About
FLAVOR

Dream BIG

ความฝันราคา 20 ล้านของ “เชฟบิ๊ก-อรรถสิทธิ์” กับการล่าดาวมิชลินที่ต้องเอื้อมให้ถึง

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • ONCE บุกมาเยี่ยมเยือนร้านอาหารใหม่ของ เชฟบิ๊ก – อรรถสิทธิ์ พัฒนเสถียรกุล กับ Resturant PATT ร้านอาหารไฟน์ไดนิงแห่งแรกของเขาที่บรรจุความฝันของชายหนุ่มในการล่าดาวมิชลิน และยังสานต่อโรงพิมพ์เก่าของคุณพ่อ ด้วยการเปลี่ยนให้เป็นร้านอาหารที่มีความหมาย จนทำให้คุณพ่อที่เคยไม่สนับสนุนให้เป็นเชฟยังต้องเสียน้ำตาให้กับร้านอาหารแห่งนี้

บ่ายวันหนึ่งผมซ้อนมอเตอร์ไซค์จากย่านลาดพร้าว ทะลุรถติดแถวพระรามเก้า เพื่อฝ่าความวุ่นวายย่านอโศกข้ามแยกคลองเตยสู่เจริญราษฎร์ ผ่านย่านชุมชนเข้าสู่โซนโรงงาน ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์จะจอดส่งผมที่หน้าร้าน “อยากทําแต่ไม่อยากกิน”

ใครที่รู้จักร้านนี้ก็คงรู้ว่านี่คือร้านของ เชฟบิ๊ก - อรรถสิทธิ์ พัฒนเสถียรกุล ผู้ชนะการแข่งขันรายการ Top Chef ในปี 2023 หรือซีซั่น 4 ของรายการ

แต่เราไม่ได้นั่งมอเตอร์ไซค์ผ่าเมืองกรุงเทพฯ เพื่อมาร้านอยากทำแต่ไม่อยากกิน (เพราะว่าปิดตัวลงไปแล้ว ตึ๋งโป๊ะ!) แต่เป็น Restaurant PATT หรือ PATT Bangkok ร้านอาหารไฟน์ไดนิง ร้านใหม่ล่าสุดของเชฟบิ๊กที่เพิ่งเปิดตัวแบบใหม่แกะกล่องเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งโลเกชันก็อยู่ข้างๆ ที่ตั้งของร้านเดิมนี่แหละ นั่นก็หมายความร้านแห่งนี้ตั้งอยู่บนโรงพิมพ์เก่าของคุณพ่อเชฟบิ๊กเหมือนกับร้านอยากทำแต่ไม่อยากกิน

เพียงแค่เราเปิดประตูเข้าไปในร้านก็พบกับเชฟบิ๊กที่ต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับพาเราขึ้นสู่ร้าน PATT ที่อยู่บนชั้น 3 เมื่อออกจากลิฟต์ เราก็ได้เห็นความหรูหราของร้านที่ให้ความรู้สึกแบบ Opera House สไตล์ยุโรป สมกับเป็นร้านไฟน์ไดนิงจริงๆ

“ดีนะครับที่มาวันนี้ เมื่อวานลูกค้าเยอะมาก ไม่งั้นวุ่นวายแน่ๆ” เชฟบิ๊กกล่าวกับเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับเสียงหัวเราะอันเป็นภาพจำของเขา

เป็นโชคดีของเราที่เชฟบิ๊กมีเวลาว่างมากพอก่อนจะเปิดร้านอย่างเป็นทางการ เพื่อพูดคุยถึงความเป็นมาเป็นไปของร้าน PATT ที่ผู้ชายคนนี้ยิ่งกว่าภูมิใจที่จะนำเสนอสู่โลกใบนี้

และนี่คือเรื่องราวของร้าน Restaurant PATT

Resturant PATT

ตัวตนของ PATT

เชฟบิ๊กเล่าให้เราฟังว่า ที่มาของชื่อร้าน อย่าง PATT มีเหตุผลมากถึง 4 ปัจจัย … ประการที่ 1 คือมาจากนามสกุล “พัฒนเสถียรกุล” สองคือมาจากอดีตชื่อโรงพิมพ์ อย่าง พัฒนา กราฟฟิค ปรินท์ ส่วนข้อสามมาจากคำว่า “Patt” โดยตรง ซึ่งเป็นชื่อเล่นของเชฟบิ๊กสมัยที่เขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และสุดท้ายเพื่อสื่อถึงคำว่า “พัฒนา” เพื่อสะท้อนปรัชญาการทำงานของเชฟบิ๊ก

นี่คือร้านอาหารร้านที่ 5 ของเชฟบิ๊ก และเป็นร้านสไตล์ไฟน์ไดนิงร้านแรกของเขา ที่นำเสนอผ่านรูปแบบ Contemporary French ผสมผสานกับลักษณ์พิเศษของอาหารไทยและจีนเอาไว้อย่างลงตัว ซึ่งร้านแห่งนี้ไม่ได้แตกต่างเฉพาะคอนเซ็ปต์ของร้านเพียงอย่างเดียว แต่เมนูทุกจานใน Restaurant PATT คือความสดใหม่ที่เชฟคนนี้ต้องการนำเสนอให้ลูกค้าทุกคน

Resturant PATT

“ตอนคิดจะทำร้าน PATT เราอยากทำในสไตล์ที่ถนัดคือฝรั่งเศสผสมผสานนี่แหละ แต่จะผสมอะไรละ? ผมเลยมองคอนเซ็ปต์การใส่ตัวเองลงไปในอาหาร ให้มันสะท้อนตัวเราออกมา

“ซึ่งรากเหง้าของผมก็คือไทย-จีน คือดูหน้าของผมสิ จีนขนาดนี้ เราใส่ความเป็นไทย-จีนลงมาเยอะนะ ลูกค้าเก่าบางคนถึงกับช็อกเลย เพราะผมดังมาจากการทำอาหารฝรั่งเศส อย่าง บีฟเวลลิงตัน สปาเกตตีโคตรปู มันบด ทั้ง 3 อย่างนี้ไม่มีเลยในร้านแห่งนี้

Resturant PATT

“มีการเสิร์ฟกระเพาะปลาเกิดขึ้น มีการเสิร์ฟข้าวเป็นเมนคอร์ส เป็นอะไรที่มากสำหรับเรา ลูกค้าบางคนช็อก เขาช็อกจริงๆ นะ แต่ว่านี่คืออาหารที่ผมมั่นใจว่าผมสนุกกับการทำ เพราะเราใส่ความเป็นตัวเองลงไปเลย ไม่ต้องยึดติดกับอะไรเดิมๆ

“จะให้ผมกลับไปใช้วิธีเดิมที่เราประสบความสำเร็จ ก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ ผมรู้สึกว่าเราต้องไปต่อ ถามว่าเอา 3 เมนูดังของผมมาเสิร์ฟขายได้ไหม? ขายได้อยู่แล้ว เอามาอยู่ในร้านที่หรูหราแบบนี้คงขายดียิ่งกว่าเดิม แต่ผมไม่อยากทำ

“ผมอยากทำในสิ่งที่ภาพผมตอนเป็นเด็กอายุ 18 เคยวาดฝันเอาไว้ อยากทำให้เหมือนเราเป็นเด็กอายุ 18 คนนั้น เด็กคนนั้นอยากทำอะไร ผมทำ

 

Resturant PATT

“ผมมองว่าเวลาเชฟอยากทำร้านแฟลกชิปของตัวเอง ต้องทำอาหารที่เราอยากกินตลอดเวลา กินได้ทุกวัน มีความสุขกับการกิน อย่างตอนเด็กผมชอบกินกระเพาะปลา เราก็เอามาทำ หรืออย่างที่ร้านนี้ก็มีเสิร์ฟไก่นะครับ ทั้งที่คนมากินร้านแบบนี้ เขาเกลียดมากนะเสิร์ฟไก่ จ่ายเงินตั้งแพง ได้มากินไก่ บางคนไม่อยากกิน แต่เรากล้าเสิร์ฟ

“สุดท้ายก็ต้องหาบาลานซ์ เอาอาหารที่เราชอบกินตอนเด็กมาผสมกับความรู้ที่มี แต่เพราะแบบนี้ผมถึงได้เรียกว่า ความฝันของผมสำเร็จแล้ว นี่คือสไตล์ที่ผมอยากทำมากที่สุด

“จากฝันกลางวันของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว”

Resturant PATT

จาก PATT สู่ PATT

ฟังเชฟบิ๊กเล่าไปเล่ามา ก็เริ่มอยากชิมอาหารของร้าน PATT แล้วว่าจะมอบประสบการณ์แบบไหนให้เรา แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น คำว่า “ฝันที่เป็นจริง” ของเชฟบิ๊กทำให้ผู้เขียนต้องถามเขาเพิ่มเติมว่า ฝันที่เป็นจริงของเขาคือต้องเปิดร้านไฟน์ไดนิงแห่งแรกของตัวเอง ในโรงพิมพ์เก่าของคุณพ่อเท่านั้นหรือเปล่า และคำตอบของก็คือ “ใช่”

“ผมมองว่าโลเกชันร้านไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองเสมอไป เราก็อยากสร้างความแตกต่างด้วย ให้เป็นเหมือนจุดขายของเรา คือผมอยู่ที่นี่แล้วมีความสุข ผมไม่ได้อยากไปอยู่ที่อื่น และอย่างที่ผมบอก ผมอยากใส่ความเป็นตัวเองลงไปในร้านนี้ เรื่องของธีม เรื่องของโลเกชันก็สำคัญเหมือนกัน ซึ่งย่านแห่งนี้ก็คือธีมของร้านเรา

Resturant PATT

“โอเค ร้านอาจจะไม่ได้อยู่ไกลอะไรขนาดนั้น แต่ก็มีคำถามว่า ทำไมลูกค้าต้องเดินทางมาจากสุขุมวิท ทำไมต้องมาจากสาทร ทั้งที่ถ้าร้านอยู่ในเมืองสะดวกกว่าเยอะ ทำไมต้องออกมาไกล ในย่านโรงพิมพ์ ย่านโรงงาน แบบนี้? มันคือโจทย์ที่ผมตั้งไว้นะ ซึ่งเราต้องตอบลูกค้าให้ได้

“แต่ที่ผมทำเพราะเวลาลูกค้าเดินทางมา เขาจะเข้าใจว่า ทำไมร้านถึงอยู่ที่นี่ เขาเดินทางเข้ามา เขาเห็นชุมชน มาถึงเขาเห็นโรงพิมพ์ เดินเข้ามาเจอโรงพิมพ์เก่าของคุณพ่อ ได้เห็นความเป็นมาของคนรุ่นแรกว่า ตัวผมเกิดขึ้นมาได้ยังไง เพราะพวกท่านเริ่มจากศูนย์

“พอลูกค้าขึ้นลิฟต์มาชั้น 3 ก็จะได้เจอร้าน PATT ซึ่งเราก็ใช้เงินของตัวเองทุกบาททุกสตางค์เหมือนกัน แต่อันนี้เป็นรุ่นที่ 2 ก็ยังเป็นการสานต่อธุรกิจครอบครัวอยู่ แต่เป็นในแบบของคนหัวสมัยใหม่”

Resturant PATT

อิทธิพลของครอบครัวมีผลอย่างมากกับการกำเนิดของร้านอาหารแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม หากใครติดตามเรื่องราวชีวิตของเชฟคนนี้ คงพอทราบดีว่า ในตอนแรกครอบครัวไม่ได้สนับสนุนให้บิ๊กเดินเส้นทางสายเชฟเลย จนเราอดถามไม่ได้ว่า ในวันที่เขาเปลี่ยนโรงงานเก่าของคุณพ่อกลายเป็นร้านอาหารสุดหรูขนาดนี้ คุณพ่อของเชฟบิ๊กรู้สึกอย่างไรบ้าง?

“คุณพ่อผมร้องไห้เลย” เชฟบิ๊กกล่าว “เป็นครั้งแรกครั้งเดียวในชีวิตที่ผมเห็นคุณพ่อร้องไห้ สำหรับผมร้าน PATT ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะทำให้คุณพ่อได้เห็นว่า เราต่อยอดธุรกิจของเขาได้ในแบบของเรา ผมทำให้พ่อคิดผิดได้ เรารวยได้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติได้ ไม่เหมือนกับยุคก่อน สำหรับผมนี่คือความสำเร็จที่สุดในชีวิต

Resturant PATT

“ที่สำคัญคือธีมของร้าน PATT คือโรงพิมพ์ Interior Design ทุกอย่างมาจากโรงพิมพ์ มันคือการสานต่อมรดกของคุณพ่อ คือพ่อผมเริ่มจากศูนย์เลย อากงอาม่าเป็นคนจีนไม่มีเงิน คุณพ่อผมมาทำโรงพิมพ์กู้เงินไป 300,000 บาท เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มันเยอะมาก เป็นหนี้ เคยโดนคนมาขู่ฆ่า โดนปืนจ่อหัว แต่พ่อผมสู้มาตลอด คือใช้ทั้งชีวิตสู้มากว่าจะจุดติด

“พอร้านนี้สร้างเสร็จ พ่อผมก็เข้าใจว่า ทำไมร้านนี้ต้องชื่อ PATT ทำไมต้องตั้งอยู่ที่นี่ ทำไมต้องใช้ธีมโรงพิมพ์ เพราะผมอยากให้มรดกของพ่อผมเป็นส่วนหนึ่งของร้านนี้

“ทำให้ผมรู้สึกว่าเราเป็นลูกที่ดี ผมเป็นลูกที่กตัญญู รักครอบครัว สานต่อกิจการครอบครัวได้ในแบบของผมเอง และยังไม่ทิ้งความฝันตั้งแต่แรกที่เราทํามาในชีวิตกับการเป็นเชฟ พอร้านนี้สร้างเสร็จ ก็สำเร็จไปแล้ว”

Resturant PATT

ความฝันราคา 20 ล้าน

แม้ว่าจะประสบความสำเร็จตั้งแต่สร้างเสร็จ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ Restaurant PATT ถูกสร้างขึ้นมา เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของร้านแห่งนี้ คือการก้าวเดินล่าดาวมิชลิน ซึ่งเป็นความฝันตลอดทั้งชีวิตของเชฟบิ๊ก

ดาวมิชลินไม่ใช่สิ่งไกลตัวผู้ชายคนนี้ เขาเคยผ่านการทำงานในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มาก่อน แม้ว่ามันจะต้องทำให้เขาเจอความลำบากหลายอย่างในชีวิต แต่เมื่อเวลาผันผ่านมาถึงปัจจุบัน ประสบการณ์ความยากลำบากต่างๆ มีแต่จะปลุกไฟของเชฟคนนี้ที่อยากจะคว้าดาวที่เขาใฝ่ฝันมาครองให้ได้

Resturant PATT

“ตอนทำงานร้านมิชลินสตาร์ เป็นเด็กก้นครัว ผมเคยมีเพื่อนที่ร่วมสู้ไปกับผม เขาเป็นคนเลบานอน นั่งอยู่บนม้านั่งรอรถเมล์ตอนตี 2 ที่สวิตเซอร์แลนด์ รอตั้งนาน รถก็ไม่มาสักที หนาวมาก เพื่อนคนเลบานอนก็หันมาหาผมบอกว่า ‘เขาถอดใจแล้ว ไม่ไหวแล้ว’ เราบอกเขาว่า ‘ไม่ไปด้วยนะ’ เขาก็ตกใจ แต่ผมสู้มาทั้งชีวิตเพื่อจะปีนภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ให้ได้ มันคือเป้าหมายของผม

“ดาวมิชลินมีความหมายมากกับตัวผม คือผมก็ภูมิใจในตัวเองนะ เราเริ่มต้นจากการล้างหม้อล้างจานมาก่อน เป็นแค่เด็กก้นครัว เพราะฉะนั้น ร้าน PATT ผมเปิดขึ้นมาเพื่อล่าดาว คือผมไม่รู้นะว่า จะใช้เวลานานขนาดไหน จะอีกกี่ปีอีกกี่ชาติก็ไม่รู้ แต่ผมเป็นคนแบบนี้ ถ้ามีเป้าหมายจะหาทางทำมันให้ได้”

Resturant PATT

เพื่อความฝันนี้ เชฟบิ๊กเปิดเผยกับเราว่า เขาลงทุนกับร้าน PATT ไปถึง 20 ล้าน ร่วมกับพี่ชายตัวเอง ซึ่งเยอะกว่าที่เขาวางแผนไว้ถึง 2 เท่า แต่แม้จะลงทุนมากขนาดนี้ ตลอดเวลาที่พูดคุยกับผู้ชายคนนี้ ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่เขารู้สึกเสียดายเงินที่เสียไป ในทางตรงกันข้ามมีแต่แววตาความภาคภูมิใจที่แสดงออกมา

“ผมไม่ได้ all in ทุ่มจนหมดหน้าตักนะครับ บอกไว้ก่อน เดี๋ยวคนเข้าใจผิด” เชฟบิ๊กกล่าวติดตลก “มันคือความฝัน เราดีใจด้วยตรงที่เราไม่ได้ไปกู้ธนาคารมา แต่เป็นเงินเก็บที่ผมกับพี่ช่วยกันลงทุน สิ่งที่ผมภูมิใจที่สุดคือร้านนี้เป็นร้านของเราเอง 100% แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ

Resturant PATT

“ร้านนี้เหมือนจุดเช็กพอยต์ของความฝันครับ เหมือนเป็นการติ๊กถูกว่าความฝันนี้เราได้ทำแล้วนะ ซึ่งความฝันของผมก็คือการเปิดร้านล่าดาวมิชลิน และผมอยู่กับมันมาตั้งแต่อิฐก้อนแรกถูกวาง จนวันนี้กลายเป็นความจริง ซึ่งมันสวยกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้อีกนะ

“ถ้าย้อนไปสัก 5 ปีที่แล้วนะ ผมแค่จะหาเงินไปนวด 300 บาท ยังไม่มีเลยนะ คนอ่านอาจจะคิดว่าผมเวอร์ แต่นี่คือเรื่องจริง ผมเคยนอนร้องไห้ทุกวันว่า สุดท้ายผมก็เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้เหรอ ที่สุดท้ายชีวิตเราก็ต้องล้มเหลวเหมือนกับที่พ่อคิดไว้ สมแล้วที่เขาไม่สนับสนุนตั้งแต่แรก ตอนนั้นไม่มีอะไรมาบอกผมเลยว่า ฝันของผมจะเป็นจริงได้

“แต่ผมสู้นะ ต่อให้มันเป็นฝันกลางวัน ผมก็สู้อย่างจริงจัง ไม่ย่อท้อ แล้วมันสามารถทำได้จริง ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไงเลย”

Resturant PATT

Patt’s Experience

คุยกับเชฟบิ๊กเพลินๆ ก็ถึงเวลาใกล้เปิดร้าน ทำให้เชฟบิ๊กต้องขอตัวไปเตรียมครัวเพื่อรอต้อนรับลูกค้าที่กำลังจะมาถึงในช่วงเย็น พร้อมกับเชิญให้เราไปนั่งรอที่โต๊ะเพื่อชิมรสชาติอาหารที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวแบบที่เชฟบิ๊กตั้งใจนำเสนอให้ลูกค้าทุกคน

ระหว่างรอเราได้มีเวลาสำรวจร้านเล็กน้อย ทำให้ได้เห็นอะไรหลายอย่างผ่านสถาปัตยกรรมภายในร้านที่ผสมผสานเครื่องราวของอาหารและโรงพิมพ์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรที่เรียงรายอยู่บนฝาผนัง ประตูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากห้องพิมพ์ห้องแรกของโลกที่ไฮเดลเบิร์ก ม้วนกระดาษที่นำมาตกแต่งและประกอบไปด้วยคำอวยพรจากคุณพ่อ ภาพวาดที่ใช้น้ำส้มสายชู ซีอิ๊ว และเกลือในการสร้างสรรค์ และสิ่งต่างๆ มากมาย จนเรียกได้ว่า ทุกคนที่เข้ามาในร้านอาหารแห่งนี้ จะสัมผัสได้ถึงตัวตนของโรงพิมพ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้หายไปไหนแน่นอน

Resturant PATT

นอกจากนี้ เชฟบิ๊กยังเปิดเผยว่า ทุกอย่างในร้านนี้เป็น custom ที่ทำใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การออกแบบครัว ซึ่งเปิดให้ลูกค้าทุกคนสามารถเห็นการทำงานของเชฟบิ๊กและทีมงานเชฟทุกคนได้อย่างชัดเจน ไปจนถึงโต๊ะเก้าอี้ แม้กระทั่งหม้อก็ยังทำขึ้นใหม่เพื่อใช้งานที่นี่โดยเฉพาะ

สำรวจร้านกันพอสมควรก็ได้ฤกษ์นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอชิมอาหารจากเชฟบิ๊กและทีมงานเชฟของร้าน PATT ซึ่งที่นี่มี Testing Menu ให้เลือก 2 แบบ คือ Best of Patt จะมี 6 Courses (3,468++ บาท) และ Patt’s Experience จะมี 8 Courses (4,468++ บาท) ซึ่งวันนี้เราได้โอกาสชิมเป็น Patt’s Experience เรียกว่าจัดเต็มถึงประสบการณ์ขั้นสุดที่เชฟบิ๊กพร้อมนำเสนอ แถมมี Juice Pairing จากทางร้านมายกระดับความอร่อยด้วย (รวมถึงยังมี Wine Pairing ด้วยนะ สามารถเลือกได้ตามที่ชอบเลย)

Resturant PATT

Resturant PATT

Resturant PATT

รออาหารเพียงไม่นาน เราก็เริ่มต้นกันด้วย Canape ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Filo Pastry Cone ซึ่งภายในใส่เนื้อกรรเชียงปู ปรุงด้วยมะนาวเล็กน้อย มีถั่วตัดและไอศกรีมสับปะรด โรยด้วยคริสปีใบชะพลู ตามด้วย ผัดโหงวก้วย ที่ทำจากตับไก่ใส่เครื่องเทศของแกงปลาอินเดีย และผัดกับเครื่องโหงวก้วย สุดท้ายเป็น Ceasar Salad สไตล์พิเศษของเชฟบิ๊ก ที่ใช้ผักคอส ปลาอินทรีเค็ม ด้านบนเป็นหนังไก่กรอบและชีสฝอย ซึ่งเราได้รับคำแนะนำ ให้กินเรียงกันไปจากเมนูแรกมาถึงเมนุสุดท้ายตามที่เราเขียนเลย ซึ่งก็ให้รสชาติที่แตกต่างกันออกไปอย่างดี

ก่อนจะเข้าเมนูหลักจากแรกเราได้รับ Juice Pairing แก้วแรกเป็นน้ำแตงโมผสมมะเขือเทศ และข้าวหอมมะลิ แม้ปกติผู้เขียนจะไม่ชอบทั้งน้ำแตงโมและน้ำมะเขือเทศ ยังต้องบอกเลยว่าอร่อยมากจริงๆ รสชาติของน้ำแตงโมที่หวานหอมอร่อย และบอดี้ของมะเขือเทศที่เข้มข้น บวกกับกลิ่นหอมของข้าว มอบความสดชื่นก่อนกินอาหารได้ดีมากจริงๆ (ถ้ามีขายแถวบ้านจะซื้อดื่มทุกวันแน่นอน ฮือๆ)

Resturant PATT

Resturant PATT

สำหรับอาหารจานแรกจะมีให้เลือก 1 จาก 3 เมนู ระหว่าง สปาเกตตีที่นำเส้นพาสตามาคั่วกับ seaweed ทำเอง ท็อปด้วยเนื้อ Tartare และคาเวียร์ หรือกุ้งแชบ๊วย ซึ่งได้นำเปลือกกุ้งมาทำเป็นเจลลีเป็นฐานล่างสุด มีคาเวียร์เข้ามาประกอบเช่นเดิม พร้อมกับมีไอศกรีมเชอร์เบ็ตมะนาวอยู่ตรงกลางและราดด้วยซอส ส่วนอีกจานคือปลาดิบที่ได้แรงบันดาลใจจากปลาดิบจีนหรือฮือแซ ซึ่งก็จะได้กินปลาดิบชิมะอาจิ มาพร้อมกับแผ่นงา ซึ่งเป็นสไตล์การกินแบบปลาดิบจีนโบราณ (คนจีนโบราณกินปลาดิบคลุกงา) ราดน้ำส้มซ่า ถือเป็นความอร่อย 3 แบบ 3 สไตล์ไปเลย

Resturant PATT

จานแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาถึงจานที่ 2 เรามาแวะกับ Juice Pairing อีกครั้ง คราวนี้เป็น น้ำฝรั่งผสมชาอู่หลง หวานอร่อยสดชื่นเหมือนเดิม เป็นแก้วที่เปิดทางเมนูเด็ดอย่างกระเพาะปลาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูโปรดในวัยเด็กของเชฟบิ๊ก โดยกระเพาะปลาจะเป็นกระเพาะปลาที่ผ่านการตุ๋นมาอย่างดี แม้ว่าชิ้นจะดูใหญ่ แต่ตัดขาดได้อย่างง่ายดาย แถมนุ่มอร่อยจนแทบจะละลายในปาก (สำหรับผู้เขียนนี่คือกระเพาะปลาที่อร่อยที่สุดที่เคยกินในชีวิต) มาพร้อมกับไข่ตุ๋นที่ตุ๋นกับครีมและไข่แดงสไตล์ฝรั่งเศส รองด้วยเนื้อหอยเชลล์ หอยหวาน และปลาหมึก ที่ทำให้มีรสสัมผัสเหมือนไข่ตุ๋น ท็อปด้วยคาเวียร์ จานนี้ถือเป็นทีเด็ดในใจผู้เขียนจริงๆ

Resturant PATT

ก่อนจะไปต่อกับจานที่ 3 เราได้ชิม Juice Pairing อีกแก้ว เป็นน้ำแอปเปิลผสมใบเตย ซึ่งได้รสชาติน้ำแอปเปิลดีเยี่ยม เปิดทางให้กับหอยเป๋าฮื้อรมควันที่รองด้วยถั่วลันเตาสดจากเขาค้อ เพชรบูรณ์ ราดด้วยซอส Buerre Blanc แบบพิเศษ เพราะปั่นผักแขยงเข้าไปด้วย

Resturant PATT

ไปต่อกันที่จานที่ 4 ซึ่งจานนี้เป็นจานที่ดัดแปลงจากอีกหนึ่งเมนูในวัยเด็กของเชฟบิ๊กอย่าง “แตงโมปลากรอบ” ที่เอามาปรับโฉมใหม่เป็นปลากะพงสามน้ำจากสงขลา เซียร์จนหนังกรอบเนื้อนุ่มสุดอร่อย แน่นอนต้องเสิร์ฟมากับแตงโมกรอบที่ทำให้เรานึกถึงรสชาติของแตงโมปลากรอบได้ในคำเดียว แถมเสิร์ฟมากับน้ำสต๊อกบูยองแกงเหลือง ได้รสชาติอาหารแบบไทยๆ ที่ยกระดับสู่เวทีสากลแบบแท้จริง

Resturant PATT

Resturant PATT

ต่อไปในจานที่ 5 จะมีสองเมนูให้ลูกค้าได้เลือกสรร จานแรกเป็นเป็ดย่าง Dry Aged ที่นำมา roast & smoke เสิร์ฟมาพร้อมกับน่องเป็ดที่ทำเป็นถุงทอง ราดซอสมะแขว่น ขณะที่อีกจานจะเป็นเนื้อวากิว A5 ส่วนสันนอก เสิร์ฟพร้อมราวิโอลีที่ไส้ในเป็นเนื้อตุ๋นไวน์แดง ราดด้วยซอสใบกะเพรา ซึ่งสายเนื้อแบบผู้เขียนต้องบอกว่า ไม่มีผิดหวังจริงๆ สำหรับจานนี้

Resturant PATT

Resturant PATT

Resturant PATT

หลังจากนั้นเราจึงได้ชิม Pairing Juice แก้วที่ 4 เป็นน้ำสับปะรดผสมด้วยขิงและผักชี ซึ่งรสชาติของสับปะรดมาแรงแบบจัดหนักจัดเต็มมากๆ เรียกว่าถึงใจคนชอบสับปะรดจริงๆ ก่อนจะเดินทางสู่พรีเมนคอร์สที่มาแบบสวยสดงดงามกับก้อนพายขนาดใหญ่ ก่อนจะตัดให้เราดูได้เห็นถึงเนื้อในเป็นพายไก่เบบี้ชิกเกนอายุประมาณ 40 วัน กับเนื้อส่วนอกรูปทรงสวยงาม มาพร้อมกับความสุกกำลังดี แทรกด้วยเห็ดและผักโขม ราดซอสน้ำสต๊อกจากโครงไก่ เสิร์ฟมาพร้อมกับน่องไก่หมักตะไคร้และลูกผักชีปรุงรสย่างถ่าน แถมยังมีซุปไก่รสชาติเยี่ยมเสิร์ฟมาคู่กันอีกด้วย เรียกว่าเป็นเมนูที่เราได้รสชาติของไก่แบบครบเครื่องในหลากหลายรูปแบบ แถมแป้งพายถือว่ากรอบอร่อยมากๆ สมกับเป็นเมนูปูทางเข้าสู่จานหลักจริงๆ

Resturant PATT

และแล้วเราก็มาถึงเมนคอร์ส (นี่ก็อิ่มแทบแย่แล้ว) กับข้าวอบปูไข่ในสไตล์ของเชฟบิ๊ก ซึ่งมาเป็นข้าวอบหม้อดินสิงคโปร์ เสิร์ฟพร้อมกับปูไข่นึ่งแกะเปลือกด้วยความร้อนสูงที่ทำให้สุกแต่ยังดูเหมือนดิบ ให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มกำลังดี ไม่แข็งและไม่เละจนเกินไป ผัดไปกับเครื่องปาเอญา (Paella) แบบข้าวผัดสเปน ราดด้วยน้ำสต๊อกปูอีกที ทำให้ได้รสชาติปูแบบเข้มข้น ยิ่งกินกับข้าวผัดแสนอร่อยแล้ว ต้องบอกว่าได้รสชาติมันๆ แบบปูถึงใจจริงๆ

Resturant PATT

Resturant PATT

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดเป็นของหวานที่มีให้เลือก 2 จาน จานแรกเป็นไอศกรีมขิง เสิร์ฟมาพร้อมกับซูเฟลสับปะรดภูแลแบบครีมมี่ๆ ขณะที่อีกจานเอาใจคนรักช็อกโกแลตด้วย Chocolate Feuilletine โดยมีแป้งกรอบทำจากทองม้วน สอดไส้ด้วยช็อกโกแลตแสนอร่อย ราดด้วยสวิสช็อกโกแลตซอส เสิร์ฟพร้อมกล้วยที่ทำออกมาในรูปแบบหลากหลาย และทีเด็ดคือไอศกรีมที่อร่อยติดใจผู้เขียนเป็นอย่างมาก

นี่คือทั้ง 8 เมนูของ Patt’s Experience แต่ร้าน PATT ก็ยังมีของดีของเด็ดนำเสนอปิดท้ายด้วยขนมหวาน 5 ชิ้น ที่มาพร้อมกิมมิกเด็ดเป็นแผ่นผับตั้งได้ เป็นรูปของครอบครัวพัฒนเสถียรกุลที่บอกเล่าเรื่องราวจากคนรุ่นก่อนกับธุรกิจโรงพิมพ์ กับการนำเสนอสู่คนรุ่นใหม่ที่เป็นเชฟและผลักดันธุรกิจร้านอาหาร ยิ่งตอกย้ำตัวตนและจุดเด่นของร้านอาหารแห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

Resturant PATT

ประสบการณ์แบบ PATT ของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว เราเริ่มนั่งลงตั้งแต่ช่วง 6 โมงเย็น นั่งกินอาหารเพลินๆ กินของหวานไปมา รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านพ้นไปเกือบ 3 ทุ่ม ถือเป็นการใช้เวลากับมื้ออาหารอย่างคุ้มค่า และตลอดระยะเวลา เราไม่เพียงได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ แต่ยังได้ดูการทำงานของเชฟบิ๊กและทีมงานเชฟมืออาชีพรังสรรค์เมนูต่างๆ และไม่ใช่แค่ลูกค้าที่ได้เห็นการทำงานของทีมเชฟ แต่ผู้เขียนก็เห็นชัดเจนว่า เชฟบิ๊กเองก็คอยสอดส่องดูแลลูกค้าอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

เมื่อถึงคราวที่จะต้องอำลา เชฟบิ๊กก็เดินออกจากครัวมาส่งเราอย่างเป็นกันเอง เหมือนกับลูกค้าคนอื่นในวันนั้น สมกับคำกล่าวของเชฟบิ๊กที่บอกว่า วันนี้ดูแลได้อย่างเต็มที่แน่นอนจริงๆ

ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีของทีมงาน ONCE ที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศมื้ออาหารดีๆ ที่ Restaurant PATT หรือ PATT Bangkok แห่งนี้ หากใครอยากมาตามรอย และลองมาชิมอาหารรสชาติเด็ดของเชฟบิ๊กกับเมนูใหม่ที่คุณจะไม่เคยได้กินจากร้านอื่นของเขามาก่อน ก็มาตามรอยและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมกับข้อมูลด้านล่างได้เลย

Restaurant Patt (Patt Bangkok)
Open Hours: 12.00 – 14.00 (เปิดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และ 18.00 – 22.00 (วันอังคารถึงวันอาทิตย์)
Website: https://restaurantpatt.com/
Facebook: Patt Bangkok
Instagram: patt.bangkok

Tags: