- เพราะอยากกลับมาแก่และตายที่บ้านเกิด ทำให้นักเขียนนามปากกาอย่าง ‘เล็ก ใบเมี่ยง’ หรือชื่อจริง ‘อัศวิน คงศุภมานนท์’ เกิดภาพฝันใหม่ที่ยิ่งใหญ่คือการทำ ‘สะหวันสำราญ’ บูทีคโฮเต็ลสไตล์โคโลเนียลติดริมแม่น้ำโขงในมุกดาหาร พ่วงด้วยความตั้งใจจะเติมความสุนทรี ปลุกความเป็นเมือง ดึงศักยภาพเรียกผู้คนให้เข้ามาเที่ยว มาสัมผัสความเป็นมุกดาหาร
- บูทีคโฮเต็ลมาพร้อมสโลแกน ‘Where Good Old Days Meet Romance’ หรือที่เล็กนิยามในภาษาไทยว่า “สถานที่ซึ่งความโรแมนติกของสายน้ำ แกล้มด้วยความงามของวันวาน” กับคอนเซปต์ที่เขามักพูดอยู่เสมอว่า คือการ ‘คารวะอดีต’ ของเขาเองทั้งหมด
‘มุกดาหาร’ เขาว่าเป็นเมืองธรรมดาที่ถูกลืม ผู้คนชอบขับรถผ่าน แต่ขณะเดียวกัน คนเมืองมุกกลับบอกว่า ความธรรมดานี่ล่ะที่ทำให้มุกดาหารเป็นเมืองพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
ทั้งอากาศสะอาดบริสุทธิ์ วิวแม่น้ำโขงช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและกำลังตก ผิวน้ำที่กระทบกับแสง สวยจนชวนฝันนี่ล่ะ ทำให้คนเมืองมุกได้ใกล้ชิดกับสุนทรียะแห่งธรรมชาติ
“ผมเลยอยากเติมความสุนทรีเพื่อปลุกเมืองให้คนได้รู้ว่ามุกดาหารมีเสน่ห์อย่างไร” อุดมการณ์ที่มีมาแต่ต้นของ เล็ก ใบเมี่ยง ทำให้วันนี้เราถึงกลับหยุดรถ เพื่อเช็กอินที่บูทีคโฮเต็ลของเขาทันที
คารวะอดีต
ตั้งแต่ด้านหน้าของโรงแรม จะพบป้ายชื่อเหนือจักรยานทรงคลาสสิกกำกับ ‘สะหวันสำราญ’ เกิดจากการผสมคำระหว่าง ‘สะหวันนะเขต’ ชื่อเมืองของประเทศลาว และ ‘สำราญชายโขง’ ชื่อถนนที่ตั้งของบูทีคโฮเต็ลแห่งนี้ อีกนัยหนึ่งถือเป็นการพรีเซนต์ไปคร่าวๆ ว่า เจ้าของเกิดที่เมืองมุก เติบโตที่สะหวันนะเขต ฝั่งตรงข้ามมุกดาหารที่เพียงนั่งเรือข้ามแม่น้ำ ก็ใช้เวลาไม่นาน
เล็ก ใบเมี่ยงที่เรารู้จัก นอกจากจะเป็นสถาปนิก (ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นสถาปนึกจะเหมาะกว่า) เป็นนักเขียนเจ้าของหนังสือ ‘ฮอยอันหวานเย็น’ และ ‘โรงรูปเงา’ เขายังเป็นนักฝันที่ใช้หัวใจก้าวตามความรัก “นักอ่านอยากมีหนังสือของตัวเองสักเล่ม นักดื่มก็อยากมีร้านเหล้าเป็นของตัวเอง นักเดินทางก็อยากมีโรงแรมเป็นของตัวเอง ผมทำมาหมดแล้ว ทั้งร้านเสื้อผ้าและร้านอาหารที่กรุงเทพฯ มากว่า 10 ปี เขียนหนังสือก็แล้ว เหลืออย่างเดียวคือการทำบูทีคโฮเต็ลที่มุกดาหาร”
การทำโรงแรมคงไม่ใช่ภาพฝันครั้งสุดท้าย แต่เป็นการตัดสินใจในท้ายที่สุดแล้วว่า “ผมอยากกลับไปแก่และตายที่ริมแม่น้ำโขงเมืองมุกดาหาร”
หลังบอกภรรยาไปอย่างนั้นก็ถึงเวลารวบรวมรายได้ที่มี ทยอยขายของเก่าที่สะสม เพื่อลงทุนกับความฝันใหม่ แม้คนรอบข้างอาจไม่เห็นด้วย “ตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจผมหรอก แต่ผมร่างโครงสร้างภาพฝันในหัวไว้ชัดเจนแล้ว คงต้องทำให้เห็นก่อน”
ก่อสร้างที่ดินเปล่าให้กลายเป็นตึกเก่าทรงโคโลเนียลที่ดูเหมือนถูกรีโนเวตใหม่ เพราะแต่ก่อนประเทศลาวเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ทำให้เล็กเติบโตมากับสถาปัตยกรรมโคโลเนียลจนถึงขั้นหลงใหล “เวลาเดินทางแล้วเห็นโคโลเนียล หัวใจเต้นแรงทุกที”
อีกทั้งบ้านในสะหวันนะเขตยังขนาบข้างด้วยโรงหนัง 2 โรงใหญ่ อีกผลพ่วงกำไรที่ทำให้ได้ซึมซับการดูหนัง ฟังเพลง และแฟชั่นเข้ามาด้วย ‘สะหวันสำราญ’ แห่งนี้คงเรียกได้ว่า เป็นบูทีคโฮเต็ลที่คารวะอดีตความชอบของเขาไว้ทั้งหมด
หลังสร้างสะหวันสำราญเสร็จสมบูรณ์ เล็กและครอบครัวก็พากันกลับบ้านมาดูแลบูทีคโฮเต็ลแห่งนี้ด้วยกัน “มันเป็นเหมือนระบบครอบครัวที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและได้อยู่ใกล้กัน” ส่วนการมีบ้านในที่ทำงาน เขาว่าลดเวลาเดินทาง และคงมีเวลามากขึ้นที่จะออกไปวิ่งริมแม่น้ำในช่วงเช้า
5 ห้อง 5 สไตล์
ห้องพักของที่นี่เป็นการมัดรวมความชอบของ เล็ก ใบเมี่ยง ออกมาเป็น 5 ห้อง 5 สไตล์ในอารมณ์ที่แตกต่างกันไป
เริ่มตั้งแต่หนังเรื่องโปรด The Bridges Of Madison Country โดยเฉพาะฉากห้องครัวที่พระนางเต้นรำในค่ำคืน กลายเป็นต้นแบบการตกแต่งห้องพักห้องแรกในชื่อ ‘French Colonial’ เล็กกวาดหาวอลเปเปอร์ให้เหมือนกับผนังในฉากห้องครัว เสริมด้วยการเติมเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคให้ได้ไวบ์ที่ตรงกับยุคสมัยเดียวกันกับหนัง
ห้องที่สอง ‘The Keeper Of Life’ ตกแต่งโดย จิรศักดิ์ ทองหยวก อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Room เราชอบผนังอิฐสีเขียวตัดกับสีขาวและเพิ่มการตกแต่งด้วยการแขวนภาพถ่ายตึกโคโลเนียล โทรทัศน์ขาวดำรุ่นเก่า โต๊ะเก็บแผ่นเสียงที่มีเครื่องเล่นแผ่นด้านบน ห้องนี้เป็นห้องที่เรามองว่า รับวิวแม่น้ำโขงในมุมที่ดีมาก ยิ่งช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้น เปิดประตูระเบียงไปนั่งชมคงจะเป็นฟิลรับแสงแรกของเช้าวันนั้นได้ดีทีเดียว
‘Good Old Days’ เป็นห้องที่สาม โทนห้องสีส้ม-แดง ซึ่งเล็กหยิบบรรยากาศภาพยนตร์ของหว่อง กาไว มาไว้ที่ห้อง จนเหมือนได้เข้าไปนั่งอยู่ในซีนไหนสักซีนยังไงยังงั้นเลย
ห้องที่สี่ ‘Sumroeng’ ผนังปูนเปลือยแขวนภาพวาดรถวินเทจ เฟอร์นิเจอร์สีดำ ที่ว่าเก๋คงเป็นตู้เสื้อผ้าโครงเหล็กซี่สุดเท่ และหัวรถโฟล์คบนหัวเตียงที่ยื่นออกมา กลายเป็นจุดเรียกสายตาไปโดยปริยาย ฝีมือการตกแต่งโดยดีไซเนอร์ กานต์ บุญทริก นั่นเอง
และห้องสุดท้าย ‘Vintage Emotion’ เป็นห้องเดียวที่ไม่เห็นวิวแม่น้ำโขง แต่ใช่ว่าจะลดทอนความงาม เพราะผนังห้องทาสีขาวลายถลอก พื้นไม้สีน้ำตาลสุดคลาสสิกก็พาให้เราหวนย้อนเวลากลับสู่อดีตจนลืมชั่วยามปัจจุบันไปเลย
ชีวิตชาวมุก
บริเวณชั้นล่างของสะหวันสำราญ คือร้านอาหารเวียดนามจากก้นครัวแม่ยายของเล็ก ข้างๆ กันยังวางสินค้าที่ระลึก หนังสือ แบรนด์เสื้อผ้าของเขาให้ได้เลือกซื้อกลับบ้าน การตกแต่งร้านดึงอารมณ์ชวนกลับไปหาอดีต ทั้งเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจ ของสะสมเก่า โปสเตอร์เพลงเก่าที่คนรุ่นเราอาจเกิดไม่ทันได้เห็น แต่เป็นความทรงจำวัยเด็กที่เขาจำได้ดี ส่วนข้างๆ กันคือ So Bar บาร์ไวนิลค็อกเทลของกาย ลูกชายคนเดียวของเล็กที่เป็นทั้งเจ้าของบาร์ อินทีเรียร์และบาร์เทนเดอร์คอยเสิร์ฟเมนูคลาสสิกค็อกเทลแต่มากด้วยคอนเซ็ปต์
แต่ไฮไลต์ที่อยากเล่าคือ พื้นที่ร้านอาหารซึ่งทอดยาวไปถึงระเบียงทางเดิน ทำให้มองเห็นวิวแม่น้ำโขงได้ใกล้มาก หากนั่งไปเพลินๆ จะพบผู้คนออกมาวิ่งรับแสงอรุณแรกของวัน เดินเล่นรับลมเย็น นั่งอ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อรอชมสุนทรียะช่วงพระอาทิตย์ตก ทันศนียภาพแบบนั้นสะท้อนวิถีคนมุกดาหารได้ดีเลย นี่สินะ ชีวิตปกติที่สวยงามอย่างที่คนเมืองมุกเขาว่ากัน
แม้เราจะเจอกับเล็กเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่หัวใจของเล็ก ใบเมี่ยง ได้บอกเราตั้งแต่วินาทีแรกเลยว่า ทุกความชอบและความฝันไม่มีคำว่าไร้สาระ ความเชื่อในตัวเราเท่านั้นคือพลังที่จะเข้ามาเติมภาพฝันให้กลายเป็นจริงได้
ถ้าใครได้มาสะหวันสำราญ และถ้าได้เจอะเจอกับเล็ก ฝากบอกเขาด้วยนะ ว่าสักวันเราจะกลับไปสัมผัสเสน่ห์ของที่นี่อีกครั้ง
สะหวันสำราญ
ที่ตั้ง : 199 ถนนสำราญชายโขงใต้ ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร
เบอร์โทรศัพท์ : 092-632-669
Facebook : Savan Sumran สะหวันสำราญ