About
ART+CULTURE

จาก ก ไก่ ถึงชามตราไก่

‘ป๊อบ อังกูร’ กับแบรนด์ Phayanchana ที่ใช้พลังกราฟิกเสกอักษร ก-ฮ มีชีวิตด้วยงานดีไซน์

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • คุยกับ ป๊อบ-อังกูร อัศววิบูลย์พันธุ์ เจ้าของแบรนด์ออกแบบกราฟิกและสินค้า ‘Phayanchana’ ผู้เชื่อว่าทุกการออกแบบมีช่องว่างให้คนลองเข้าไปทำเสมอ จนชนะรางวัล Golden Pin Design Award 2023 ด้วยโปสต์การ์ด ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก

“ผมว่าสิ่งที่ทำอยู่มันเหมือนกับนกพิราบครับ ตอนเดินๆ ก็ดูสะเปะสะปะ ต่างตัวต่างเดิน แต่พอตัวหนึ่งเริ่มจิกอะไรสักอย่างเข้า ตัวอื่นๆ จะมาจิกรวมกันอยู่ตรงนั้น มันต้องมีคนที่มองเห็นอะไรบางอย่างในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แล้วนำไปสู่บางสิ่งบางอย่างต่อไป”

นี่คือสิ่งที่ ป๊อบ-อังกูร อัศววิบูลย์พันธุ์ นิยามการกระทำของเขาในตอนนี้ ที่แสดงออกผ่านงานออกแบบ ซึ่งว่าไปแล้วงานอันมีเอกลักษณ์ของเขาก็อาจเคยผ่านตาใครหลายคนมาบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะกับคนที่พึ่งไปเดินงาน Bangkok Design Week 2024 ที่ผ่านมา รวมไปถึงของปี 2022 และ 2023 ด้วย เพราะงานออกแบบของเขาเป็นแบรนด์สินค้าและกราฟิกที่มีชื่อว่า ‘Phayanchana’

แบรนด์ที่นำ ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก มาบิดเล็กผสมน้อย แปลงรูปร่างให้กลายเป็นภาพประกอบที่จำง่าย ขณะเดียวกันยังกะเทาะความทรงจำคนให้นึกออกว่า เหล่าตัวอักษรที่ถูกใช้น้อยไปจนถึงเลิกใช้ มีความหมายและหน้าตาจริงๆ เป็นอย่างไร

นอกจากนี้ เขายังนำเหล่าพยัญชนะทั้ง 44 ตัวมาต่อยอดเป็นสินค้า นำเสนอเรื่องราวในปีต่อๆ ไปแบบไม่จำเจ ด้วยโปรเจกต์ ‘วรรณรูป’ และ ‘สานอักษร’ ผ่านการเห็นช่องว่างที่ยังไม่ค่อยมีใครเข้ามาทำมากนัก

ป๊อบหวังว่าตัวเขาเองจะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่คนรุ่นใหม่มองเข้ามา แล้วเห็นช่องว่างแห่งการสร้างสรรค์ หรือต่อยอดเช่นเดียวกับที่เขาเคยพบเจอ

Phayanchana

พยัญชนะ

เราคุยกับป๊อบแบบค่อยเป็นค่อยไปพร้อมเครื่องดื่มในมือคนละแก้ว

ป๊อบเริ่มจากบอกเล่าถึงเรื่องในอดีตว่า ครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยเป็นเด็กที่มีใจรักศิลปะชนิดไม่มีเสื่อมคลาย จนเวลาล่วงเลยมาพร้อมด้วยโอกาสในการเริ่มต้นทำงานที่บริษัทรับออกแบบนาม ‘Propaganda’ อยู่ 8 ปี ก่อนที่เขาจะเลือกสยายปีกออกมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเองในชื่อ ‘ฌู่ดีไซน์’ อีก 5-6 ปี

ทว่า อันที่จริงแล้ว ในระหว่างนั้นตลอดกว่า 10 ปี โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ‘Phayanchana’ ได้เกิดขึ้นมา เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ขนานกันไปตลอดนอกเวลางาน

Phayanchana

ป๊อบบอกอย่าถามหาคอนเซปต์ เพราะตอนนั้นไม่ได้มีรูปร่างคล้ายจะกลายเป็นแบรนด์ด้วยซ้ำ เป็นเพียงงานที่ถูกออกแบบขึ้นจากความทรงจำวัยเด็ก ที่ครั้งหนึ่งเคยจำได้แต่ ก ไก่ เพราะมีปากแหลม ร่วมด้วยความเก็บกดจากการทำงานลูกค้าในบริษัทที่เน้นหนักไปทางนานาชาติ จนบางทีตัวเขาก็อยากกลับมาหาอะไรที่มัน ‘ไทยๆ’ ดูบ้าง และอยากทำลายกำแพงทางภาษาด้วยความสวยงามดูสักตั้ง

Phayanchana

“มันแค่ถูกมองว่า พอเป็นของไทยก็ต้องเป็นลายไทย ยิ่งภาษายิ่งยากเลย พยัญชนะเยอะกว่าภาษาอังกฤษตั้งเกือบเท่าตัว มันคือกำแพงภาษาอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนภาษาตรงนี้ให้เป็นกราฟิก เป็นสินค้า เป็นความสวยงาม คนเขาก็ซื้อและมองข้ามเรื่องกำแพงภาษาไปได้ เหมือนเป็นช่องว่างที่ยังไม่มีใครจับไปเล่น” ป๊อบอธิบายถึงกลวิธีในการออกแบบของเขา นั่นคือ เปลี่ยนสิ่งนั้นให้กลายเป็นภาษาสากลที่เรียกว่า ศิลปะ

อย่างไรก็ตาม ป๊อบยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า บางพยัญชนะของเขาอาจจะดูยัดเยียดไปบ้าง เพื่อความสวยงาม และเพื่อความเข้าใจของคน

Phayanchana

เขาเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า การออกแบบพยัญชนะก็เหมือนกับการดวลกันในดาบเดียว หนึ่งลายต้องรู้เรื่องทั้งหมด วางตรงหน้าแล้วคนต้องอ๋อเลยว่าคือตัวอะไร เช่น ณ เณร ที่ต้องใช้เวลาพัฒนาอยู่หลายทีกว่าจะเข้าที่เข้าทาง ถึงแม้ว่าบนกระดาษจากปลายดินสอปากกาจะไม่ได้ถูกเขียนเหมือนในโปสต์การ์ด แต่ถ้าหลังการออกแบบ มีคนเห็นแล้วมองออกทันที การดวลดาบนี้ก็ถือว่ามีเขาเป็นผู้ชนะโดยปริยาย

Phayanchana

“มีอาจารย์คนหนึ่งเอาโปสต์การ์ดชุดนี้ไปสอนเด็ก เขาบอกว่า พอเด็กเห็นเป็นรูปแบบนี้ ทำให้มีสมาธิ เพราะสามารถดึงความสนใจของเขาได้ ตัวผมเองไม่ได้ตั้งใจให้กลายเป็นสื่อการสอนด้วยซ้ำ หรือคนต่างประเทศซื้อไปแล้วเมลกลับมาว่า ช่วยเขาในการเรียนภาษาไทยและจำพยัญชนะได้มาก ผมเลยรู้สึกถึงความคุ้มค่าที่เราเสียเวลาไปกับมันตั้งหลายปี” ป๊อบเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ

Phayanchana

วรรณรูป

แต่ก่อนที่จะมีเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่แบรนด์พยัญชนะจะได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Bangkok Design Week 2022 ป๊อบเองก็ต้องผ่านสถานการณ์หัวเราะไม่ออกมาก่อนเหมือนกัน สาเหตุไม่ใช่อะไรไกลอื่น หากแต่เป็นการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจของเขาต้องปิดตัวลงไปอย่างช่วยไม่ได้

การสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาจึงเปรียบเสมือนกระสุนเม็ดสุดท้าย ดีไม่ดีป๊อบเองยังรู้สึกเหมือนเป็นการแทงหวยท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ข้าวยากหมากแพง ตั๋วคอนเสิร์ตแรง แต่ค่าแรงเท่าเดิม ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีสถานะเป็นความฝันที่เขาคิดอยากทำมาตลอด เพียงแค่ถูกหยิบยกขึ้นมาทำก่อนจะถึงเวลาอันสมควรตามที่วาดฝันไว้ในอนาคต กระทั่งตอนนี้เขายังครุ่นคิดด้วยความรู้สึกขัดแย้งนิดหน่อยว่า ถ้าไม่มีโควิด ถ้าธุรกิจไม่พังลง แบรนด์นี้ก็คงจะยังไม่ได้เกิด

Phayanchana

“เราล่มสลายจากจุดหนึ่งมา เราก็ต้องเลือกทำในสิ่งที่เราถนัดที่สุดต่อไป ตอนนั้นคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเอา Phayanchana มาทำ จริงๆ ยังไม่มีชื่อเลยด้วยซ้ำ คิดแค่ว่าถ้ากราฟิกเสร็จแล้ว งั้นเรามาลุยตัวสินค้ากันต่อ ก็เริ่มจากการเอาลายเส้นทั้งหมดมาทำเป็นภาพ Illustrated แล้วเอามาต่อยอดต่อไปเรื่อยๆ ให้ครบ 44 ชิ้น”

Phayanchana

พอจะพูดได้ว่า ย่อหน้าข้างบนเป็นจุดเริ่มต้นที่มาจากความไม่รู้อะไรเลยในทีแรก สู่ความทะเยอทะยานที่อยากจะนำพยัญชนะทั้ง 44 ตัว มาทำเป็นสินค้า 44 ชิ้น แม้ในตอนนี้จะคิดออกมาได้ประมาณ 20 ชิ้น และมีแผนที่จะวางขายปีละ 5 ชิ้นตามความเหมาะสมของงบประมาณที่จำกัด รวมไปถึงกำลังผลิตที่ยากง่ายตามขนาด

Phayanchana

Phayanchana

มี 2 ชิ้นที่เราสนใจเป็นพิเศษ คือ ที่ใส่ไข่ลวกที่มีก้นเป็น ก ไก่ และที่ใส่ใข่เป็น ข ไข่ ตามความคิดไก่วางไข่ที่ใครเห็นแล้วก็ต้องอุทานคำว่า ‘น่ารัก’ ออกมา ถึงป๊อบจะบอกว่า บางคนนึกว่าเป็นแก้วช็อตกาแฟก็เถอะ

Phayanchana

ส่วนอีกชิ้นหนึ่งมีขนาดใหญ่เกินพกมา นั่นคือฐานใส่ร่มรูปทรง ฏ ปฏัก อันที่จริงใส่ได้ตั้งแต่ไม้เท้ายันไม้เบสบอล เป็นการออกแบบที่ล้อไปกับความหมายของตัวปฏัก ซึ่งเป็นไม้ที่มีปลายเป็นเหล็กแหลมสำหรับบังคับสัตว์ ถือเป็นสินค้าที่ได้ทั้งการใช้งาน และมีความหมายครบถ้วนในตัวของมัน

Phayanchana

แต่การจะหยุดตัวเองไว้ที่งานออกแบบ 44 ชิ้นก็กระไรอยู่ ป๊อบจึงยังคงนำความทรงจำมาใช้เป็นเครื่องมืออยู่เสมอ ซึ่งใน Bangkok Design Week 2023 ผลงานประจำปีนั้นเกิดจากการที่ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก เขาเคยเห็นสติกเกอร์รูปพระนั่งสมาธิที่ประกอบสร้างมาจากคำว่า ‘อย่าเห็นแก่ตัว’ ของ ทยาลุ

ความทรงจำที่ผนวกเข้ากับแรงบันดาลใจนั้นเอง ก่อให้เกิดเป็นโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า ‘วรรณรูป’ (Concrete Poetry) ขึ้นมา

Phayanchana

“จริง ๆ คนอาจคิดว่างานนี้เริ่มจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่เห็นกันในอินเทอร์เน็ต แต่จริงๆ งานนี้เริ่มจากเสาชิงช้า ต่อด้วยสะพานพุทธ แล้วค่อยเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ้าสกาลายังอยู่ผมก็อาจจะทำ เพราะผมชื่นชมและนับถือความเก่งของสถาปนิกเมื่อก่อนมาก มันสวยมากเลยครับ”

งานนี้ป๊อบบอกว่าตอนนั้นเขากำลังบ้าคลั่งสุดขีด ไฟแรงทะลุปรอท ขอจัดนิทรรศการด้วยกำแพงสูง 4 เมตร ยาว 10 เมตร ประดับไปด้วยวรรณรูปกว่า 44 รูป แยกย่อยได้ทั้งหมด 5 หมวด

Phayanchana

หนึ่ง หมวดกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญเนื่องในวาระครบรอบ 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ สอง หมวดพาหนะท้องถิ่นของแต่ละจังหวัด ที่ต้องการสื่อสารให้เกิดการท่องเที่ยวผ่านเสน่ห์ของยานพาหนะท้องถิ่น สาม หมวดสัตว์นานาชนิด ที่เกิดจากความคิดถึงสวนสัตว์เขาดิน สี่ หมวดดอกไม้หลากพันธุ์ ที่สวยงามทั้งรูปร่างและสีสัน และห้า หมวดจิปาถะ ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นอะไร

Phayanchana

สานอักษร

ตอนนี้ Phayanchana ก็ได้เดินทางมาถึงปีที่ 3 ของแบรนด์แล้ว ป๊อบมองว่า เมื่อปีแรกเริ่มนั้นงานของเขาถูกสร้างและจัดขึ้นในรูปแบบของ Graphic & Product ส่วนปีต่อมาคือ Graphic ล้วน ๆ เพราะฉะนั้นปีนี้ก็ถึงคิวของ Graphic on Product

“ผมคิดว่าเราจะทำอะไรได้บ้างเกี่ยวกับของไทย ก็เลยหยิบจับของไทยมาเล่น เช่น ผ้าขาวม้า ชามตราไก่ ถาดสังกะสี ทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีอยู่ชีวิตประจำวัน และความทรงจำของใครหลายๆ คน รวมถึงตัวผมเองด้วย”

การออกแบบในปีนี้ยังคงยึดโยงอยู่กับความทรงจำเช่นเคย และยังคงมองหาลู่ทางในการผสมเข้ากับพยัญชนะอย่างที่เคยทำมา

ผ้าขาวม้าที่เส้นตัดกันเป็นลายคำว่า ‘ขาวม้า’

ชามตราไก่ที่วาดตัว ‘ไก่’ ด้วยรูปแบบวรรณรูป

Phayanchana

“งานทั้งหมดเป็นงานหัตถกรรมทำมือ ทุกอย่างต้องใช้ความสามารถของมือคน ​​ชามไก่ของลำปาง ผมออกแบบ แล้วให้เขาเอาไปฝึกเขียน งานเขียนมือมันดูมีคุณค่า แต่ละใบออกมาไม่เหมือนกันด้วย หรือผ้าขาวม้า ผมพยายามไปให้คนที่ทอผ้าขาวม้าทำกราฟิกตามที่ผมออกแบบ ซึ่งมารู้ตอนหลังว่า มันไม่สามารถทอออกมาเป็นผ้าขาวม้าจริงๆ ได้ ถ้าจะทำต้องใช้วิธี ‘เกาะล้วง’ ซึ่งหาช่างยากมาก และมีราคาที่แรงเกินไปสำหรับตัวผม”

ดั่งสัจธรรมของโลกทุนนิยม ป๊อบเชื่อว่าทุกคนต่างมีไอเดีย และบางไอเดียอาจถึงขั้นพลิกโลกได้เลย แต่สุดท้ายแล้ว งบประมาณก็เป็นสิ่งที่จะทำให้ของเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้จริง ยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อเขามีความคิดอยากจะให้ทุกคนสามารถหยิบจับผลงานเหล่านั้นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้อย่างทั่วถึง ในราคาที่ไม่แรงจนเกินไป

Phayanchana

แต่ก็นั่นแหละ จะคิดการใหญ่กระเป๋าตังค์ต้องนิ่ง ป๊อบได้รู้ว่าราคาผ้าขาวม้าของเขานั้นตกอยู่ที่ 12,000 บาทต่อผืน เรียกได้ว่าปาดเหงื่อถามตัวเองเลยว่า เราต้องขายกี่บาทกันนะถึงจะคืนทุน ป๊อบเลยหันหน้าไปพึ่งวิธี Silk Screen แทน ซึ่งก็ยังคงยากในการหาโรงงานรับทำ เนื่องจากขนาดของผืนที่ใหญ่กว่าปกติ ทำเอาเขาและเพื่อนที่ยินดีช่วยเหลือต้องลงไปลุยลงมือปาดผ้ากันเอง

“ใช้ความอุตสาหะเหมือนกันกว่าจะได้แต่ละผืนออกมา มันเหมือนเราค่อยๆ เข้มข้นและลงลึกเข้าไปในงานมากขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่เรายังไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำว่าแบรนด์นี้จะออกมาหน้าตาเป็นยังไง”

ป๊อบเปรยๆ ให้เราได้หูผึ่งเล็กน้อยว่า เขาเตรียมงานของปีหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ขออุบไว้ก่อน ที่แน่ๆ รอบนี้เขาพร้อมแล้วกับการจัดแสดง Product ล้วนๆ เลย

Phayanchana

ช่องว่าง

“ผมพยายามทำให้ตัวอักษรมีชีวิต หยิบจับมันได้ ใช้งานมันได้ ให้มันอยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้ กลายเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ให้เราใช้งานมันได้ มากกว่าแค่การพูดออกไป” ป๊อบบอกถึงความฝันของเขาในฐานะเจ้าของแบรนด์และนักออกแบบคนหนึ่ง

ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะยังไม่ได้มองภาพอนาคตใหญ่โตอะไรนัก เขาขอแค่เพียงให้แบรนด์ Phayanchana ยังคงมีวันพรุ่งนี้ให้เดินหน้าต่อไปในระยะยาว โดยที่จะยังคอยหาความเป็นไปได้ในการออกแบบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ตามกระแสจนเกินไป เพราะหากวันหนึ่งกระแสนั้นหมดลง งานของเขาก็คงหยุดชะงักอยู่แค่ชั่วเวลาตรงนั้น

“ผมอยากให้งานของผมมีอายุยืนมากกว่าแค่ช่วงเวลาหนึ่งครับ” ป๊อบย้ำกับเรา

Phayanchana

ท้ายที่สุดนี้ ป๊อบมองว่าในฐานะคนสร้างสรรค์คนหนึ่ง เขามีหน้าที่แสดงให้ผู้คนเห็นว่า บางสิ่งบางอย่างสามารถเป็นได้มากกว่าแค่สินค้า 1 ชิ้น ทุกอย่างมีแนวทางใหม่อยู่เสมอ และเขาก็พร้อมที่จะถางเส้นทางใหม่ขึ้นมา เช่นเดียวกับที่เขาเคยพบเส้นทางเหล่านั้นจากแรงบันดาลใจที่สลักอยู่ในความทรงจำ

Phayanchana

“สักวันอาจจะมีเด็กคนหนึ่งมาบอกผมว่า พี่ครับ ผมเห็นงานนี้ของพี่ แล้วผมเอาไปคิดต่อ จนผมสามารถสร้างแบรนด์หรืองานของตัวเองได้เลย ผมรู้สึกว่า มันเหมือนกับที่เราเคยรับรู้ เหมือนกับที่เราเคยเห็นช่องว่างตรงนั้น แล้วเราก็ทำให้คนอื่นเห็นช่องว่างตรงนั้นด้วยเหมือนกัน หรือถ้ามันไม่เกิดขึ้น อย่างน้อยผมก็ได้สร้างเส้นทางนี้เอาไว้แล้ว รอแค่มีคนมาค้นพบอย่างเดียว”

ติดตามแบรนด์ Phayanchana ได้ที่
Facebook: Phayanchana
Instagram: phayanchana.official

Tags: