- Recordoffee เป็นเหมือนคอมมูนิตี้เล็กๆ ของเหล่า Music Lover มีสโลว์บาร์เคียงคู่แผ่นเสียง ตกแต่งด้วยศิลปะ ป็อปอาร์ตสีสันจัดจ้านผสมผสานกับกลิ่นอายแบบจีน หยิบยื่นวิถีสโลว์ไลฟ์ให้ทุกคนที่แวะไปเวียนมาได้หยุดเวลา พักกาย พักใจ ดื่มด่ำกาแฟและเสพดนตรี รวมถึงเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนบทสนทนาและเรื่องราวมากมาย
- ร้านนี้ยังมีเมนูที่มีลูกเล่นน่าสนใจด้วยการหยิบเอาบทเพลงต่างๆ มาคิดและสร้างสรรค์ออกมาเป็นเครื่องดื่มที่ไม่เหมือนใคร เช่น Rock Bottom, Rock Star, Till There Was You นอกจากนี้ยังมีเมนูคาวหวานให้เราได้เลือกสั่งหลากหลาย
ในยุคที่การฟังเพลงง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก มีแพลตฟอร์มให้เราได้เลือกฟังสารพัดสิ่งสารพัดอย่าง ง่ายดายซะจนบางทีมันก็ชวนสงสัยว่า อะไรทำให้ผู้คนในยุคสตรีมมิ่งเริ่มหันกลับไปฟังเพลงจากแผ่นเสียง แต่จะมานั่งพึมพำกับตัวเองก็คงไม่ได้คำตอบ…
โชคดีที่วันนี้เราได้คุยกับเจ้าของ Recordoffee อย่าง บุ๊ค อลงกต เอื้อไพบูลย์ เขาคงตอบเราได้ว่า สมการความสุขในโลกอนาล็อก….แท้จริงแล้วคืออะไร
• แผ่นเสียงไม่เคยโกหก
Recordoffee อ่านว่า ‘เรคคอร์-ดอฟฟี่’ มาจากคำว่า Record(แผ่นเสียง)+Coffee(กาแฟ) บุ๊คว่าอย่างนั้น
กาแฟในมือบาริสต้าส่งกลิ่นหอมรับเช้าของวัน คลอไปกับเพลงยุค 90’s ที่ถูกเปิดจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงหลังมุมสโลว์บาร์ ทำให้บทสนทนาระหว่างเราเริ่มขึ้นท่ามกลางความสโลว์ไลฟ์ที่แสนลงตัว
“จริงๆ เราทำงานเป็นผู้กำกับ ภาพยนตร์ โฆษณา หนัง พอมีโควิดก็เลยไม่มีงาน แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ตอนเรานั่งเล่นอยู่ในบ้าน เราก็ไปค้นตู้ที่เราแทบจะไม่เคยสนใจ (ใช่มันคือตู้แผ่นเสียง ของสะสมสุดรักที่เขาแทบไม่เคยแตะมานานหลายปี) เราเริ่มหยิบแผ่นเสียงที่เรามีมานั่งฟัง พอฟังเท่านั้นแหละ เรารู้สึกว่ามันคนละโลกเลย” บุ๊คเล่าด้วยแววตาเบิกกว้าง เหมือนยังคงใจเต้นกับสิ่งนั้น
“มันมีความชัด ความละเอียด ความออริจินัล บางเสียงเราไม่เคยได้ยินจากเทปคาสเซ็ท วิทยุ ซีดี แต่พอเป็นไวนิลแล้วเสียงมันจริง เหมือนคนอัดเสียงจริงๆ แล้วเอามาใส่ มันมีเลเยอร์ มีมิติเกิดขึ้น” จากนั้นเขาก็เริ่มศึกษาจนรู้ว่าการอัดแบบแอนะล็อก จะเหมือนคนร้องใส่ไมโครโฟนแล้วเอาลงแผ่นเสียงเลยทันที ไม่ผ่านการบีบอัดไฟล์แต่อย่างใด “เราเลยรู้สึกว่าแผ่นเสียงไม่เคยโกหกเรา”
แต่ที่ทำให้เราต้องแปลกใจคงเป็นตอนที่เขาเล่าว่าเริ่มสะสมตั้งแต่อายุ 14 วัยที่เราอาจกำลังสะสมของเล่นต่างๆ นานา แต่กับบุ๊คเขาเลือกออมเงิน เพื่อจ่ายให้กับความชอบที่มาในรูปของแผ่นเสียง
“ตอนนั้นเราแอบไปฟังที่เขาจัดรายการวิทยุ แล้วเขาใช้แผ่นเสียงเปิด เสียงมันดีมาก! มันดีกว่าคาสเซ็ทที่เราเคยฟังลำโพงเดียว เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเรามีเงินสักก้อนหนึ่ง เราก็จะเก็บอัลบั้มที่เราชอบ” นั่นมันอาการของคน ‘ตกหลุมรัก’ ชัดๆ (เราคิด) พอเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน เขาจึงเริ่มตามเก็บแผ่นเสียงที่อยากได้สมัยเด็กๆ เรื่อยมาตั้งแต่นั้น
• เพราะมันมีดีเทล
“เมื่อก่อนเราจะซื้อแผ่นเสียงมาเก็บไว้โดยที่ยังไม่มีเครื่องเล่น”
“ซื้อทั้งๆ ที่ยังไม่มีเครื่องเล่น?”เราย้ำประโยคด้วยความสงสัย
“ใช่ เราเพิ่งเก็บเงินซื้อเครื่องเสียงได้ หลังจากสะสมแผ่นเสียงมาประมาณ 10 ปี
“เราสะสมเพราะชอบปก ชอบที่ได้รู้สตอรี่ ข้อมูล ยิ่งเราได้เห็นหน้าปก ได้เสพอาร์ตเวิร์ก มันยิ่งอิ่มหัวใจ” ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นเป็นอีกหนึ่งความสุขเล็กๆ ของนักสะสมแผ่นเสียง เราว่าอาร์ตเวิร์กและลูกเล่นบนปกแผ่นเสียงเป็นสิ่งหนึ่งที่หาไม่ได้จากการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง (…มันมีดีเทล…หลายคนบอกแบบนั้น)
ก็อย่างว่า แผ่นเสียงมีเสน่ห์แห่งรายละเอียด เพราะในอัลบั้มจะมีบอกทั้งคนแต่งเพลง เสียงบันทึกที่ไหน ใครทำซาวด์ รวมถึงเครติดต่างๆ เช่น คนถ่ายรูปคือใคร กราฟฟิกใครออกแบบ จึงไม่น่าแปลกใจหากผู้คนจะถวิลหากลิ่นอายความวินเทจที่ถูกสะกดไว้ นี่ยังไม่นับรวมมิติของเสียงดนตรีอันเนิบช้าที่หลายๆ คนหลงใหลอีกนะ
“แล้วทำไมก่อนหน้านั้นถึงถูกวางอยู่เฉยๆ” เราย้อนถาม
“เพราะว่าเราจะหยิบแต่แผ่นที่เราหยิบถนัด แผ่นที่เราฟังประจำ แผ่นอื่นก็เก็บเอาไว้ที่เดิม” (หัวเราะ) แผ่นเสียงอีกหลายแผ่นจึงถูกแช่แข็งอยู่ในตู้เก็บ คาดว่าคงไม่ต่างจากตอนที่เราเลือกซื้อเคสโทรศัพท์เพราะลายมันสวย รู้ตัวอีกทีก็มีเยอะซะจนไม่รู้จะหยิบอันไหนมาใช้ก่อนใช้หลังนั่นแหละ
“พอได้มีเวลามารื้อดูเพิ่งรู้ว่ามีแผ่นเสียงอยู่เยอะมาก เราเลยอยากเปิดร้านแผ่นเสียง อยากพูดคุยกับผู้คนในประสาคนอยากรู้อยากเห็น” ผู้เป็นเจ้าของบอกกับเราขณะนั่งอยู่บนโซฟาแดงที่รายล้อมไปด้วยแผ่นเสียงกว่า 3,000 แผ่น
• บทสนทนา กาแฟ แผ่นเสียง
พื้นที่แห่งนี้จึงเป็นเหมือนจุดรวมตัวของคนสองรุ่น พัดเอาคนหลากหลายเจนเนอร์เรชั่น มานั่งย้อนเวลาในที่เดียวกัน มีดนตรีเป็นจุดเริ่มต้นบทสนทนา เรื่องราว จนทำให้ผู้คนที่แวะเวียนมาอย่างตั้งใจกลายเป็น ‘คนรู้จักกัน’ ไปแบบไม่รู้ตัว
ตามคอนเซ็ปต์ของร้านที่บุ๊ควางไว้ว่า “อยากให้คนมาหยุดเวลาที่ร้านเรา มาหยุดคุยกับเรา ให้เด็กได้กลับมาอยู่ตรงนี้ คนรุ่นเดียวกันมาอยู่ตรงนี้ แล้วฟังเพลงยุค 80’s 90’s ไปกับเรา อยากให้มานั่งแล้วมีความสุขเป็นจุดนั่งสบายๆ หนึ่งจุดในละแวกนี้ อยากให้รู้สึกว่าชีวิตมันไม่ต้องรีบ”
บุ๊ครู้สึกว่าในย่านตลาดน้อยมีจุดเช็กอินเยอะมากแล้ว จึงอยากให้ที่นี่เป็นที่ที่ทุกคนมานั่งทิ้งเวลาได้ บรรยากาศและการตกแต่งถูกออกแบบให้รุ่นใหญ่กับรุ่นเล็กมานั่งด้วยกันแล้วรู้สึกไม่เขิน เป็นความลงตัวระหว่างภาพวาดแนวป็อปอาร์ตสีสันจัดจ้านทันสมัยที่มีกลิ่นอายแบบจีนผสมผสานเอาไว้
แล้วความพิเศษคือ Recordoffee จะเปิดแต่เพลงเก่าที่วัยรุ่นฟัง คนรุ่นเก่ามาก็ชอบ คนรุ่นใหม่ฟังก็รู้สึกว่าเท่ “บางทีพอมานั่งด้วยกันคนรุ่นใหญ่ก็จะอวดว่าเพลงนี้ตั้งแต่สมัยลุงเลยนะ เด็กก็สนุกได้นั่งคุยกัน บางเพลงเด็กก็บอกว่า ลุงรู้มั้ยว่าเพลงนี้กลับมาดังนะ ลุงก็งงเพลงมันเก่ามากเลยดังได้ยังไง เด็กเลยเปิด Netflixให้ดู เลยกลายเป็นว่าลุงก็ได้รู้จักหนังใหม่ๆ ไปด้วย” โมเมนต์น่ารักๆ เหล่านี้มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งเขาว่า
เราประทับใจเรื่องที่บุ๊คเล่าให้ฟังว่า “มีครอบครัวหนึ่ง พ่อเขาเก็บแผ่นเสียงไว้เต็มเลย แต่ลูกบอกว่าพ่อเก็บแผ่นเสียงอะไรเพลงเก่ามาก จนได้มาฟังที่ร้านเราลูกถามพ่อว่ามีแผ่นนี้ด้วยหรอ พ่อเลยกลายเป็นฮีโร่ของลูกในไม่กี่ชั่วโมง เรารู้สึกว่าร้านเราสร้างความสุข เป็นจุดที่ทำให้ทุกคนได้คุยกัน” (เขายิ้ม)
ใครได้หลงเข้ามาบอกเลยว่าเป็นอันต้องอยู่ยาว เพราะบุ๊คจะป้ายยาด้วยเสน่ห์เสียงเพลงจากแผ่นไวนิล เราเองยังรู้สึกว่าชั่วโมงหนึ่งผ่านไปเร็วมากจริงๆ…เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะเจ้าของร้านใช้วิธีเปิดเพลงแบบ ‘ไม่ให้ซ้ำ’ โดยสลับความเก่าใหม่ สลับแนวเพลง สลับศิลปินวนไป เพื่อดึงความสนใจและกระตุ้นต่อมอยากรู้ของผู้ฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ต่อไปเขาจะเลือกเพลงอะไรมาเปิด รู้ตัวอีกทีเข็มสั้นของนาฬิกาก็เดินไปข้างหน้าไม่รู้กี่ก้าวต่อกี่ก้าวแล้ว
และที่เขาบอกกันว่า เสน่ห์ของแผ่นเสียงคือ ‘เหมือนมีคนมาเล่นดนตรีสดให้ฟังถึงหน้าบ้าน’ เห็นจะไม่ผิดไปจากนั้น
• Record is soul, Coffee is life
“ทำไมถึงต้องสโลว์บาร์”
“ความเป็นสโลว์บาร์ เราชอบชื่อนี้มาก เราว่ากาแฟดริปมันลำบากเหมือนกันนะกว่าจะได้กิน กระบวนการมันเยอะไหนจะคั่วไหนจะบด เหมือนกับแผ่นเสียง กว่าจะเลือกเพลงกว่าจะเอาหัวเข็มมาวาง มันคือวิธีเดียวกันเลย” คือมีความสโลว์ไลฟ์เป็นตัวเชื่อม
เขามองว่าถ้าระหว่างรอกาแฟ ได้ฟังแผ่นเสียงหรือดื่มกาแฟที่รสชาติเข้ากับเพลงที่เปิดจากแผ่นเสียงคงจะดีไม่น้อย จึงตั้งชื่อเมนูหลักๆ เป็นชื่อเพลง และแต่ละอันก็จะมีความหมายของมัน
วันนี้เราได้ลอง Rock Bottom (170 บาท) เอสเปรสโซ่โซดาท็อปด้วยครีมนม อินสปายจากเพลง Rock Bottom ของ UFO เมนูนี้มีทั้งหมดสามเลเยอร์ ด้านบนเป็นฟองนมเวลาดื่มจะได้ความมันของครีมเหมือนกับช่วงต้นของเพลง ตรงกลางจะเป็นไซรัปมีความหวานความไลท์ เพราะเพลงช่วงกลางจังหวะจะเริ่มผ่อนลง ก่อนจะดึงรสชาติให้กลับมาเข้ากับท่อนร็อคหนักๆ ท้ายเพลง ด้วยความเข้มของเอสเพรสโซ่ด้านล่าง
ต่อด้วย Rock Star (135บาท) อินสปายจากเพลง Rock Star – Post Malone ft. 21 Savage ความหมายเพลงมีความขี้เล่นซนๆ เหมือนกับความสดชื่นของแก้วนี้ สำหรับใครที่ไม่เคยกินโกโก้กับส้มลองเปิดประสบการณ์ที่นี่ดูได้ เราว่าบาริสต้าบาลานซ์รสชาติมาได้ดีเลยทีเดียว หรือจะสั่งเป็นโกโก้ใส่นมที่เพิ่มความหวานและเปรี้ยวจากไซรัปสตรอว์เบอร์รีสูตรพิเศษของร้าน อย่างเมนู Till There Was You (135บาท) ก็ดีไม่แพ้กัน
แต่ถ้าอยากได้ความสดชื่นแบบสุดๆ ต้องเมนู La Vie En Rose (85 บาท) โซดากุหลาบที่ให้ความรู้สึกหอมนุ่ม สดชื่น เหมือนเพลง La Vie En Rose จับคู่กับจานเด็ดอย่าง Toast Pad Kaprao Moo (170บาท) โทสต์กะเพราหมูสับ ท็อปด้วยไข่นุ่มๆ รับรองฟิน
ทุกเมนูเกิดขึ้นจากความตั้งใจของบาริสต้ามากฝีมือผู้อยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ พวกเขาพร้อมให้คำแนะนำ ความรู้ และแลกเปลี่ยนบทสนทนาไม่ว่าคุณจะเป็นคอกาแฟหรือไม่ก็ตาม หลายครั้งหลายหนที่บทสนทนายาวเหยียดมักเริ่มต้นจากคำถามที่มาพร้อมความใส่ใจว่า “ปกติดื่มกาแฟมั้ยครับ” เพื่อให้คำแนะนำและช่วยลูกค้าเลือกในแบบที่ลูกค้าชอบหรือต้องการ
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้แวะไปเวียนมาประทับใจจนกลับมาอีกครั้ง
“ถ้าอยากคุยเรื่องกาแฟเชิญที่หน้าบาร์ ถ้าอยากคุยเรื่องแผ่นเสียงเดินมาหาเรา เราไม่แย่งหน้าที่กัน” เขาทิ้งท้าย
เราได้คำตอบแล้วว่า คงเพราะโลกคงหมุมเร็วเกินไป จนบางทีเราเองก็ตามไม่ทัน ผู้คนทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่จึงต่างพากันโหยหาอดีตและการใช้ชีวิตที่ช้าลง ทำให้รสนิยมการฟังเพลงจากแผ่นเสียงกลับมาอีกครั้ง Recordoffee เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่จะทำให้เราเข้าใจได้ว่า ‘ทำไมกาลเวลาจึงไม่สามารถเอาชนะแผ่นเสียงเหล่านี้ได้เลย’
Recordoffee
ที่อยู่: 95 14-15 ถ.เจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100
เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร ตั้งแต่เวลา 9:00 – 19:00 น.
โทรศัพท์: 083 614 4432
Facebook: Recordoffee
Instagram: recordoffee