Welcome, Fun Hunters!

ลิฟต์ส่งเราขึ้นไปถึงชั้น 9 ดนตรีจังหวะสนุกแว่วเข้ามาในโสตประสาท หลังจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยสนุกสนานดังตามมา ถึงแม้เป็นภาษาต่างประเทศ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเจ้าของเสียงกำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง

เบื้องหน้าเราคือล็อบบี้ แต่ถ้าไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าเป็น Gaming Center ที่มีโต๊ะพูล แอร์ ฮอกกี้ (Air Hockey) และเทเบิล ฟุตบอล (Table Football) ซึ่งถูกจับจองโดยพ่อลูกคู่หนึ่ง ในโซนเดียวกันมีโซฟาหนังสีน้ำตาล บนโต๊ะมีเกมกระดานอย่างบิงโก หมากรุก เจงก้า และอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกเล่นแบบไม่มีเบื่อ

Moxy Ratchaprasong Bangkok ละลายความเคอะเขินออกไปจนหมด แขกหลายกลุ่มใช้พื้นที่ส่วนกลางนี้ระหว่างรอเช็กอิน ก่อนและหลังออกเที่ยว รวมถึงช่วงเวลาว่างขณะอยู่โรงแรม

โซน Reception เป็นส่วนหนึ่งของบาร์ เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของโรงแรมเลยก็ว่าได้ เรารับ Welcome Drink มา 1 ช็อต ซึ่งเลือกได้ว่าจะรับแบบค็อกเทลหรือม็อกเทล จากนั้นก็ชิมป๊อปคอร์นฟรีระหว่างรอคีย์การ์ด

ล็อบบี้นี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนตั้งมากมาย เราสัมผัสได้ถึงมวลความสบายใจในบรรยากาศ แขกล้วนมีปฏิสัมพันธ์กับสเปซ ที่น่าประทับใจกว่านั้นคือมันส่งต่อไปถึงแขกที่เข้ามาเช็กอินทีหลัง ใครเดินเข้ามาแล้วก็ปล่อยตัวตามสบายแทบจะทันที ไม่ง่ายเลยที่โรงแรมจะเอื้อให้แขกเป็นตัวเองได้เต็มที่ขนาดนี้

ส่วนกลางของโรงแรมแยกสัดส่วนดีทีเดียว มุมโซฟาผ้านิ่มสีอ่อนเคียงข้างเตาผิงจำลอง ผนังใกล้กันมีชุดแผ่นเสียงวางโชว์ ดีเทลการตกแต่งคล้ายห้องนั่งเล่นให้กลิ่นอายโฮมมี่มากๆ

อีกห้องเป็น Library ที่หลายคนเข้ามาอ่านหนังสือ ทำงาน หรือแม้แต่นั่งเล่น มันเป็นตัวเลือกของคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เสียงของโซน Gaming Center ถูกปิดกั้นจากความเงียบสงบภายในห้องห้องด้วยประตูหนาสีดำสนิท

ลาน Outdoor ก็มีนะ โซนนี้ปูด้วยหญ้าเทียม Bean Bag ไซซ์ใหญ่พิเศษวางกระจายเต็มลาน เหนือที่นั่งเหล่านั้นคือไฟประดับสีวอร์มโทน เสริมมนต์เสน่ห์ยามพระอาทิตย์ตกดินไปจนฟ้ามืดชวนให้ทิ้งตัวลงนอนเล่น โซนนี้เคยใช้ฉายหนังมาแล้ว และโปรแกรมจะกลับมาอีกครั้งในช่วงฤดูหนาว

ตัวตนของกรุงเทพฯ ถูกถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ ตั้งแต่สตรีตฟู้ด วัดทอแสงสีทองยามค่ำคืน รถตุ๊กๆ ที่คอยรับส่งนักท่องเที่ยว แถมด้วยภาพวาดยักษ์ตัวโตท่ามกลางกลุ่มควันสีม่วงอมชมพู มันทำให้นึกถึงกราฟฟิตี้สุดเท่ตามท้องถนน ไหนจะประตูลูกกรงที่เสริมกลิ่นอายเดียวกันอีก

การตกแต่งสะท้อนภาพจำที่นักท่องเที่ยวมีต่อกรุงเทพฯ ชัดเจน และไม่เพียงชาวต่างชาติ คนไทยก็คงเห็นพ้องต้องกันว่า นี่แหละ เมืองแห่งแสงสีของประเทศไทย

Fun To Eat

เมื่อวัฒนธรรมไทยและตะวันตกมาบรรจบ ที่นี่จึงเสิร์ฟความอร่อยในรูปแบบของความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยทวิสต์ อาหารสัญชาติอื่นๆ ที่แขกเลือกตักได้จากรถเข็นอาหารตามท้องถนนไทย และ Food Truck แบบฝรั่ง

สำหรับมื้อเย็น เราฝากท้องไว้กับ Appetizer อย่างหมูฮ้องห่อแป้งตอติญ่า ไม่นึกเลยว่าจะเข้ากันขนาดนี้ ถัดมาเป็นสลัดปลาทอดกับ Ice Plant หรือผักเกล็ดหิมะที่ส่งความเย็นเจี๊ยบจากผิวของผักเขียวถึงข้างในปาก

หมวดจานหลักก็เปิดประสบการณ์ในการกินมากๆ เริ่มจากข้าวพะแนงหมูทอดที่ตกแต่งจานด้วยสไตล์ข้าวแกงกะหรี่ของญี่ปุ่น ข้าวเมล็ดหนานุ่มโปะไข่ข้น เติมความอร่อยทับอีกชั้นด้วยหมูทอดชิ้นหนา พื้นที่ว่างที่เหลือของจานเต็มไปด้วยน้ำแกงเข้มข้น อีกจานที่มาในหน้าตาแบบฝรั่งคือเบอร์เกอร์ปลากะพง แผ่นเบอร์เกอร์ชิ้นโต แต่ก็ยังแพ้ให้ปลากะพงเนื้อสดที่ยาวเลยแป้งกลมออกมา

จุดร่วมหนึ่งของ Moxy Hotels คือโซน Grab-And-Go ที่บริการ 24 ชั่วโมงด้วยอาหารกึ่งสำเร็จรูปและขนมพกพาง่าย แต่ Moxy สาขาแรกในไทยเล่นใหญ่กว่า ด้วยการกางเมนูให้เลือกชิมหลายสิบรายการ ตามด้วย Surprise Drink ที่ Moxy Crew จะเดินแจกแขกคนละ 1 ช็อต เรายกแก้วชิมชานมอินเดียแล้วถึงกับตาโต อร่อย หอมเครื่องเทศ แบบไม่เคยกินที่ไหนเลย

ส่วนใหญ่เป็นการนำสตรีตฟู้ดและอาหารจานเดียวมาไว้ใน Moxy Restaurant เช่น กะเพราไก่ หมูผัดผักพริกไทยดำ เป็นต้น สมกับวัฒนธรรมการกินของไทยที่ว่า มื้อแรกก็เป็นมื้อหนักได้

ไหนจะประสบการณ์แบบสตรีตฟู้ดแท้ด้วยการรับอาหารร้อนๆ จากรถเข็น ทั้งติ่มซำ ซาลาเปา และก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ส่วนโซนฮิตก็หนีไม่พ้นแพนเค้กตัวการ์ตูน เชฟเปิดโอกาสให้เราได้โชว์ฝีไม้ลายมือในการวาดด้วยตัวเอง และจะให้คำแนะนำอย่างใจเย็นทุกขั้นตอน

บาร์อาหารเช้ามีไส้กรอก Hash Browns ใครอยากขอเมนูไข่จากเชฟก็เลือกได้ทั้งไข่เจียวแบบไทยและ Eggs Benedict เลยนะ พิเศษยิ่งกว่านั้นอีกคือชีสและเนื้อโคล์ดคัต (Cold Cuts) นอกจากนั้น ก็เป็นน้ำผลไม้ ซีเรียล และขนมปังหลากประเภทที่จัดเรียงสวยงามบน Food Truck

โห…ให้ไล่ชื่อยังไงก็ไล่ไม่หมด อาหารเช้าของที่นี่จัดเต็มมากจริงๆ

Fun Lifestyle

เหมือนจะเล็ก แต่ไม่เล็กนะ หัวใจสำคัญของการแต่งห้องขนาดกะทัดรัดคือเฟอร์นิเจอร์ที่ศีลเสมอกัน ทั้งขนาดและฟังก์ชันพับเก็บได้ ยกเว้นเตียงกับห้องน้ำที่ขนาดพอเหมาะพอดีสำหรับเอื้อความสะดวกสบายในการเข้าพักของแขก

ต้นแบบคือ Moxy Hotel สาขาแรกเกิด ณ มิลาน สาขานั้นร่วมมือกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดังอย่าง IKEA การใช้สอยพื้นที่อย่างชาญฉลาดเป็นจุดแข็งที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง แม้ไม่ได้ร่วมมือกับ IKEA แต่ก็สั่งทำเฟอร์นิเจอร์พับได้สำหรับใช้ในโรงแรม

ห้องพักไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่เต็มไปด้วยหมุดแขวนผ้าบนผนัง อ้อ ผ้ายับๆ จะไม่เป็นปัญหา เพราะโรงแรมตระเตรียมห้องรีดผ้าไว้ที่ชั้นเดียวกับล็อบบี้ เพราะเชื่อว่าคัดเสื้อผ้าสวยๆ มาใส่เที่ยวทั้งที หลายคนก็อยากรีดให้เรียบก่อนจะออกไปนอกโรงแรมด้วยความมั่นใจ

เราสะดุดตากับเก้าอี้พับได้ที่แขวนอยู่บนหนัง สังเกตอีกทีจึงเห็นว่าโต๊ะหัวเตียงก็เป็นโต๊ะพับติดผนัง พื้นข้างใต้จึงโล่งว่าง ไร้ขาโต๊ะ ส่วนมินิบาร์เป็นตู้เย็น Built-In ไซซ์มินิ เรียกว่าใช้ทุกตารางนิ้วอย่างคุ้มค่าจริงๆ ดูไม่ออกเลยว่าห้องมีขนาดเพียง 20 ตร.ม. เท่านั้น

มองออกนอกหน้าต่างบานใหญ่จะเห็นป้าย Big C และเซ็นทรัลเวิลด์ที่ตั้งเยื้องอยู่ฝั่งตรงข้าม ถูกใจสายช้อป ส่วนพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมที่อยู่ติดกันคือสวนปทุมวนานุรักษ์ ตอบโจทย์สายออกกำลังกายในที่แจ้ง แต่หากต้องการยิมก็เพียงแค่ไปที่ชั้นล็อบบี้

ขอย้ำกับผู้อ่านที่จะเป็นแขกในอนาคตของโรงแรมนะว่า ถ้านึกอะไรไม่ออก ให้ลงไปที่ชั้นล็อบบี้

และขอฟันธงว่า Fun Hunters ทั้งหลายจะต้องติ๊กถูกทุกข้อให้ Moxy Bangkok Ratchaprasong แน่นอน