About
Leisure

Vacilando

Vacilando Bookshop ร้านหนังสือที่ตั้งใจคัด photobook หนังสือธรรมชาติในมุมที่มีเรื่องเล่าของนางเลิ้ง

Beingthere Detour Be myguest FLAVOR Resound art+culture Insights Trends Business Insiders Balance Craftyard News
Read At ONCE
  • ร้านหนังสืออิสระย่านนางเลิ้งที่มี 2 ตัวตนในร้านเดียว ร้านหนึ่งเป็นหนังสือภาพ อีกร้านเป็นหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติ พร้อมกับเป็นพื้นที่ให้คนได้แลกเปลี่ยนบทสนทนา มีเรื่องเล่า และเดินดูหนังสือไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อนตามหา

“ทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า Vacilando” – จริงๆ แล้วคำถามนี้ควรถามเป็นอย่างแรกสุดในการสัมภาษณ์ แต่ผมกลับเลือกเอาคำถามนี้ไว้ท้ายสุด เพราะ ปิ่น-วิทิต จันทามฤต เจ้าของร้านผู้หลงใหลในหนังสือภาพถ่าย (Photobook) เองก็บอกว่าเป็นสิ่งที่เคยตอบไปแล้วในหลายๆ บทสัมภาษณ์ และเชื่อว่าแทบทุกสำนักต่างก็ต้องถามคำถามนี้

อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้รับก็ยังมีความน่าสนใจอยู่ในนั้น ที่แน่ๆ เมื่อปิ่นบอกว่า มันมาจากหนังสือของ John Steinbeck ชื่อ Travels with Charley ที่เขาอ่านสมัยยังทำงานตำแหน่งหาโลเกชันในกองถ่ายภาพยนตร์

“รูทีนการทำโลเกชันคือ ตื่นมา วันนี้ชั้นจะต้องได้โรงแรมเก่าที่ข้างในหน้าตาประมาณนี้ ไม่รู้จะเจอมันที่ไหน แต่ก็ขับรถไปเรื่อยๆ ในวันที่ Google Map พึ่งมา แต่ใช่ว่าอินเทอร์เน็ตจะมีทุกที่ หาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เจอก็ลงไปถ่ายรูป และสุดท้ายก็ได้สิ่งเหล่านั้นมา ซึ่งช่วงเวลานั้น Travels with Charley ที่เราอ่านมันพูดถึงตัว Steinbeck ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับอเมริกามาตลอด แต่ไม่ได้ไปอัพเดตอเมริกาในยุคสมัยใหม่ ก็เลยขับรถไปเที่ยวอเมริกากับหมา บอกเมียว่าเดี๋ยวไปขับรถเล่นแป๊บหนึ่งนะ ทั้งทวีป แล้วก็มีการพูดถึงคำว่า ‘Vacilando’ ขึ้นมาว่า มันมีคำอยู่คำหนึ่งที่ไม่ได้แปลว่าโลเลหรือลังเลในภาษาสเปน และเป็นภาษาสเปนที่น่าจะไม่มีคำแปลตรงกับคำในภาษาอังกฤษได้ ประมาณว่ารู้แหละว่าจะไปที่นี่ แต่ไม่ได้สนใจว่าจะไปถึงเมื่อไหร่ โยนแผนที่ทิ้งไปหลังจากกากบาทแล้ว ไหลไปเรื่อยๆ

“เรารู้สึกว่า นี่แม่งกูเลย” ปิ่นพูดขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะเมื่อเล่าจบ

ถึงแม้ว่าคำคำนั้นอาจจะหมายถึงความไม่จริงจังของชีวิตที่นำมาซึ่งคำถามมากมายในวัยที่โตขึ้น แต่ปิ่นก็ยอมรับและน้อมรับมันเข้ามาในฐานะหนึ่งในความหมายของชื่อร้าน รวมไปถึงความหมายที่อาจมาจากตัวลูกค้าด้วยเช่นกัน

‘Vacilando Bookshop’ จึงเป็นร้านหนังสือที่อาจจะไม่ได้จริงจังมากนัก และก็ไม่ได้สนใจว่าจะถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ เช่น ฉันรู้แล้วว่าฉันจะมาซื้อหนังสือ Photobook ที่มีต้นไม้สวยๆ ข้างใน แต่ไม่รู้หรอกอยู่ตรงไหน ขอมาเดินหาไปเรื่อยๆ ในร้าน แต่ปิ่นเชื่อว่าเมื่อไปถึงจุดหมายนั้นแล้ว มันจะมีเรื่องเล่าและบทสนทนาอันแสนมีค่าที่เคล้าความสวยงามรออยู่ให้ได้แลกเปลี่ยนกัน

Vacilando Bookshop

7 ปีแห่งการโยกย้าย

หากไล่เรียงไทม์ไลน์กันคร่าวๆ Vacilando Bookshop ถือกำเนิดขึ้นในปี 2017 โดยอาศัยอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่กว่าจะมาถึงปี 2017 ได้ ปิ่นก็บอกว่ามันเป็นความไปๆ มาๆ จากการทำอาชีพมาอย่างมากมายหลากหลาย นับตั้งแต่เคยเป็นช่างภาพ เคยทำกองถ่ายภาพยนตร์ เคยทำประสานงานช่วยศิลปินต่างประเทศที่มาทำงานในประเทศไทย และทำเอเจนซีโฆษณา

“ช่วงเวลาตอนปี 2016 พอเราทำโลเกชัน แล้วต้องเดินทางไปหลายที่ ก็จะไปเจอร้านหนังสือที่เขามีซีเล็กชันเก่าๆ เราก็ซื้อเก็บมา แล้วก็เริ่มให้เพื่อนที่ทำงานโลเกชันด้วยกัน หรือเพื่อนที่ชอบถ่ายรูป เราก็จะสร้างกลุ่มเล็กๆ มาคุยสิ่งเราชอบในภาพถ่ายผ่านหนังสือกัน” ปิ่นเล่า

Vacilando Bookshop

ตัดกลับมาที่ปี 2017 ปิ่นได้ทำหนังสือเล่มหนึ่งไปออกที่ Art Book Fair ปีแรกสุด ที่นั่นทำให้เขาเห็นถึงลูกค้าหน้าใหม่ๆ ที่สนใจในหนังสือแนวเดียวกับที่เขาเลือกมา ได้เห็นลูกค้าหน้าใหม่ นอกจากคนที่เขาเคยตอบแชตในอินสตาแกรม หรือก็คือเขามองเห็นตลาดที่สามารถนำหนังสือไปวางขายได้ จนกระทั่งปี 2020 อุกกาบาตลูกโตชื่อโควิดตกลงมาถล่มโลก และการเอาตัวรอดของสำนักพิมพ์และร้านหนังสือน้อยใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้น

ช่วงต้นปี 2020-2021 Vacilando Bookshop มีหน้าร้านที่แชร์พื้นที่ร่วมกับ Books and Belongings ถึงอย่างนั้นก็มีโซนเป็นของตนเองแค่ 1-2 เชลฟ์ เป็นพื้นที่ให้พวกเขาได้นำเสนอหนังสือ และอย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาได้เจอและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ต้องย้ายไปที่วงเวียน 22 เพราะพิษโควิด ซึ่งตึกใหม่นั้นมีชื่อว่า อะไร อะไร (Arai Arai)

Vacilando Bookshop

“วงเวียน 22 คือที่ที่เรามีหน้าร้านเป็นของตัวเองทั้งสเปซจริงๆ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบาก เพราะต้อง Appointment Only จำกัดได้แค่ 5 คนต่อรอบ เปิดร้านได้ประมาณ 3-4 วันต่อสัปดาห์ ทว่า พอปลายปี 2022 เราป่วยเลยต้องพักร้านไป ก่อนจะกลับมาทำและย้ายมาอยู่ที่นี่ตอนกุมภาพันธ์ 2023 ตั้งไว้แบบ Pop Up แค่ตู้เดียว” ปิ่นเล่าถึงการย้ายสถานที่ครั้งที่ 3

สำหรับที่ตั้งร้านปัจจุบัน นั่นคือย่านนางเลิ้ง ปิ่นมองว่าเขาไม่ได้เลือกสถานที่ แต่เป็นสถานที่ที่เลือกเขา โดยแต่เดิมที่นี่เคยเป็นร้าน ‘Nangloeng Shophouse’ ของ ก้อง-อนุภาส เปรมานุวัติ

“มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของพี่ก้องพอดี เขามีสิ่งที่อยากไปทำ ก็เลยถามเราว่า ถ้าอาการดีขึ้นอยากจะเอาชั้นล่างไปเลยไหม เราก็โอเค ดีเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เรากับเอิงชอบมาเดินเล่นในย่านนี้ มากินข้าว แล้วพอมาอยู่ก็รู้สึกชอบโซนนี้ตรงที่ว่า มันมีความเป็นเหมือนเมืองต่างจังหวัด กึ่งเมืองเก่ากึ่งการท่องเที่ยว และยังมีความช้าอยู่ แถมคราวนี้เราได้อยู่ชั้นล่าง ในช่วงเวลาหลังโควิดแบบนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้ามาได้ และเรามีเพื่อนบ้านที่เป็นคนวัยเดียวกันที่มาเริ่มกิจการของตัวเองอยู่ที่นี่หลายคน ตรงนี้เลยกำลังจะครบ 2 ปีอย่างรวดเร็ว เราชอบที่นี่ที่สุดแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ” ปิ่นเล่าถึงร้านขนาดกะทัดรัดที่ทุกมุมต่างถูกหนังสือจองพื้นที่เอาไว้

Vacilando Bookshop

Parallel Bookshop

ในตอนที่ติดต่อสัมภาษณ์ ปิ่นได้บอกว่าเขากับ เอิง-กนิฐปัญณีย์ นิ่มศรีทอง นั้นทำร้านแบบ Parallel Bookshop โดยมี Sporre Book ของเอิงคู่ขนานไปด้วยกัน แต่เมื่อได้มาพูดคุยกันจริงๆ คำว่าคู่ขนานนั้นมีความหมายที่กว้างกว่านั้น

“จริงๆ เราอยากใช้คำว่า Parallel Bookshop ตรงที่ว่าเมื่อก่อนเรามีอาชีพหลัก ร้านหนังสือเป็นอาชีพคู่ขนาน ไม่ใช่อาชีพเสริม แต่พอเราไม่ได้ทำงานกองถ่ายหรือโฆษณาแล้ว เราเลยอยากหา Parallel Jop ที่คู่ขนานในสถานะที่ว่า ต้องไม่กวนร้านหนังสือ ต้องไม่กวนสุขภาพและวัย บางทีเราก็อยากหางานประจำ แต่ด้วยวัยขนาดนี้แล้ว และว่ากันตรงๆ คือเรื่องของราคาจ้าง แถมเราก็มีร้านอยู่ข้างหลังที่จะไม่ปล่อยไป เพราะฉะนั้น เราต้องการความสมดุลของงานทั้งสองฝั่ง เป็นงานที่ขนานกันไปเรื่อยๆ โดยที่เรายังได้เงินด้วย และเรายังไม่ตายไปกับมัน” ปิ่นเล่าถึงความหมายของวลีนี้

Vacilando Bookshop

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้คำว่า Parallel จึงใช้กับร้านหนังสือสองร้านที่เดินขนานไปด้วยกัน นั่นคือ Vacilando Bookshop และ Sporre Book โดยร้านหลังนั้นมาจากตัวเอิงที่เคยทำสิ่งพิมพ์มาก่อน และมีความสนใจในธรรมชาติ นั่นจึงทำให้ซีเล็กชันของเธอเป็นหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติที่คัดเลือกอย่างพิถีพิถัน การันตีโดยปิ่นร้านข้างๆ

Vacilando Bookshop

Selected Independent Bookshop

ชื่อหัวข้อคือคำนิยามที่ปิ่นมอบให้ร้านของเขา ส่วนเหตุผลของการนิยามก็นำเรามาสู่แนวทางหรือเกณฑ์ในการเลือกหนังสือเข้าร้านของเขา โดยจะมีตั้งแต่เลือกหนังสือที่ชอบ หนังสือที่ขายได้ หนังสือที่ลูกค้าอยากจะซื้อ เป็นเกณฑ์ที่ทำให้งานที่กำลังทำอยู่สามารถหล่อเลี้ยงได้ทุกอย่าง ทั้งในส่วนของทุนและความรู้สึกข้างใน

จุดเริ่มต้นนั้นคล้ายกับร้านอื่นๆ ในทีแรกร้านของปิ่นวางขายหนังสือมือสองทั้งหมด เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้ แต่เมื่อผ่านไปเรื่อยๆ จนเริ่มสร้างโปรไฟล์ให้กับร้าน และได้ไปออกงานที่ญี่ปุ่น นั่นเองที่ทำให้เขาได้เจอกับสำนักพิมพ์ และเปลี่ยนระบบของร้านเป็นการนำเข้า พร้อมกับขึ้นคำว่า Currently in Stock

Vacilando Bookshop

“เรารู้จักชื่อช่างภาพคนนี้ รู้จักแนวช่างภาพคนนี้ และด้วยความที่เราใช้ไอจี เราสามารถเข้าไปดูได้ว่าลูกค้าแต่ละคนไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหน เขาซื้อเล่มนี้ไป เขาน่าจะชอบอะไร เราเลยใช้สิ่งนี้มาเป็นการไกด์ว่า ถ้ามีเล่มสไตล์นั้นควรมีเล่มนี้ด้วย น่าจะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้กลับเข้ามา เป็นการโยงใยไปเรื่อยๆ ผ่านซีเล็กชันที่เป็น Photography

“จน Art Book Fair ปีที่ 2-3 หรือเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว เราเห็นว่ามีอีกกลุ่มหนึ่ง คือนักเรียนศิลปะที่เขาไม่มีหนังสือภาษาไทยอ่าน แต่เขาสามารถอ่านและซื้อหนังสือภาษาอังกฤษได้ และหนังสือที่เขาสนใจไม่ได้มีในตลาดที่นี่ ด้วยความที่เรามีช่องทาง ทำไมเราไม่ลองเอาสิ่งนี้เข้ามา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เอิงเข้ามาช่วย เลยมีหนังสือธรรมชาติเข้ามาด้วย และกลายเป็นว่ามันไม่ใช่แค่ Photobook เพื่อช่างภาพเท่านั้น แต่กลายเป็น Photobook เพื่อคนอื่นๆ กลายเป็น Textbook เพื่อนักเรียนที่ไม่อยากอ่านอะไรเครียดๆ” ปิ่นเล่าถึงแนวทางการนำเข้าหนังสือในร้าน

ร้านของปิ่นและเอิงจึงค่อยๆ ใหญ่ขึ้นตามบทสนทนาที่มีกับลูกค้า รวมถึงกิจกรรมเล็กๆ ที่จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนให้คนเข้ามาที่ร้าน จนวันหนึ่ง TCDC (Thailand Creative & Design Center) ได้เข้ามาเห็น และสนใจที่จะซื้อหนังสือในร้านไปไว้ที่ห้องสมุด ซึ่งปิ่นมองว่าการนำหนังสือบางเล่มไปไว้ในห้องสมุดจะเป็นผลดีต่อการเข้าถึงหนังสือที่มีราคาหลายๆ เล่มได้

Vacilando Bookshop

“แต่เราก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง เราชำนาญที่สุดคือ Photobook เอิงรู้จักธรรมชาติ แต่บางเรื่องเราก็ไม่รู้ลึกขนาดนั้น สุดท้ายจะมีหน่วยงานหรือลูกค้าเข้ามาเลือกให้เราว่า ถ้าพวกเรามีสายส่งอยู่ในสำนักพิมพ์นี้ ทำไมไม่ลองเอาเล่มนี้เข้ามาล่ะ เขาอยากอ่าน ทุกคนที่สร้างร้านกันมาคือลูกค้าด้วย สุดท้ายแล้วลูกค้าทุกคนที่ช่วยสั่งของตั้งแต่วันแรกก็มีความเป็น Readership ที่ช่วยให้สังคมการอ่านของที่นี่เกิดมาด้วยเหมือนกัน ซึ่งจะต่างจากร้านหนังสือทั่วไปที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้า เพราะว่าอันนั้นคุณต้องรู้ก่อนว่า คุณอยากได้อะไร คุณหาไม่เจอก็ไปถามเขา แต่เราจะถามเขากลับด้วยว่า อันนี้เกี่ยวกับอะไรเหรอครับ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย เพราะเราไม่รู้จริงๆ สำหรับเราก็เลยกลายเป็น Selcted Independant Bookshop” ปิ่นขยายความ

Vacilando Bookshop

3rd SPACE

ปิ่นเล่าว่าคอนเซปต์ของ 3rd Space นั้นมีมาตลอด สำหรับเด็กคนหนึ่ง สถานที่ที่หนึ่งคือบ้าน สถานที่ที่สองคือโรงเรียน สถานที่ที่สามอาจจะเป็นสนามเด็กเล่น และสำหรับคนอื่นๆ สถานที่ที่สามอาจเป็นได้ทั้งโรงหนัง สวนสาธารณะ หรือร้านหนังสือ

“จริงๆ ควรจะต้องมีคำว่าย่าน และก็มีสิ่งที่คล้ายๆ กันอยู่ในแต่ละย่าน แต่เข้าใจแล้วว่ากลไกหลายๆ อย่างของประเทศเราไม่พอและไม่พร้อม เราอยู่ที่นี่ยังโดนบอกเลยว่ามายาก แต่ถ้าเราไปอยู่ในที่ที่มาง่ายหรือโซนในเมืองอย่างห้าง เราโดนค่าเช่าที่ 2 เดือน ก็เจ๊งแล้ว” ปิ่นเล่าด้วยความเศร้าปนเสียงหัวเราะเบาๆ

เราขอให้ปิ่นขยายความคำว่า ไม่พอและไม่พร้อม

ไม่พอ คือ จำนวนสถานที่ที่ไม่พอรองรับความต้องการ

ไม่พร้อม คือ ไม่พร้อมรองรับความต้องการของผู้คน

Vacilando Bookshop

“กลับไปที่เรื่องห้องสมุด คนไม่ได้มองหนังสือเป็นสิ่งที่คล้ายกัน มันไม่ได้มี Norm ที่ถูกปลูกฝังมาแบบญี่ปุ่น ทำไมหนังสือถึงเป็นเล่มเล็กๆ เพราะถูกดีไซน์มาให้อ่านได้ทุกที่ทุกเวลา เรายังไม่วิวัฒน์ไปถึงตรงนั้น แต่บางอย่างก็ล้นเหลือมากๆ เลยนะ เช่น คอนเทนต์ที่ไปอยู่ในออนไลน์หมดเลย แต่เข้าใจว่าการที่จะนำทุนมาทำสิ่งพิมพ์ อาจจะรีเทิร์นช้ากว่าการทำออนไลน์ เราเลยรู้สึกว่าโจทย์ของที่นี่ยาก เพราะมันไม่พอ ไม่พร้อม และล้นเหลือ

“เราจะพูดว่าคำว่า ‘ดีกว่าไม่มี’ แต่เพื่อนเราชอบบอกว่าพูดคำนี้ไม่ได้ พวกเราต้องลงมือทำ ตอนทำร้านปีที่หนึ่ง ก็แค่รู้สึกว่าไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน เราก็ไม่เคยคิดนะว่าวันหนึ่งจะมีร้าน หรือจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง ซึ่งก็ดีกว่าไม่มีเยอะเลย” ปิ่นพูดด้วยความรู้สึกของคนเศร้า

Vacilando Bookshop

Palermo Shooting (2008, Wim Wenders)

ไม่นานมานี้ปิ่นมีโอกาสร่วมงานกับสถาบันเกอเธ่ (Goethe-Institut Thailand) ในการจัดฉายภาพยนตร์เรื่อง Palermo Shooting ของ Wim Wenders ซึ่งเป็นหนึ่งในนิทรรศการที่ปิ่นใช้ความชอบส่วนตัวขนานไปกับหน้าที่การจัดงาน ทั้งความชอบในตัววิม เวนเดอร์ส ในฐานะช่างภาพและผู้กำกับภาพยนตร์ ที่หาโลเกชันในการถ่ายทำเอง ส่งผลให้ปิ่นมีความคิดว่า ในเมื่อได้ทำแล้วก็อยากทำให้หมดเท่าที่อยากเลย

นอกจากนี้ ด้วยความที่เคยทำงานสายภาพยนตร์มาก่อน ปิ่นจึงรู้ว่าควรเชื่อมโยงภาพยนตร์กับหนังสืออย่างไรในนิทรรศการนี้

Vacilando Bookshop

“หนึ่ง มีฉายหนัง สอง เรามีโมเดลที่เรียกว่า Photobook Club เป็นการให้คนมาแนะนำและแลกเปลี่ยนหนังสือเกี่ยวกับช่างภาพแต่ละคน แต่ละธีม เป็น Original Event ที่เราทำมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว อีกอันหนึ่งที่เพิ่งได้ทำที่นี่แล้วดีใจคือ การทำ Photobook Showcase ที่ให้คนได้ลองไปสัมผัสด้วยตนเองโดยที่ไม่มีคนเล่าให้ฟัง สิ่งเหล่านี้จัดแสดงอยู่ในห้องสมุดของเกอเธ่ พร้อมกับกล้องถ่ายรูปบางอันที่เคยอยู่ในหนังวิม เวนเดอร์ส เมื่อ 50 ปีที่แล้ว กับเรื่องล่าสุด Perfect Day

“บางทีคนที่มา เขาอยากมาทำกิจกรรม อยากได้ความสนุก อยากได้ความบันเทิง หรืออยากได้ความรู้ หรืออยากได้สิ่งของกลับไป แต่ถ้าต้องจ่ายเพิ่มไปอีก บางอย่างมีมูลค่าค่อนข้างสูง เราเลยรู้สึกขอบคุณมากที่มีหน่วยงานทางวัฒนธรรมสนับสนุนสิ่งนี้ และให้โอกาสเราได้ทำ และมีคนอีกจำนวนมากได้เข้าไปดูงาน” ปิ่นเล่าถึงกิจกรรมที่เพิ่งจัดไป

Vacilando Bookshop

เรื่องเล่าที่นำมาพาให้กลับมา

“เรารู้สึกว่าอยากให้ทุกคนมีเรื่องเล่ากลับไป” ปิ่นเปรย

แน่นอนว่าปิ่นย่อมอยากให้ลูกค้าที่มาร้านได้หนังสือกลับไป แต่ถ้าหากได้เรื่องเล่ากลับไปพร้อมกันด้วย เขาก็ดีใจ เพราะบางครั้งทำให้เขานึกถึงประสบการณ์ตรงของตัวเอง

ปิ่นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อตอนไป Booksmith ในร้านตอนเย็นๆ ขณะที่เขากำลังเลือกหนังสืออยู่ มีแม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามา และคนลูกก็คงอยากได้หนังสือมากเลย ถึงกับบอกแม่ว่าอยากได้เล่มนี้ ก่อนที่แม่จะตอบกลับว่า เล่มที่แล้วอ่านจบรึยังลูก

“มันคลิกกับเรามาก เพราะว่านั่นคือเราตอนเด็กเลย แม่จะถามตอนอยู่ในร้านหนังสือว่าอยากได้อะไร เพราะเป็นสิ่งเดียวที่แม่ให้ซื้อ” ปิ่นเล่าถึงประสบกาณณ์ร่วมที่มีกับเด็กคนนั้น

Vacilando Bookshop

อีกเรื่องเล่าหนึ่งเกิดขึ้นที่ร้านหนังสือย่านนางเลิ้งของเขาเอง มีพ่อลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งด้วยสัญชาตญาณ เขารู้ทันทีว่าคนพ่อไม่ใช่ลูกค้าแน่นอน ซึ่งเขาก็คิดถูก เพราะคนที่เดินดูคือคนลูกที่กำลังมองหาหนังสือเล่มที่ถูกใจ ไม่นานนักเด็กคนนั้นก็เดินเข้าไปหาคุณพ่อพร้อมกับขอซื้อเล่มที่ต้องการ

“เราเข้าใจเลยว่า ถ้าเป็นพ่อ บางคนไม่รู้หรอกว่าลูกชอบอะไร ไหนนำเสนอสิ เขาก็ซื้อไป แล้วไปยืนเล่าให้พ่อฟังตรงมุมหนึ่งของร้าน เราที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็มองดูรีแอ็ก เรารู้สึกว่านี่แหละ เขามีเรื่องเล่าแล้ว” ปิ่นเล่าถึงลูกค้าในร้านของเขา

เรื่องสุดท้ายที่ปิ่นเล่าเกิดขึ้นที่เชียงใหม่อีกครั้ง เขาได้ยินเด็กวัยรุ่นสองคนในร้านหนังสือคุยกันว่า ตนได้ซื้อหนังสือเล่มหนึ่งมา เป็นหนังสือ Photobook เล่มใหญ่ๆ และข้างในเป็นภาพขาวดำที่เป็นรูปอวัยวะร่างกาย คิดว่าน่าจะซื้อจากร้านหนังสือที่ Art Book Fair ซึ่งนั่นคือหนังสือของปิ่นเอง

“เราอยู่ตรงนั้นพอดีก็ขนลุก” ปิ่นหัวเราะ “เลยเดินไปบอกว่า ขอบคุณมากครับ นั่นร้านพี่เอง เรารู้สึกว่าวงจรมันคอมพลีตแล้ว ตรงที่ว่า ถ้าลูกค้าไม่ได้หนังสือกลับไป น่าจะได้เรื่องเล่ากลับไป และน่าจะจำได้ว่าตอนนั้นมีร้านนี้อยู่”

ท้ายสุดผมถามปิ่นว่าเขาได้อะไรกลับมาบ้างจากการทำร้านหนังสือแห่งนี้ เขาตอบกลับมาทันทีว่า

“ได้มีชีวิตอยู่ที่นี่แหละ” ปิ่นเปรย “ปีที่เราป่วย เรารู้สึกว่าถ้าไม่มีร้าน คงไม่รอดเหมือนกัน ร้านเป็นพลังงานของเรา การได้พูดคุย มันเป็นชีวิตไปแล้วจริงๆ ถ้าวันนั้นไม่ได้เลี้ยวมาทำร้านหนังสือเลย เกิดโควิด แล้วทุกอย่างมันซ้ำเดิมหมด เราจะอยู่ที่ไหน เราคิดไม่ออก รวมถึงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าไม่ทำร้าน จะมีบทสนทนาของพ่อกับลูก ของแม่กับเด็กให้เราได้ยิน แล้วเราจะรู้สึกดีกับมันมากขนาดนี้ด้วยหรือเปล่า”

Vacilando Bookshop

ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

ก่อนจากกันเราขอให้ปิ่นแนะนำหนังสือ 1 เล่มในร้านที่เขาชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นเล่มที่อยากขาย แต่ขอให้เป็นเล่มที่เขามีความรู้ส่วนตัวและความรู้สึกดีที่ได้หยิบมันขึ้นมาแนะนำให้คนได้รู้จัก

“ชื่อหนังสือ Summer Night, Walking ของ Robert Adams” ปิ่นวางหนังสือปกดำลงตรงหน้าเราก่อนจะเริ่มอธิบาย “เขาเป็นช่างภาพชาวอเมริกันที่สอนวรรณกรรมอังกฤษ หนังสือออกมาตั้งแต่ปี 1976 ก็เกือบจะ 50 ปีแล้ว มันมีบางอย่างที่ทำให้เราอธิบายความงามของภาพในหนังสือเล่มนี้ไม่ถูก รู้จักครั้งแรกในออนไลน์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน และรู้ว่ามีขายที่คิโนะฯ แต่ซื้อไม่ทัน รีปรินต์แล้วก็ยังไม่ได้ซื้อ และยังไม่เคยเห็นเล่มจริงเลยในตอนนั้น จนมันขาดตลาดไป

“งานของ Robert Adams ในเกือบทุกๆ ชิ้นจะบอกเล่าว่า ธรรมชาติในอเมริกาไม่ได้สมบูรณ์ขนาดนั้นหรอก มนุษย์นั่นแหละเป็นตัวทำลายธรรมชาติ และคุณต้องรวมมนุษย์เข้าไปอยู่ในรูปด้วย หรือความงามในแบบอื่น เช่น ตึกที่กำลังถูกธรรมชาติยึดพื้นที่คืน เราอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แต่รู้สึกว่ามีบรรยากาศอะไรบางอย่าง จนกระทั่งเขาเพิ่งรีปรินต์เมื่อตอนกลางปีที่ผ่านมา แล้วเราสามารถดีลสิทธิ์สำนักพิมพ์เอามาขายที่นี่ได้ เราเองก็เพิ่งได้มีเล่มแรกเป็นของตัวเอง และยังได้ขาย ได้บอกเล่ากับลูกค้าว่า ทำไมเราชอบหนังสือของคนคนนี้ ถ้าชอบที่สุดของปีนี้ ดีใจที่หามาได้ และดีใจที่ได้ซื้อเก็บก็คงเป็นเล่มนี้ ยิ่งพอไปดูบทสัมภาษณ์ในออนไลน์แล้วจะร้อง ปู่เขาก็อายุ 90 กว่าปีแล้ว เขาพูดเลยว่านี่น่าจะเป็นรีปรินต์ท้ายๆ ในชีวิตเขาของแล้ว”

ปิ่นค่อยพลิกหน้ากระดาษให้เราเห็นถึงความงามของรูปถ่ายในหนังสือเล่มนี้ แม้บทสนทนาจะจบลงแล้วก็ตาม

Vacilando Bookshop
ที่อยู่: 96/2 ถ.จักรพรรดิพงษ์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/gVDjgo9Snb8nX2jWA
เวลาทำการ: ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 13:00 – 18:30 น.
FB: Vacilando Bookshop
IG: Vacilando Bookshop

Tags: