงานไม่กลัวที่จะเป็นตัวของตัวเอง จะสร้างบรรยากาศเป็นมิตรให้แขก สานสัมพันธ์กับแขกได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้แขกเปิดใจเข้าใช้บริการต่างๆ ของโรงแรมด้วย ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเขาต่อการทำโรงแรมไลฟ์สไตล์ที่ว่า “We want people to connect.”
สำหรับทำเลที่ตั้ง ซึ่งถือว่าออกห่างจากตัวเมืองและย่านท่องเที่ยวมาหน่อย แต่โรงแรมแห่งนี้มองไกลกว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่โตขึ้นเรื่อยๆ ในย่านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวก็ยังมีบาร์ใหม่ผุดขึ้นตลอดเวลา INNSiDE เลยจะเป็นที่พักแห่งหนึ่งที่ดึงนักท่องเที่ยวออกจากตัวเมืองและเติบโตไปพร้อมกับย่าน
และสิ่งที่ทำให้แอรอนมั่นใจมากขึ้นคือบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แอรอนคุยกับแขกต่างชาติที่แวะมาเที่ยวไทยบ่อยๆ เป็นเวลา 30 ปีแล้ว ปกติแขกท่านนั้นจะพักที่โรงแรมริมแม่น้ำ แต่คราวนี้ลองมาพักที่ INNSiDE แล้วประทับใจสุดๆ ถึงขั้นวางแผนว่า คราวหน้าจะกลับมาพักที่นี่อีกแน่นอน
Inside the INNSiDE
หลังเช็กอินเรากดลิฟต์ลงมาที่ชั้น 22 ซึ่งมาในธีมหัวลำโพง ภายในห้องพักประเภท INNSiDE (20 ตร.ม.) ห้องขนาดกะทัดรัดที่มีซิงค์อยู่กลางห้อง ตกแต่งด้วยรูปถ่ายของศูนย์กลางการเดินทางด้วยรถไฟของประเทศไทย และห้องนี้เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋ว ถึงเล็กก็มีให้ครบทุกอย่าง แต่ที่อยากจะเน้นให้คุณผู้อ่านรู้คือ จะเห็นได้ชัดมากว่าโรงแรมพยายามลดการใช้พลาสติก โดยไม่ใช้ถุงขยะ ส่วนอุปกรณ์อาบน้ำที่มีบริการก็ใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกล่องกระดาษทั้งหมด
แอรอนบอกด้วยว่าข้าวของเครื่องใช้จะต้องให้สัมผัสที่ดี เพราะความประทับใจจากการสัมผัสนั้นเป็นของจริงและลืมได้ยาก พอเราเข้าพักได้ 1 คืนแล้วก็พบว่าจริงด้วย เพราะตั้งแต่ผ้านวม ผ้าปูเตียง ยันผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดเท้าล้วนนุ่มมือทั้งนั้น สลัดภาพจำว่าผ้าขนหนูโรงแรมต้องแข็งจนบาดหน้าไปเลย แถมเพื่อนที่เข้าพักกับเรายังเห็นตรงกันว่าโรงแรมนี้หอมมาก ภายในโรงแรมใช้เทียนหอมจาก Neferma แบรนด์ของคนไทยที่ผลิตเทียนหอมด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นจากจังหวัดต่างๆ ทั่วไทย
Room Type ประเภทสุดท้ายของโรงแรมคือ Town House (40 – 44 ตร.ม.) ใช่แล้ว! โรงแรมนี้มีห้องพักแค่ 2 แบบเท่านั้น ก้าวแรกจะพาคุณไปเจอห้องนั่งเล่น ฝั่งหน้าต่างมีโซฟาเบดให้เอนกายดูทีวีชิลล์ๆ ถัดมาเป็นทางเดินไปห้องน้ำ แน่นอนว่ามีทั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นอย่างไดร์เป่าผม ห้องประเภทนี้มีอ่างอาบน้ำให้พร้อม ส่วนห้องนอนนั้นเชื่อมกับทางเดินไปห้องน้ำอีกที ห้องนี้ยังตอบโจทย์แขกกลุ่มใหญ่ที่ต้องการจองสองห้องแล้วเปิดประตูเชื่อมหากันได้
Luz Bangkok Tapas Bar
ต่อให้ไม่ได้พักที่นี่ก็อยากจะชวนขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 33 เพราะ Luz Bangkok Tapas Bar รอคุณอยู่ ที่นี่คือบาร์ที่สร้างชื่อและเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของ INNSiDE by Melia การตกแต่งของห้องทางเข้าอินสไปร์มาจากสะพานพระราม 8 เดินออกไปถึงชั้นลอยจะเจอบาร์กับโซนดีเจ ซึ่งมีทุกคืนวันศุกร์และวันเสาร์ แอบกระซิบว่าพนักงานบาร์ทุกท่านลีลาดีไม่เบา สร้างบรรยากาศสนุกสนานสำหรับคนที่ต้องการปาร์ตี้จนสุดเหวี่ยงได้แน่นอน
เยี่ยมเยียน INNSiDE by Melia ครั้งนี้ เราได้รับเกียรติจากทางโรงแรมให้ชิมอาหารและเครื่องดื่มสเปน เราประเดิมด้วย ARROZ CALDOSCO DE MARISCO (1,250 บาท) สตูว์ซีฟู้ดที่มีกุ้งตัวโตเป็นเนื้อหลัก ทีแรกเรายังไม่ชินกับเนื้อสัมผัสของข้าวเม็ดอวบนัก แต่รู้ตัวอีกทีก็ตักกินไม่หยุด ส่วนกุ้งนั้นดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเนื้อเยอะ แถมยังเนื้อแน่นและมีมันกุ้งด้วย
LAS CROSQUETAS DE MI ABUELA (520 บาท) หากใครนึกรสชาติไม่ออก ให้ลองนึกถึงชีสบอลที่แป้งหนากำลังพอดี นุ่มและไส้แน่น แต่ที่ขาดไม่ได้คือแฮมชิ้นโตบนตัวแป้งก้อนกลม กัดคำแรกก็ฟินแล้ว
ในเซ็ตมีเมนูทูน่า 2 จาน จานแรกคือ TUNA TATAKI (490 บาท) ซึ่งให้เนื้อทูน่าเน้นๆ โรยด้วยผักฉุน ส่วนอีกเมนูคือ TARTAR DE ATUN Y SALMONREJO (550 บาท) ในจานมีซุปมะเขือเทศสีส้มแดงเตะตา พร้อมด้วยทูน่าชิ้นเล็กๆ ชุ่มฉ่ำด้วยรสเปรี้ยวกลมกล่อมของมะเขือเทศ
GILDA DE SAN SEBASTIAN (200 บาท) เมนูกินเล่นกินเพลินคู่กับเครื่องดื่ม เจ้าไม้เล็กๆ ในจานคือโอลีฟและปลาแองโชวี
ค็อกเทลแก้วแรกที่เสิร์ฟคือ HONEY PINE ELEMENTS (360 บาท) เครื่องดื่มสีเหลืองทองที่มีเบสคือรัม ผสมน้ำผึ้งกับน้ำแอปเปิล ถัดมาเป็นแก้วสีชมพูชื่อ SAUCO (360 บาท) ชงจากเหล้าจินและน้ำแครนเบอร์รี กับ SANGRIA (360 บาท) ค็อกเทลสีม่วงจากไวน์แดง สับปะรด ส้ม และอบเชย
เราขอปิดท้ายด้วยการอวยยศ ไลอา เฟอร์เรอร์ เชฟชาวบาร์เซโลนาผู้รังสรรค์ CHURROS (270 บาท) เป็นแท่งแป้งทอดมาพอดีสุดๆ ไม่เหนียว ขนาดพอดีคำ โรยด้วยน้ำตาลและเครื่องเทศ เสิร์ฟคู่ช็อกโกแลตรสเข้มแต่ไม่ขมจนเกินไปให้เราได้กิน ชิมครั้งแรกเมื่อหลายวันที่แล้ว แต่ติดอกติดใจรสชาติจนถึงขณะที่เขียนอยู่นี้
ไลอาเป็นเชฟมากประสบการณ์ เธอเคยทำงานในร้านอาหารติดดาวมิชลินทั้งในสเปน อินเดีย ฝรั่งเศส และมัลดีฟส์ ตอนนี้เธอพาทั้งตัวตนที่เป็นคนสเปนของเธอกับทักษะการทำอาหารที่สั่งสมมาตั้งทศวรรษมาสู่ INNSiDE เราจะได้ลิ้มรสวัฒนธรรมผ่านวัตถุดิบและเมนูที่หลากหลาย
อ้อ จะบอกว่าต่อลิฟต์ที่ชั้นนี้เพื่อขึ้นไป The Giant Swing Pool Bar ได้นะ ตำแหน่งเหนือบาร์มีสระว่ายน้ำพื้นกระจก แถมด้วยชิงช้าสีทองริมสระที่ดีไซน์มาจากเสาชิงช้า แลนด์มาร์กชื่อดังของกรุงเทพฯ ไงล่ะ
INNSiDE by Melia
ที่อยู่ 1472 ถ.สุขุมวิท เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10110
โทร. 02 340 5499
เว็บไซต์ www.melia.com/th