คาเฟ่มาจากชื่อแมว

คาเฟ่ Judy เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อแมวตัวโปรดของ พิง-พัทธ์ธีรา ชัยอนันต์ เจ้าของร้านสาวหน้าหวาน ผู้มีความฝันว่าอยากเปิดคาเฟ่เล็กๆ เป็นของตัวเอง จนวันหนึ่งบังเอิญไปเจอผืนดินรกร้างที่ปล่อยเช่ากลางเมืองลำพูน โดยเจ้าของพื้นที่ทำธุรกิจสวนผลไม้มาก่อน และสร้างโรงเก็บผลไม้เอาไว้บนที่ดินผืนนี้ ซึ่งปัจจุบันรีโนเวตเป็นคาเฟ่สีขาวสไตล์โฮมมี

คาเฟ่ Judy ใช้เวลารีโนเวตราว 6 เดือน และเปิดให้บริการช่วงเดือนธันวาคม 2565 “คอนเซ็ปต์ของที่นี่คือความอบอุ่น ความสุข และเป็นโฮมมี เราอยากให้ทุกคนที่มา เหมือนได้มาเที่ยวบ้านเพื่อน มาแล้วมีความสุข”

คาเฟ่สไตล์โฮมมี

บรรยากาศภายในร้าน ตกแต่งให้มีกลิ่นอายเหมือนของบ้านเมืองหนาว ประกอบด้วย มุมนั่งเล่นที่จำลองรูปแบบเหมือนบ้านชาวยุโรปที่นั่งอยู่หน้าเตาผิง ด้านหลังบุชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ประดับรูปวาดของ Judy แมวไทยผสมเปอร์เซียที่ยืนถือดอกลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการกลับมาของความสุข รวมไปถึงงานดีไซน์บานหน้าต่างกรอบเล็กๆ ที่ทำเป็นชั้นวางหนังสือ ชวนให้นึกถึงบรรยากาศของห้องสมุด

“เรารู้สึกว่าที่นี่เหมือนบ้าน และเราก็ค่อยๆ ตกแต่งบ้านไปเรื่อยๆ ตอนแรกคิดจะทำคอนเซ็ปต์ร้านเล็กๆ เอาแค่พออยู่ได้ แต่พื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ จากที่คิดไว้ว่าจะไหวเหรอ พอเปิดแล้ว เราพิสูจน์แล้วว่าไหว” พิงเล่าด้วยรอยยิ้ม เธอบอกต่ออีกว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ช่วงเช้ามักเป็นกลุ่มคนออกกำลังกาย นักปั่นจักรยาน วันธรรมดาเป็นคนท้องถิ่นในลำพูน ส่วนเสาร์อาทิตย์คนเชียงใหม่มากันเยอะ”

อาจเพราะเป็นคาเฟ่ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางให้เราได้สูดหายใจลึกๆ มีสนามหญ้าสีเขียวที่มองไปทางไหนก็แสนสดชื่นสบายตา และมีบริการเก้าอี้พับที่สามารถยกไปกางนั่งใต้ต้นไม้ได้ตามสะดวก หรือใครอยากนั่งชิลล์ๆ ชมวิวแม่น้ำกวงก็ได้เหมือนกัน ที่สำคัญยังเป็นคาเฟ่ที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้อีกด้วย

คาเฟ่ที่ทุกอย่างคือโฮมเมด

ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มนั้น เจ้าของใส่ใจและพิถีพิถันในการเลือกสรรของดีมีคุณภาพ โดยถือคติว่า “ที่บ้านเรากินกันแบบไหน ก็อยากให้คนที่มา ได้กินแบบเดียวกัน” โดยเฉพาะเมนูอาหารของคาเฟ่ Judy หลักๆ เป็นฝีมือของคนในครอบครัว ซึ่งปกติมักจะทำเพื่อกินกันเองที่บ้าน ได้แก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยวซี่โครงหมู และซี่โครงหมูอบสับปะรด

“เมนูอาหารมีประมาณ 5-6 เมนู เราจะสลับสับเปลี่ยนกันไป ส่วนเครื่องดื่มกาแฟที่เป็นไฮไลต์เลยก็คือ อเมริกาโนมะขาม เป็นสูตรที่ร้านคิดค้นขึ้นมา รสชาติออกสดชื่น เป็นความไม่เข้ากันที่เข้ากัน อีกเมนูที่อยากแนะนำคือ Dirty (เป็นกาแฟเย็นที่ไม่ใส่น้ำแข็ง เสิร์ฟแยกชั้นระหว่างนมและช็อตกาแฟเอสเพรสโซเข้มๆ)”

นอกจากนี้ ยังมีขนมเค้กโฮมเมดหน้าตาดีอีกหลากหลายเมนู ที่ล้วนมาจากครัวที่บ้านของพิง เป็นฝีมือคุณแม่บ้าง พี่สาวและญาติๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวเคยทำธุรกิจร้านอาหารมาก่อน “เราอยากส่งมอบความสุขจากที่บ้านให้ทุกคนเพราะคอนเซ็ปต์ที่นี่คือความสุข” เธอบอกกับเรา

คาเฟ่ของคนรักสัตว์

ช่วงบ่ายคล้อยที่หลายคนเริ่มทยอยเลิกงาน บรรยากาศของคาเฟ่ Judy ยิ่งคึกคักไปด้วยผู้คน ทั้งกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ รวมไปถึงกลุ่มครอบครัว มองออกไปด้านนอก แอบเห็นฝูงเป็ดน้อยที่พิงเลี้ยงไว้เกือบ 10 ตัว กำลังเดินเรียงแถวออกมาเล็มหญ้ากันเป็นกลุ่ม ความน่ารักของเจ้าเป็ดกลายเป็นไฮไลต์ของร้านที่ใครเห็นเป็นต้องขอถ่ายรูปด้วย

“เราไม่เคยเลี้ยงเป็ดมาก่อน เลยเลี้ยงเขาเหมือนน้องหมาน้องแมว แล้วเราเป็นคนชอบสัตว์ ความสุขของเราก็คือสัตว์ และจะดีแค่ไหนถ้าทำให้ทุกคนที่รักสัตว์ ได้พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นในสวนเราได้เต็มที่ ขออย่างเดียวแค่ช่วยรักษาความสะอาด” พิงทิ้งท้าย

สำหรับใครที่อยากพาน้องหมามาเดินเล่นหรืออยากปักหมุดชิมกาแฟชิลล์ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ หากมาวันเสาร์-อาทิตย์ มีดนตรีสดในสวนให้ฟังสบายๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายไปจนถึงเย็นเลยทีเดียว